เช็คให้ดี! "ฮวงจุ้ยห้องพระ" วางตรงไหนเหมาะสม
มาตามคำเรียกร้องสำหรับฟังก์ชั่น "ห้องพระ"
คราวนี้จะชวนคุยเกี่ยวกับหลักฮวงจุ้ยของห้องพระโดยตรง ก่อนหน้านี้
เพิ่งจะเขียนถึงหมู่บ้านจัดสรร รวมทั้งคอนโดมิเนียม
ส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึงการออกแบบเพื่อให้มีฟังก์ชั่นหรือมุมห้องพระไว้เป็น
การเฉพาะ
ทำให้ห้องพระมักจะเป็นฟังก์ชั่นที่ต้องไปฝากแปะไว้บนโถงทางเดินชั้น 2 บ้าง
หรือต้องทำเป็นหิ้งพระบ้างคำถาม คือ ถ้าบ้านที่ซื้อ (ในหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดฯ) หรือแม้แต่บ้านที่สร้างเอง ตำแหน่งการจัดวางห้องพระ ควรจะมีกฎกติกาอะไรบ้าง
ทั้งนี้ทั้งนั้น สอบถามสถาปนิกที่เป็นรุ่นน้องโรงเรียน ได้ความว่า
กรณีคอนโดมิเนียมพื้นที่จำกัดอยู่แล้ว ฟังก์ชั่นห้องพระอาจไม่จำเป็น
รวมทั้งหมู่บ้านจัดสรร เพราะกลุ่มลูกค้าอาจจะมีคนนับถือคริสต์ อิสลาม
ไม่ได้มีชาวพุทธอย่างเดียวขณะที่ถ้าเป็นบ้านสร้างบนที่ดินตัวเอง
จะต้องมีการทำวิจัยร่วมกันระหว่างเจ้าของบ้านกับสถาปนิกว่าต้องการห้องพระ
หรือไม่ และต้องการแบบไหน เพราะโดยส่วนใหญ่
ห้องพระจะถูกออกแบบเป็นห้องอเนกประสงค์
สามารถปรับการใช้สอยประโยชน์ได้หลากหลาย
เนื่องจากเป็นพื้นที่ใช้สอยที่ให้เวลาน้อยกว่าห้องนอน ห้องนั่งเล่น
ซึ่งเจ้าของแทบจะอยู่ด้วย 24 ชั่วโมง เป็นต้นข้อมูลจากคำบอกเล่ายังรวมถึงบ้านบางหลังที่จ้างออกแบบ
เจ้าของบ้านกำหนดว่าให้ออกแบบเป็นห้องเก็บของบนชั้น 2 ไว้ก็แล้วกัน มาตอนหลังจึงดัดแปลงทำเป็นห้องพระก็มี ก่อนที่จะหลุดประเด็นไปมากกว่านี้
1. ห้องพระควรวางชั้นบนดีกว่าชั้นล่าง
น่าจะเป็นหลักการพื้นฐานก็ว่าได้ เพราะพระพุทธรูปเป็นของสูง
ตำแหน่งที่วางก็เพื่อสักการะบูชา ดังนั้น
การกำหนดผังไม่ว่าจะเป็นบ้านสูงกี่ชั้นก็ตาม ควรวางไว้ชั้นบนอย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าห้องพระจะวางชั้นล่างไม่ได้
เพียงแต่จะมีข้อจำกัดมากมาย
เพราะมีความยากในการเลือกสรรพื้นที่เนื่องจากชั้นล่างจะมีฟังก์ชั่นต่างๆ
เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องน้ำ2. ห้องพระห้ามติดกับห้องน้ำ
เหตุผลทางฮวงจุ้ยคือห้องน้ำเป็นธาตุน้ำ ห้องพระเป็นธาตุไฟ
ตามกฎเบญจธาตุหรือธาตุทั้ง 5 ธาตุน้ำพิฆาตธาตุไฟ ดังนั้น
บ้านที่เอาห้องพระวางติดกับห้องน้ำ
ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระจะเสื่อมได้เพราะถูกพลังของธาตุน้ำบั่นทอนในกรณีที่พื้นที่จำกัดจริงๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ก็ไม่ควรวางองค์พระพิงผนังห้องน้ำ และหาตู้มาพิงด้านที่เป็นกำแพงห้องน้ำ
ถือว่าแก้ฮวงจุ้ยได้ในระดับหนึ่ง3. ห้องพระต้องอยู่ในทำเลที่สงบ
ไม่ใช่อยู่ในตำแหน่งการใช้งานที่วุ่นวาย เช่น ติดโฮมเธียเตอร์
ซึ่งมีเสียงดังจากทีวี วิทยุ
หรือแม้แต่ถ้าอยู่ติดห้องครัวก็อาจจะถูกรบกวนจากเสียงและกลิ่นรบกวนได้
เป็นต้นจุดนี้เองจึงบอกว่าห้องพระควรวางไว้อยู่ชั้นบน
เพราะจะมีแต่ห้องนอนเป็นส่วนใหญ่ การใช้ประโยชน์ก็คือนอน
ความสงบจะมีมากกว่าชั้นล่างโดยอัตโนมัติ4. กรณีห้องพระติดห้องนอน
เจ้าของบ้านพึงระมัดระวังเรื่องการวางเตียงให้ดี
โดยห้ามวางเตียงในลักษณะหันปลายเท้าไปที่ห้องพระ
เพราะถือเป็นการไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะไม่เป็นมงคลกับคนที่นอน
นั่นหมายความว่าควรหันเตียงให้วางขวางกับห้องพระก็มีคำถามอีก นั่นแหละว่า แล้วถ้าหันหัวเตียงไปที่ห้องพระล่ะ
หลักฮวงจุ้ยบอกว่าให้พิจารณาว่าถ้าตำแหน่งขององค์พระหรือโต๊ะหมู่บูชาไม่ติด หัวเตียง ก็ถือว่าโอเค วางได้ แต่ถ้าตั้งติดกันถือว่าเป็นจุดบกพร่อง เพราะคนนอนจะได้รับอิทธิพลของธาตุไฟ ทำให้ปวดหัวง่าย
5. มีคำถามถึงกรณีบ้านเล่นระดับล่ะ คำตอบก็ยังคงให้วางห้องพระห้ามต่ำกว่าห้องอื่นในบ้าน
6. ในด้านทิศต่างๆ การจัดวางองค์พระ
ควรให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ-ทิศตะวันออก-ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ทิศที่ไม่แนะนำคือไม่ควรหันไปทางทิศตะวันตก
เพราะถือคติว่าจะทำให้ชีวิตตกต่ำ7. หากมีพระจำนวนมาก ควรจัดวางให้เป็นลำดับ
เริ่มจากพระพุทธรูปอยู่สูงสุด ถัดลงมาเป็นพระสาวก อาทิ พระสีวลี
พระสังกัจจายน์ ลำดับต่อมาเป็นพระเกจิอาจารย์ต่างๆ
อยู่ต่ำลงมาอีกระดับหนึ่งถ้ามีพระโพธิสัตว์กวนอิม หรือเทพองค์อื่นๆ เช่น พระแม่ศรี
อุมาเทวี พระพิฆเนศ แนะนำว่าควรจัดวางแยกโต๊ะไว้ต่างหาก
กรณีหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ยึดหลักการตำแหน่งจัดวางพระพุทธรูปต้องอยู่สูงสุด8.สำคัญมากคือไม่ควรตั้งพระพุทธรูป หรือหิ้งบรรพชน หันตรงประตูเด็ดขาด เพราะพลังปราณจะถูกรบกวนทำให้เป็นพื้นที่ที่ขาดความสงบนิ่ง
ฮวงจุ้ยปลีกย่อยยังรวมถึงหน้าองค์พระห้ามมีราวตากผ้าหรือราวแขวนผ้า จะทำให้โชคลาภติดขัด
ถ้าวางองค์พระตรงกับประตูห้องน้ำ เป็นการไม่เคารพ ทำให้เงินทองรั่วไหล
และถ้าเป็นหิ้งพระ พึงระวังใต้หิ้งพระให้ดี ห้ามวางถังขยะหรือสิ่งของอื่นๆ เพราะจะทำให้การเงินติดขัด
เหนือสิ่งอื่นใด
จัดฮวงจุ้ยห้องพระให้ดียังไงก็ไม่สู้ประพฤติดีเริ่มที่ตัวเรา ทำความดี
ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ขอบุญรักษาทุกท่านค่ะขอบคุณข้อมูลจากwww.matichon.co.th
คอลัมน์ ฟรีสไตล์เรื่องบ้าน ๆโดย เมตตา ทับทิม [email protected]