อยู่ดีๆ แม่สามีก็ยกมรดก (หนี้) ให้อีก 300,000

อ่าน 14,356

ขอเกริ่นรายละเอียดก่อนนะคะ

คือเราแต่งงานกะสามีแล้วย้ายไปอยู่ที่บ้านของสามีค่ะที่บ้านสามี ก็มี พ่อและแม่ของสามี พี่สาวของแม่สามี ยายของสามี สามี เรา น้องสาวสามี 2 คน หลานอีก 1รวมทั้งหมดก็ 9 ชีวิตค่ะ บ้านเป็นบ้านชั้นเดียว แบ่งห้องนอนได้ 4 ห้อง แต่เล็กๆ นะคะ ตู้เสื้อผ้าเนี่ยอยู่รวมกันข้างนอกค่ะเราและสามีขายของตามตลาดนัดค่ะ บางทีเลิกขายของตอน 3 ทุ่มเก็บของกว่าจะถึงบ้านก็ 5 ทุ่ม เที่ยงคืนแล้วแต่ว่าตลาดที่ไปขายใกล้บ้านหรือไกลบ้าน ทีวีจะดูด้วยกันข้างนอกค่ะ อยู่ไม่ห่างจากตู้เสื้อผ้า มันก็เลยดูวุ่นวายบ้างเราก็อยากแยกครอบครัวก็เลยปรึกษากันกับสามี สามีก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง อีกอย่างก็เตรียมพร้อมสำหรับลูกที่กำลังจะเกิดด้วยก็เลยคุยกะพ่อแม่สามี ซึ่งพ่อกับแม่สามีไม่ได้ว่าอะไร แต่อยากให้สร้างบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน จึงยกที่ดินข้างๆ บ้านให้ ซึ่งไม่มากเท่าไรนักเราไม่รู้ว่ากี่ตารางวา เรากับสามีก็เลยเร่งหาเงินกันเพราะอยากให้บ้านเสร็จก่อน ลูกจะคลอด ซึ่ง ไม่กี่เดือน (ในตอนนั้น)คือหาเงินไป แล้วก็สร้างไปเรื่อยๆ สามีก็ฟังแต่แม่เค้า แม่เค้าบอกว่าให้ทำห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำ แต่งแบบนั้นแบบนี้ จะสวย จะดูดีสามีก็เชื่อแม่เค้าค่ะ แม่แนะนำอะไรทำหมดเลย เราให้เงินไปซื้อกระเบื้องปูพื้น 20,000 แล้วจ่ายค่าแรงคนงานอีก 10,000สามีเราเอาเงินไปซื้อโคมไฟแขวนมาค่ะ ไปกะแม่เค้า สรุป 30,000 กระเบื้องปูพื้นกะค่าแรงไม่ได้จ่าย เราก็ต้องหาเงินอื่นไปจ่ายค่าแรงให้เพราะกลัวคนงานไม่ทำงาน เพราะไม่จ่ายค่าแรง เราก็คุยกะเค้าเรื่อง เค้าก็บอกว่าแม่แนะนำ แต่งห้องแล้วมันจะสวย เวลาเปิดกลางคืน(คือเราก็ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากไงคะ คือเอาแค่เป็นบ้านก่อน เดี๋ยวค่อยต่อเติมทีหลัง ตกแต่งทีหลังก็ได้)

ลูกก็กำลังจะคลอดก็ต้องเผื่อค่าคลอดด้วย ค่านม ค่าแพมเพิส ผ้าอ้อม อื่นๆ อีก แม่สามีก็ยังไม่หยุดแนะนำสามี สามีเราก็เห็นด้วยกะแม่เค้าตลอดเค้าก็บอกเหตุผลเราว่า ลูกจะได้ไม่อายคนอื่นไง เป็นหน้าเป็นตา (ความเชื่อผิด ๆ ที่ว่าบ้านหลังโต จะต้องเป็นคนรวย มีคนยกย่อง นับหน้าถือตา)เราก็อยากรีบทำให้มันจบไงคะ เราก็เลยปรึกษาแม่เราว่าจะทำไงดี พอดีช่วงนั้นเราหยุดคลอด เราจะได้ดูการทำบ้านได้เต็มที่ สามีไปขายของแม่เราก็ถามเราว่าอีกประมาณเท่าไหร่ บ้านถึงจะเสร็จ อีกกี่แสน เราก็เลยบอกแม่ว่ามันเหลือเยอะอยู่ เราก็ตีไป 6 แสน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบ้านค่าแรงคนงาน วัสดุอุปกรณ์อะไรอีก บ้านหลังไม่ใหญ่นะคะ แต่แบบบ้านค่อนข้างยาก ช่างบอกมางั้น (ช่วงนั้นทำแล้วแก้ แม่สามีมาคุมงานให้)

เราก็เลยกลับมาคุยกะสามีว่า เราจะหยิบยืมเงินลุงมา เพื่อจะทำบ้านให้เสร็จ เราไปคุยกะลุงแถวบ้านมาแล้ว เค้าคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.5% ต่อเดือน6 แสนจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 9,000 ลดต้นลดดอก (เราและสามี กู้เงินไม่ได้ เพราะไม่มีเงินผ่านบัญชี) สามีก็ตกลง จะช่วยกันใช้คืน ทำบ้านให้เสร็จวงเงิน 600,000 (ซึ่งครั้งนี้เราบอกสามีว่า เราจะดูแลจัดการเอง ให้สามีขายของไปอย่างเดียว ไม่ต้องห่วง)

ปรากฏว่า แม่สามี ไม่ได้มาก้าวก่ายตรงจุดนี้ บ้านสร้างเสร็จ (เรากะแม่สามีคุยกันปกตินะ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน) เรื่องมันน่าจะจบใช้ไหมไม่จบค่ะ บ้านเสร็จ แต่แม่สามีบอกว่า น่าจะทำรั้วบ้านด้วยนะ (ยกเหตุผลมาร้อยแปด) สามีก็มาคุยกะเรา บอกว่าถ้าทำแล้วมันจะดีอย่างนั้น อย่างนี้เราก็บอกว่า เงินที่ยืมลุงเค้ามาเนี่ย ทุกเดือนยังคืนแต่ดอกเบี้ยอยู่เลย เงินต้นยังไม่ลดเลยซักบาท แฟนก็บอกว่าทำไปก่อน แต่เรายังไม่ตกลงนะเราบอกว่าขอคิดดูก่อน เดี๋ยวได้คำตอบแล้วจะบอก ขอเวลาซัก 2 วัน อีกวันต่อมา เราเพลียจากให้นมลูก ก็นอนหลับไปเมื่อ 8 โมงกว่าสะดุ้งตื่น เสียงคนขนของ พูดคุยกัน เดินออกมา สามีเราสั่งซื้ออุปกรณ์ทำรั้วมา เราถามว่า ทำไมมันเยอะมากเลย ปักถี่ ขนาดนั้นเลยเหรอสามีบอกว่า ทำรั้วให้แม่ด้วยไง เลยให้ส่งมาพร้อมกันทีเดียว เดี๋ยวแม่คืนเงินให้ ปรากฏ รั้วเสร็จมา เป็นเดือนละ เงียบ ไม่กล้าทวงด้วย

แล้วหนี้อีก 300,000 มาไงคือมีคนมาสู่ขอน้องสาวของสามี เราก็ไม่รู้รายละเอียด เพราะวันนั้นพาลูกไปฉีดยากลับมาถึงบ้านแม่สามีก็มาบอกว่า มีคนมาสู่ขอน้องสาว เค้าจะให้สินสอด ล้านนึง (1,000,000 บาท) แต่แม่ก็บอกว่าตามสมควรแล้วกันทางผู้ชายก็ยังยืนยัน จะให้ค่าสินสอด 1,000,000 จะได้ไม่น่าเกลียด เพราะแขกเค้ามาเยอะ ประมาณนั้น

อยู่ๆ แม่สามีก็บอกว่า เดี๋ยวจะคืนค่ารั้วให้ แล้วจะใช้บ้านเราจัดสถานที่แต่งงาน เดี๋ยวเค้าจะซื้อของมาตกแต่งสถานที่เราก็ไม่ได้ฟังรายละเอียด แต่ก็เออ ดีวุ้ย แม่จะคืนค่ารั้วให้ 555 แม่สามีบอกว่าเงินใส่ซองทางเจ้าบ่าวไม่เอาเลย ยกให้ทางนี้หมดมีแต่คนใหญ่คนโต ใส่ซองอย่างน้อยก็คง 500 ล่ะ แขกฝั่งเราก็ไม่ใช่น้อยๆ ก็คงได้เป็นแสนๆ ล่ะ ขาดทุนนิดหน่อยไม่เป็นไร

จากนั้นแม่สามีก็เริ่มซื้อของมา แต่งบ้านให้ จากประตูไม้เรียบๆ กลาายเป็นไม้แกะลาย หน้าต่าง ประตูหน้าบ้านเปลี่ยนจากไม้เป็นกระจกแต่งโน้น เสริมนี่ แม่สามีบอกว่า ไม่ต้องให้เงินแม่ แม่ทำให้หลาน ไม่เป็นไร ก็เลยถามแม่ว่า แม่ไปเอาเงินมาจากไหน ต่อเติมเยอะแยะแม่สามีบอกว่า ไปกู้เงินมา 300,000 จะแต่งบ้านให้มันดูดีหน่อย แขกฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวมากันเยอะ น้องสามีจะได้ไม่อายใคร (เอากะแม่ซิ เออ)เราก็บอกว่า กู้มาเรื่องแต่งบ้านเนี่ยนะ ทำไมไม่เอาไว้จัดงานล่ะ ดอกเท่าไหร่เนี่ย แม่สามีบอกว่าร้อยละ 3 ต่อเดือน เดียวได้ค่าสินสอดมาก็เอาไปคืนละกู้เดือนเดียวเนี่ยละ แล้วก็เหมือนแม่จะคิดได้ว่า ไม่มีเงินทำอาหารเลี้ยงแขก แกก็เลยไปกู้มาอีก 200,000 จากคนเดิม ดอกเบี้ยเท่ากัน

แล้วช่วงนั้นแม่จะหน้าบานมาก ประมาณว่าแถวบ้านมีลูกสาวบ้านนี้บ้านเดียวที่สินสอดเป็นหลักล้าน คนอื่นแสนนึง เต็มที่ก็สองแสนพอถึงวันงาน เจ้าบ่าวพาผู้ใหญ่มา เงินสินสอดที่บอกว่าจะให้ 1,000,000 ปรากฏว่า 0 หายไป 1 ตัว เหลือ 100,000 ทอง 2 บาทแม่สามีอึ้ง จะไม่ให้แต่งก็กลัวลูกสาวขายหน้า ก็จำต้องยอม เลยตามเลยไป

คนมางานเยอะจริงค่ะ ซองเนี่ยเพียบ (แม่สามีแกะซองแล้วก็นั่งบ่นว่า อาหารมีแต่ดีๆ ทั้งนั้น ใส่ซองละ 1,000 ไม่กี่ซอง ซองละ 500 ก็ไม่เยอะ)ส่วนใหญ่จะใส่กัน 300 เยอะมาก รวมแล้วก็ได้ 160,000 ตีเป็นเลขกลม ๆ พอเอามาบวกลบคูณหารกันแล้ว มันขาดทุนมโหฬารเลย

แม่สามีลงทุน 500,000 (เงินกู้ ดอกร้อยละ 3) สินสอด 100,000 ทอง 2 บาท (ให้น้องสาวไปตอนรับไหว้ 40,000 ทองให้น้องสาวทั้งหมด)เงินใส่ซองได้ 160,000สรุปแล้ว "ขาดทุน" ว่างั้น

แกก็เลยเรียกสามีเราไปคุย คุยกันท่าไหนไม่รู้ สามีกลับมาบ้านบอกว่า แม่ไม่มีเงินเหลือแล้ว ค่ารั้วไม่ได้แล้วนะ เราก็เออ ไม่เป็นไรแม่สามีช่วยทำบ้านให้หลานแล้ว สามีพูดต่ออีกว่า แม่บอกว่า เงินที่แต่งบ้านไป ซื้อของแล้วมันก็ติดอยู่ที่บ้าน เอาออกไปไหนไม่ได้จะขายคืนก็ไม่ได้แล้ว ให้ช่วยจ่ายหนี้ไปด้วยนะ (ประมาณนี้ จำคำพูดได้มันหมด มันอึ้ง) จะทำไงดี สามีดันรับปากแม่เค้าไปแล้วด้วย

เงิน 600,000 ที่ยืมลุงมายังไม่ได้คืน นี่จะเอาอีก 300,000 เฉพาะดอกเบี้ยต่อเดือนก็ 18,000 เข้าไปแล้ว ไม่ได้ลดต้นเลยสามีมองหน้าเราแล้วก็ทำท่าจะร้องไห้ เราก็สงสารแม่เค้านะ แต่เราก็สงสารตัวเราเองด้วย



บทความแนะนำ


โปรโมชั่นดูดวงPlayboyท่องเที่ยวความเชื่อทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก