คนที่เคยคุยด้วยกำลัง stalk (ไล่ติดตาม) และเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกที...

สวัสดีค่ะ มีเรื่องจะปรึกษา เรื่องที่เรากำลังโดนคนที่เคยคุยด้วย (ไม่เคยมีสถานะใดชัดเจน) stalk หรือติดตามเราอยู่ และเริ่มเข้าใกล้คนรอบตัวมากขึ้นทุกที เริ่มบอกเล่าเรื่องราวที่มาจากความคิดของเค้าไปเองมากขึ้นเรื่อยๆทุกที เราคิดอยู่นานว่าจะปรึกษาใครดีมั้ย ถามคนรอบตัวก็เกรงจะเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกัน แต่สถานการณ์ตอนนี้มันดูจะรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไปเรื่อยๆ จนเราเริ่มกลัว และคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เลยอยากมาเล่าเรื่องราว และสอบถามความคิดเห็นคนส่วนใหญ่ดูก่อนค่ะ

เล่าอย่างรวดเร็วเลย เรื่องก็คือว่า พี่เอ (นามสมมุติ) ที่คุยกันด้วยการบังเอิญนั่งติดกันในงานๆหนึ่ง เริ่มคุยด้วยเพราะเราก็คิดว่า คนที่มางานแบบนี้น่าจะสนใจในสิ่งเดียวกัน และก็เป็นไปอย่างที่คาดค่ะ พี่เอดูต่อบทสนาในเรื่องนั้นได้ดี ช่างเจรจา และด้วยความที่เขาอายุค่อนข้างมาก (มากกว่าเรา 20ปี) จนดูเป็นผู้มีวุฒิภาวะสุดในกลุ่ม จึงได้มีคนมาปรึกษาเรื่องนั้นนี้อยู่กลายๆ และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ปรึกษากันไปกันมา จนรู้สึกตัวอีกที ก็เจอกันบ่อย และคิดว่ามีอะไรในความรู้สึกมากกว่าเป็น พี่ที่รู้จักกัน

คุยกันไปมาสักประมาณสองเดือน ก็เริ่มยอมรับทั้งคู่ว่ารู้สึกอย่างไรต่อกัน แต่คนอื่นก็ไม่รู้นะคะ แวดวงเดียวกันเกินไป คุยกันจนพี่เขายอมรับว่า เขาผ่านประวัติการมีภรรยามาก่อน แต่ตอนนี้หย่าไปนานแล้ว หย่าไปจนภรรยาเก่ามีลูกอีกคนไปแล้ว ตัวเขาเองก็มีลูกอยู่ ลูกที่อายุห่างกับเราเพียงนิดเดียว.. ตอนนั้นบอกตามตรงว่า ไม่สบายใจค่ะ เพราะมันก็เป็นความสัมพันธ์แบบที่เราไม่คาดคิด แต่พอปรึกษาคนรอบตัว หลายๆคนก็บอกว่า ถ้าเขาหย่าแล้วก็โอเค มันเป็นเรื่องปกติที่คนจะเริ่มต้นใหม่ และด้วยความที่เขาก็พยายามอธิบายเรื่องนี้เอง และบอกว่าเราคงยังไม่เข้าใจ เพราะเรา "ยังเด็ก" .. วาทกรรมที่เขาใช้เวลาเกิดความคับข้องใจเสมอมา

