คันอวัยวะเพศหญิง คันในร่มผ้า อุ๊ย...ไม่รู้เป็นอะไร?

อ่าน 13,892

อาการคันอวัยวะเพศหญิง คันในร่มผ้าจนทำให้คุณสาว ๆ อยู่นิ่ง ๆ แทบไม่ได้ต้องรีบแก้ไข อย่าปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกต่อไป เดี๋ยวจะดูไม่งาม

คันในร่มผ้า อาการสุดน่ารำคาญที่ทำให้สาว ๆ จำนวนไม่น้อยหงุดหงิด บางคนก็คันถึงขนาดไม่สามารถจะนั่งอยู่นิ่ง ๆ ได้เป็นเวลานาน แต่จะให้หาทางรักษาก็ยังแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาการคันนี้มาจาก???อะไรกันแน่ เลิกปวดหัวกันได้เลยค่ะสาว ๆ เพราะวันนี้เราจะพาสาว ๆ ทั้งหลายไปเรียนรู้สาเหตุของอาการคันในร่มผ้า หรืออาการคันบริเวณน้องสาว และช่องคลอดมาฝากกันจากเว็บไซต์ Woman's Health รับรองได้เลยถ้ารู้สาเหตุแล้วรักษาได้ถูกต้อง ไม่นานก็หายคัน !

1. ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis หรือ B.V.)

ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เป็นสาเหตุต้น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการคันบริเวณช่องคลอด โดยอาการนี้มีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของเชื้อแบคทีเรียชนิดที่???ดี และความเปลี่ยนแปลงของความเป็นกรดด่างในช่องคลอด ซึ่งจะมีอาการใกล้เคียงกับการติดเชื้อยีสต์

โดยแพทย์หญิง Lauren Streicher ผู้เขียนหนังสือ Sex Rx: Hormones, Health, and Your Best Sex Ever. ได้เปิดเผยว่า แม้อาการช่องคลอดอักเสบนี้จะมีอาการใกล้เคียงกับก???ารติดเชื้อยีสต์ แต่ในกรณีนี้ ช่องคลอดจะแฉะและมีกลิ่น ต่างจากการติดเชื้อยีสต์ที่จะมีของเหลวขุ่นเหนียวออกมา วิธีการรักษาของอาการนี้คือการใช้ครีมปรับสมดุลของแบคทีเรียและ???ความเป็นกรดด่างของช่องคลอดซึ่งมักจะมีวางขายตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป หากใช้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์สั่งยาที???่แรงกว่านี้ และไม่ควรซื้อยาที่แรง ๆ ใช้เองโดยเด็ดขาดค่ะ

2. การติดเชื้อยีสต์ (Yeast Infection)

ภาวะติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอด มีอาการคล้ายกับอาการช่องคลอดอักเสบ เพียงแต่อาการของการติดเชื้อนั้นจะมีของเหลวสีขาวขุ่นและเหนียว???ออกมาด้วย โดยแพทย์หญิง Wendy Askew แห่งสถาบันสุขภาพผู้หญิงในเมือง San Antonio รัฐเทกซัส ได้เปิดเผยว่า สาเหตุของโรคติดเชื้อยีสต์นั้นมีหลายสาเหตุไม่ว่า???จะเป็น เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ การใช้ยาปฏิชีวนะ ความเครียด แม้แต่อาหารที่เรารับประทานเข้าไปก็ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานจะมีความเสี่ยงมากกว่า???ผู้หญิงทั่วไป แต่อาการเหล่านี้ก็สามารถรักษาได้ด้วยยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ที่มีข??ายต?ามร้านขายยาทั่วไปค่ะ

3. ผื่นผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส (Contact Dermatitis)

การระคายเคืองบริเวณในร่มผ้าสามารถเกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์บางอย???่างได้ โดยนายแพทย์ Brett Worly ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาแห่งมหาว???ิทยาลัยโอไฮโอสเตจ เปิดเผยว่า อาการระคายเคืองบริเวณช่องคลอดสามารถเกิดได้จากสารเคมีทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมหรือสารเติมแต่งที่ใช้หรือแม้แต่ถุงยางอนามั???ย สารหล่อลื่น โดยอาการเหล่านี้สามารถสังเกตได้จากรอยแดงและผื่นหนา

