5 สัญญาณเตือนว่า คุณเริ่มเป็น 'ของตาย' มากกว่า 'ตัวจริง'
ใน
ตอนรักกันใหม่ๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ต่างคนต่างจะคิดว่านี่แหละคือตัวจริงที่จะอยู่คู่
กันไปนานๆ จนลืมคิดไปว่า สักวันก็ต้องเข้าสู่ภาวะ ' จุดอิ่มตัว ' ที่รู้ไส้รู้พุงกันหมด ชินมากกว่าชิน คุ้นมากกว่าคุ้นกันแล้ว
ภาวะนี้เอง ที่จะ ' แสดงธาตุแท้ ' ของแต่ละคนออกมาได้ดี ใครที่แสนดีก็จะมีมุมดีขึ้นไปอีก ใครที่ไม่ได้จริงจังหรือจริงใจแต่แรก ก็จะเริ่มมีพฤติกรรมแย่ๆ ออกมาแล้ว
และในด้านแย่นี้เอง สาวๆ อย่าเข้าใจผิดนะจ๊ะว่า ' อภัยเพราะหวังว่าจะซื้อใจ 'บาง
ทีแล้ว สิ่งที่เราทำอยู่ มันก็แค่การยื้อกันไว้ก็แค่นั้น
ถ้ารู้สึกว่ายิ่งนานวัน อาการยิ่งหนัก ความรักไม่มีอะไรดีขึ้น
และมีสัญญาณเตือนต่อไปนี้ชัดเจนเรื่อยๆ ถอยออกมารักตัวเองดีกว่าเนอะ
#1 สิ่งที่เราเคยทำให้ เมื่อก่อนบอกว่าชอบ เดี๋ยวนี้รู้สึกรำคาญทำ
เป็นเฉยไป ยังพอจะเข้าใจได้ว่าเขาไม่ทันได้สังเกต หรืองานยุ่งมากๆ
จนไม่มีเวลามาใส่ใจ แต่ถ้าจู่ๆ ก็แสดงท่าทีรำคาญ ไม่พอใจ
โดยไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าก่อนว่า ' ที่รัก สิ่งที่คุณทำให้ผมอยากขอให้คุณเปลี่ยนแปลงสักหน่อยนะ ' แบบนี้มันก็สะเทือนความรู้สึกกันไปนิด
แต่อย่าเพิ่งฟันธงไปว่า เขามีใหม่ หรือต้องการจะเลิก เพราะอาการในข้อนี้ความชัวร์มันก็แค่ 30%
ในวันนั้นเขาอาจรู้สึกเครียดที่ทำงาน, เราเข้ามาเอาใจผิดจังหวะไป
หรือแง่ร้ายหน่อยก็คือเขาไปพึงพอใจสิ่งใหม่
จนรู้สึกว่าสิ่งที่เราเคยทำให้ประจำ
มันเป็นมุกเก่าแก่ที่น่าเบื่อจนเข้าขั้นน่ารำคาญ ค่อยๆ คิดให้รอบคอบ
จับเข่าคุยกันดีๆ สักครั้งดู
#2 เขาเริ่มไม่รู้สึกผิดอะไรที่ปล่อยให้เราต้องรอโดย
มารยาททั่วไป หากเรานัดใคร หรือสัญญากับใครไว้
เราจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน หรือผิดนัดแน่นอน
เว้นเสียแต่เหตุสุดวิสัยจริงๆ เพราะนอกจากมันจะเป็นการเสียมารยาทต่อคนอื่น
มันยังเป็นการดิสเครดิตตัวเองไปพร้อมกันด้วย
ใน
ฐานะคนรักกันก็เช่นกัน หากรักกันดี ต้องมีใจเป็นห่วงกันแน่นอนว่า
อีกฝ่ายที่รอจะรู้สึกยังไง ? รอนานมั้ย ? การผิดนัดบ่อยครั้ง
พยายามหาข้ออ้างมาหักล้างเหตุผลที่ผิดนัดเป็นประจำ
มันก็เริ่มเป็นสัญญาณที่ส่อเค้าแล้วว่า ' ขนาดเรื่องนัดหมายที่มันเกี่ยวข้องกับจิตใจคนรอ ยังกล้ามองข้ามอยู่บ่อยๆ ' นับประสาอะไรกับเรื่องใหญ่กว่านี้ล่ะ
#3 เขามีสิทธิ์หึงหวงเราได้ แต่เราไม่มีสิทธิ์หึงหวงเขาโดยปกติ คนรักกันมันก็ต้องมีการหวงและห่วงกันนิดๆ บ้าง หรือที่เรียกกันว่า ' หึง ' คนที่โดนหึงก็จะรู้สึกดีบ้างแหละว่า ' แหม... เป็นห่วงเราด้วยนะ '
การหึงหวง นอกจากเป็นอาการของความเป็นห่วงใยกัน อีกประการหนึ่งก็คือ ' ไม่อยากจะเสียคนที่รักที่สุดไป '
ถ้าวันหนึ่งเราต้องเก็บอาการหึง เพราะแฟนเราไม่ชอบ หรือเพราะเหตุใดก็ตาม แต่แฟนเรากลับหึงได้เปิดเผย นั่นคือ
' แฟนเราก็อยากเก็บเราไว้ แต่ก็อยากไปรื่นเริงกับใครต่อใครก็ได้
โดยที่ไม่รู้สึกว่าโดนหักหน้า หรือมีอะไรแปะป้ายว่าเขามีเจ้าของแล้วนะ '
ถ้าเป็นแบบนี้ ถอยออกมาตั้งสติก่อนเถอะ ลองปรับความเข้าใจกันดีๆ ว่าถ้าจะคบกันต่อ ใครต้องปรับเปลียนอะไรบ้าง
หมายเหตุ :
ข้อนี้ใช้ไม่ได้กับกรณีที่เราหึงเกินเหตุ เกินงามแต่แรกนะจ๊ะ เช่น
ไปทำร้ายร่างกายเขาต่อหน้าเพื่อน,
ทะเลาะกันโดยใช้ความรุนแรงเมื่อจับได้ว่าคุยกับใคร,
แค่เขาคุยกับเพื่อนทั่วไปก็มโนไปก่อนโดยไม่ถามหน้าถามหลัง
ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเขาก็สมควรแล้วที่หนีเราไปหาคนที่สบายใจกว่า
#4 เขาใช้เราเพื่อผลประโยชน์ตัวเองมากขึ้น
คน
รักกันก็ต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะช่วยด้วยความเสน่หา
หรือเพราะเห็นแก่ความเป็นมนุษย์ด้วยกันก็ตาม
แต่ถ้าเมื่อไหร่มันเริ่มเข้าขั้นที่ ' เอาเปรียบเรา ' เช่น
ขี้เกียจทำทั้งที่ตัวเองก็ทำได้
ขอให้ทำในสิ่งที่ตัวเราเองก็ไม่เคยทำมาก่อน
ขอให้เราทำโดยไม่สนใจใยดีว่าเราจะลำบากแค่ไหน เกินกำลังเราเพียงใด
มันก็ถึงเวลาแล้วที่เราต้องพัก และถอยออกมาทบทวนตัวเองสักระยะ
คนรัก
กันจริงมันก็ต้องมีการแฟร์ต่อกันบ้าง ถ้าฝ่ายหนึ่งทำแทบตายเท่าไหร่ก็ไม่พอ
อีกฝ่ายก็ขออยู่ได้เรื่อยๆ หยุดเถอะ กลับมารักตัวเองอีกว่าทุ่มเทขนาดนั้น
ถ้าเขาไม่รัก ควรรักตัวเองดีกว่า
#5 เขาไม่รู้สึกผิดอะไรที่จะกิ๊กคนนั้น คุยกับคนนี้เหมือนที่คุยกับเรา
อย่าคิดว่าเขาจะสำนึกกับความใจกว้างที่
เกินไปของเรา
ในจุดนี้ควรเฟดตัวเองออกมาอย่างจริงจังเพื่อทบทวนตัวเองให้ดีว่าเขาควรค่า
แก่การจะรักต่อไปอีกหรือ ? ในเมื่อเขาใจร้ายกับเราได้ถึงขนาดนี้
เราก็อย่าใจร้ายกับตัวเองด้วยการพาตัวเองไปทนกับคนที่ไม่แคร์หัวใจเราอีก
เลย