ผ่านไปสักพัก เรื่องครอบครัวเก่า ก็เป็นเรื่องที่เราพยายามทำความเข้าใจ แต่เรื่องที่เรารับไม่ได้จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องอดีต แต่เป็นเรื่องของปัจจุบัน ที่เรามาค้นพบว่า เขาเองก็มีผู้หญิง ที่เขาเรียกว่า 'life partner' 'เพื่อนสนิท' หรืออะไรก็ตาม ที่เป็นเพื่อนกันมานาน และตกลงกันว่าจะดูแลกัน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีใคร ดูแลกันในแง่ซื้อดอกไม้ให้กัน และหอมแก้มกันในวันเกิด (เขาไม่รู้ว่าเรารู้) ประมาณนั้น หรือการที่เขาชอบแซวคนโน้นคนนี้ flirty น่ะค่ะ ว่าง่ายๆ ตลอดเวลา ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาอะไรของเราเลย เราโอเคมากเลย ถ้าเขาจะทำแบบนั้นกับใคร, ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ถ้าเราจะอยู่ใน ความสัมพันธ์จริงๆ มันเกิน และล้ำเส้นเราไปหน่อย และสำคัญที่สุด คือมันเกิดเส้นศีลธรรมที่เราตั้งไว้ ในแง่ที่ เราคงไม่สบายใจ ถ้าความสุขของเรา มันต้องไปอยู่บนความทุกข์ของใครที่ไม่รู้ตัว และการเริ่มต้นที่ผิด มันก็คงไม่มีวันถูกได้ในเส้นทางความสัมพันธ์นั้น

เจ้าหญิงไดอาน่าเคยบอกไว้ว่า "A relationship with three people is too crowded." (ความสัมพันธ์ที่มีคนสามคน มันอึดอัดเกินไป)

เราตัดสินใจเอาตัวออกห่างค่ะ บอกเขาไปตามตรงว่า เราไม่สบายใจในความสัมพันธ์แบบนี้ จะใช้คำอธิบายว่า "เราเด็กไป" ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ได้ แต่ถ้าความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ มันคือความเป็น adultery มากกว่า maturity เราก็ขอไม่อยู่ในนิยามความเติบโตนั้นดีกว่า

นั่นคือเหตุผลหลักของเราค่ะ นอกเหนือไปจากเหตุผลรองอื่นๆ จากการสังเกตุความคับข้องใจเวลาอยู่ด้วยกัน เช่น การที่เขาเป็นคนห่วงภาพลักษณ์ตัวเองมาก มากซะจนต้องมาดูการแต่งตัวของเราไปซะด้วย การถูกมองหัวจรดเท้านี่มันเป็นอะไรที่อึดอัดมากๆเลย หรือแม้กระทั่ง การเป็นคนที่ชื่นชมตัวเอง ชื่นชมแบบจนนึกถึงเพลง ที่ร้องว่า "if you like the way you look that much, you should go and love yourself." ทำนองนั้น

แต่เหตุผลของเรา ที่บอกออกไป มันไม่เคยเป็นสิ่งที่พี่เอ เข้าใจค่ะ เขาไปแปลความว่า มันคือการที่ "เราไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการ" และหนักไปกว่านั้น คือการเหมารวมจากการไปแอบส่องแฟนเก่าเรา เวลาเห็นเราไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่มีแฟนเก่า (friendship that lasts after the relationship) และส่งอีเมล์มาต่อว่า ว่าสุดท้ายเราก็กลับไป "เป็นผู้หญิงของผู้ชายอีกคน" วลีที่ทำให้เราที่พยายามเลี่ยงไม่ตอบ ต้องชี้แจงกลับไปในอีเมล์ ในการเหมารวม ว่าผู้หญิงต้องเป็นของผู้ชาย/เป็นคนของใคร/เป็น belonging ของอะไรสักอย่าง

หลังจากที่พยายามเลี่ยงการพูดคุยในช่วงหลังๆ เพราะมีแต่จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ ในความที่พร่ำเพร้อที่ พี่เอขอให้กลับไปคบกันอีก ว่าไม่เคยเจอใครที่ทำให้รู้สึกแบบนี้มาก่อน ว่าเป็นความรักที่ไม่รู้สึกมานาน ฯลฯ เราไม่เคยคิดจะ block ใคร แต่ต้องตัดสินใจ ตัดขาดทุกช่องทางการสื่อสาร เพราะไปค้นพบว่า เขาตาม add เพื่อนเราทุกคน (ยกเว้นเรา ที่ไม่ยอมรับเป็น friend ตั้งแต่แรก... ) ข่าวสารเรื่องราวของเราที่เขายังรับรู้เกี่ยวกับอยู่ ก็จากการที่เพื่อนเราไปรับเขา (เพราะเพื่อนๆเห็นว่ามี mutual friends ด้วยกันพอควร - ก็ mutual friends ที่มาจากเขาไล่แอดเพื่อนเราทุกกลุ่มนั่นแหละ) เรื่องมันเริ่มน่ากลัวขึ้นก็ตรงนี้ล่ะค่ะ ที่เขาไล่ตามแอดเพื่อนเราทุกคน หรือแม้กระทั่งกับงานของเรา ที่เปิดประกาศรับสมัครโครงการหนึ่งออนไลน์ และเขาสมัครมา พอไม่ได้รับคัดเลือก (เราไม่เกี่ยวกับการคัดเลือก) ก็ไปคอมเม้นท์ยืดยาวในเพจ จนหัวหน้าโพร่งชื่อเขาขึ้นมาในการประชุมวันหนึ่ง ว่า พี่เอ (ชื่อaccount) มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือการที่รูปของเขา ปรากฏขึ้นในเพจ ของร้านอาหาร ที่เราเพิ่งไปทานในช่วงเวลาไม่กี่วัน, ตามไปร้านอาหารเพื่อนสนิทเรา, ตามไปร้านของญาติผู้ใหญ่ โปรโมทงานตัวเองว่าทำเพื่อสังคม อย่างนั้นอย่างนี้, ตามไปจังหวัดที่เราเคยอยู่ ตึกที่เราเคยอาศัย พร้อมถามเรื่องราวชีวิตเราตอนอยู่จากเจ้าของตึก ..., และตัดสินว่า การที่เราย้ายที่อยู่ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เป็นการตามไปอยู่กับผู้ชาย เฝ้าแฟนเก่า (!) (แม้ในข้อเท็จจริงด้านอื่น ที่เขาไม่เคยรู้ คือเหตุผลในการทำงานของเรา) หรือแม้กระทั่ง ส่งรูปเราจากข้างหลัง ถ่ายไกลๆ และไลน์มาถามว่า ทำงานหนักไปหรือเปล่า ดูโทรมจังนะช่วงนี้.................

เรื่องราวทั้งหมดนี้ที่เรารู้ เพราะพี่เอ เอามาเล่าใน blog ของเขา blog ที่เขาเริ่มเขียน หลังจากเราเริ่มใช้บล๊อกของที่นี่ และมากดตามเราทุกโพสท์ เราก็ทำเป็นไม่สนใจไปว่าเป็นพี่เอ แต่พออ่านสิ่งที่เขาเขียนแต่ละโพสท์แล้วรู้เลยว่า เขาตัดสินเรื่องราวทั้งหมด ตามความเข้าใจของเขาเอง, เป็นความโกรธ จากเพราะการที่เราตีตัวออกห่าง? ที่แปรเป็นการ ตัดสิน ติดตาม และต่างๆอีกมากมาย โดยที่เราไม่สามารถ สื่อสารข้อเท็จจริงอะไรให้รับรู้ได้เลย

เรื่องราวคร่าวๆก็ประมาณนี้ค่ะ ตอนแรกไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ความกังวลหลักตอนนี้ (ทั้งทีชีวิตไม่ควรมาต้องมีพลังงานลบๆแบบนี้ในชีวิตเลย) มันคือการ stalk ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราไม่มีวันรู้ตัวเลย ว่าเขาจะไปสื่อสาร หรือทำอะไรอีกบ้าง ที่ไม่ปรึกษาคนรอบตัวเพราะคนรอบตัวก็ยังรู้จักกับพี่เอ ไม่อยากให้เป็นเรื่องเล็กๆ ที่มาทำให้คนคิดไม่ดีต่อกันค่ะ

รบกวนปรึกษาทุกคนว่าเราควรทำอะไรดี หรือไม่ควรทำอะไร ในสถานการณ์แบบนี้ค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้ามากนะคะ