นอกจากนี้ก็ยังอาจจะเกิดจากการแว็กซ์และโกนบริเวณจุดซ่อนเร้นได???้อีกด้วย ดังนั้นหากคุณรู้ตัวว่าตนเองมีภาวะการไวต่อการระคายเคืองก็ควรหลีก?เลี่ยงการใช้สารเคมีต่าง ๆ ในบริเวณจุดซ่อนเร้น หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความละเอียดอ่อนต่อจุดซ่อนเร้น ใช้เพียงน้ำสะอาดล้างก็เพียงพอแล้วค่ะ

4. สะเก็ดเงิน

ความผิดปกติทางพันธุกรรมของผิวอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดรอย???แดงและอาการคันบริเวณอวัยวะเพศได้ โดยมักจะเกิดขึ้นเป็นกระจุกหรือมีลักษณะเหมือนผื่น วิธีการรักษาเบื้องต้นก็คือการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดที่ไม่รุน?แรงอย่างเช่น ยาไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) หรือจะใช้วิธีแบบธรรมชาติคือ การอาบน้ำที่ผสมด้วยข้าวโอ๊ตก็สามา???รถช่วยลดอาการคันได้เช่นกัน ถ้าหากใช้วิธีเหล่านี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่???อใช้วิธีการรักษาทางการแพทย์อื่น ๆ ต่อไป

5. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD: Sexually transmitted disease)

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคติด???ต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เป็นผลทำให้คุณสาว ๆ อาจจะมีอาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นได้ โดยอาการคันนี้มีสาเหตุได้จากโรคหนองในเทียม, เริม, โรคพยาธิในช่องคลอด, และหนองใน นอกจากนี้ยังอาจจะเกิดจากโลนที่เกาะอยู่ตามขนที่อวัยวะเพศได้อี???กด้วย

ดังนั้นหากคุณเกิดอาการคันและอาการผิดปกติต่าง ๆ ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น อาการแสบเวลาที่ปัสสาวะ มีกลิ่นเหม็นบริเวณจุดซ่อนเร้น แผลที่อวัยวะเพศ หรืออาการแสบขณะมีเพศสัมพันธ์แล้วละก็ ไม่ควรที่จะหายารักษาเอง แต่ควรจะไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย หาทางรักษาต่อไปค่ะ

6. โรคผิวหนังอักเสบชนิดแห้งฝ่อ (Lichen Sclerosus)

โรคผิวหนังอักเสบชนิดแห้งฝ่อสามารถเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของ???ฮอร์โมน หรือระบบภูมิคุ้มกันได้ ดังนั้นหากคุณมีอาการคัน ร่วมกับเกิดจุดขาวบนผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นละก็ นั่นแปลว่าคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาการเหล่านี้จะต้องได้รับการรักษาจากสูตินรีแพทย์และใช้ยาตามใบสั?่งแพทย์เท่านั้นค่ะ

7. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถทำให้เกิดอาการคันบริเวณจุดซ่อน???เร้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะหญิงที่ตั้งครรภ์ หญิงวัยหมดประจำเดือน หรืออยู่ในระหว่างการคุมกำเนิด จะพบกับอาการคันได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการช่องคลอดแห้งร่วมด้วย

ดังนั้นหากในช่วงก่อนที่จะมีประจำเดือน คุณมีอาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นควรจะเปลี่ยนมาสวมใส่ชั้นในที่โ???ปร่งและมีเนื้อผ้านุ่มไม่ระคายเคืองผิว หรือถ้าคุณสาว ๆ กำลังอยู่ในช่วงคุมกำเนิด ก็ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่ามีสาเหตุมาจากยาหรือ???ไม่ หากใช่ แพทย์ก็จะเปลี่ยนยาให้เพื่อให้อาการคันลดลงค่ะ

ได้ทราบสาเหตุกันแบบนี้แล้ว ใครที่ยังมีอาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นอยู่ รีบสังเกตอาการและใช้วิธีรักษาที่ถูกต้องกันดีกว่านะคะ ขืนทิ้งเอาไว้นานนอกจากจะทำให้บุคลิกภาพเสียแล้วยังอาจจะทำให้เ???กิดอาการเรื้อรังจนรักษาให้หายได้ยากกว่าเดิมได้ค่ะ



บทความแนะนำ


ที่คาดผมดอกไม้LiveCirqueSoleilQuidam2015Bangkokคิดถึงหัวใจแยกจากกันโปรโมชั่นGENมงกุฏดอกไม้ทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก