เมื่อสามี มีเมียน้อย เป็นเด็กอายุ 18 ซึ่งไม่เรียนหนังสือ จบแค่ ม.3 และที่สำคัญเค้ายอมทิ้งเรากับลูกไป

อ่าน 13,120

ก่อนอื่นนี่เป็นกระทู้แรก เพราะเราเพิ่งจะสมัครสมาชิก มาเพื่อแชร์สิ่งที่เราเจอมา อยากทราบว่าเราคิดถูกมั้ยที่ทำแบบนี้  และถือโอกาสระบายเรื่องที่เราเก็บมาตลอดเวลา 3 ปี  มันเป็นเรื่องราวที่ยาวนานมาก และเป็นช่วงที่ทรมาน สุด สำหรับผู้หญิงคนนึง อาจจะวกไปวนมา  ยือเยื้อ หรือลำดับเหตุการณ์ผิดไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยนะคะ  แต่ทุกอย่างคือเรื่องจริงทั้งหมด และการให้อภัย ประคับประคองครอบครัวให้เป็นครอบครัว มันไม่สามารถทำคนเดียวได้ เพราะสุดท้ายแล้ว คนจะไป รั้งให้ตาย มันก็ไปอยู่ดี มันเป็นเรื่องจริงเรากับสามี  คบกันมา เกือบ 6 ปี แต่งงานมีลูกสาว 1 คน  ก่อนจะแต่งงาน ก็มีทะเลาะกัน รักๆ เลิกๆ  งอนกัน มีเรื่องผู้หญิงบ้างทะเลาะกัน ตามประสาวัยรุ่น  สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน  เราอายุมากกว่าสามี 2 ปี  แต่ก็เข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหาใดๆ  ภายนอกครอบครัว เราดูเป็นที่น่าอิจฉามาก  ทั้งสามี และ เราหน้าตาค่อนข้างดี  มีลูกน่ารัก  เรียนจบ ทำงานทั้งคู่ มีเงิน มีรถยนต์ 2คัน แต่มันก็แค่ภายนอกล่ะค่ะ   ขอเล่าต่อเลยละกันค่ะผู้หญิง พอแต่งงานมีลูก อุ้มท้อง ลูกของคนที่รัก ตอนนั้นก็คิดว่า ฉันมีความสุขแล้ว ชีวิตฉันพอแล้ว ทำเพื่อลูกเพื่อครอบครัวตอนท้องสามีดูแลเราดี ตามประสาคนเห่อลูก จนเราคิดว่าเค้าคงจะหยุดที่เรา แต่ไม่ใช่เลย   เราเป็นผู้หญิงทำงาน ทำงานตั้งแต่เรียนจบ ปวส. และส่งตัวเองจนจบ ปริญญาตรี  ด้วยความคิดว่าจะทุ่มเทเพื่อครอบครัวให้ดีขึ้นเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่ดี เราไปทำงานหลังคลอดลูกเพียงเดือนครึ่ง กลางวัน ยายเป็นคนเลี้ยง เราก็ทำหน้าที่แม่เต็มที่ ไม่มีบกพร่อง ส่วนสามี ทำงานที่นนทบุรี   สามีบอกเราตอนนั้นว่าเค้าไม่สามารถไปกลับบ้านทุกวันได้ จ่ายค่าน้ำมันไม่ไหว  อยู่คอนโดของพี่ชาย แต่อยู่คนเดียว ซึ่งเค้าก็อยู่มาตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานแล้ว  แรกๆ หลังคลอดลูกมา สามีจะกลับบ้าน วันเว้นวัน  ซักพักเป็น สามวันครั้ง  พอประมาณ ลูกสาวอายุได้ 6 เดือน เป็นอาทิตย์ละครั้ง โดยกลับวันศุกร์ และกลับไปคอนโดคือวันจันทร์เช้าทำงาน   ด้วยความที่เราเลี้ยงลูกอ่อน ก็ไม่ได้คอยตามสามีเหมือนตอนยังไม่แต่งงาน สามีจะขนเสื้อผ้ามาให้ซักทุกสัปดาห์  เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย ว่ามันจะมีปัญหาข้างหน้ารออยู่  หลังๆ สามีบอกว่ากลัวเราเหนื่อย เลยจ้างซักรีดผ้าแถวคอนโดเอง  และรีบกลับตั้งแต่วันอาทิตย์ บอกว่าต้องรีบเอาผ้าที่จ้างซักรีด เพื่อใส่วันจันทร์ เราขอมาทำความสะอาดที่คอนโด  สามีบอกกลัวเราเหนื่อย เลี้ยงลูกให้ทุกวันก็รักจะแย่แล้วบางสัปดาห์ ก็มาแค่วันเดียวโดยไม่นอนค้าง ตอนนั้นเริ่มทะเลาะกันแล้ว แต่ทางสามีเป็นฝ่ายชวนทะมากกว่า    ด้วยความที่เราเห็นว่าสามีกลับได้เฉพาะวันหยุด เราอยากอยู่ด้วยนานๆ เราจึงย้ายงาน ทำงานที่บริษัท หยุดเสาร์อาทิตย์ พออะไรๆ เข้าที่ จำได้ว่าตอนนั้นอีกไม่กี่สัปดาห์จะเป็นวันเกิดลูก  เราตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์สามีที่คอนโด เช้าวันเสาร์  กะว่าจะไปทำความสะอาดห้อง แล้วตอนบ่ายก็ไปบ้านหาลูกพร้อมกัน เราไปที่คอนโดสามี ก่อนเข้าจะออกไปทำงาน เค้าทำเสาร์ครึ่งวัน   โดยที่ไม่รู้และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวเรา  ก่อนเคาะห้องเราได้ยินเสียงกดชักโครกในห้อง เราจึงเคาะประตู เรียกสามี  แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา  โทรศัพท์ได้ยินเสียงดังอยู่ในห้อง ครั้งเดียว แต่ไม่มีคนรับ แล้วก็เงียบเสียงไป โทรเท่าไรก็ไม่รับ  เราก็ได้แต่ยืนอยู่หน้าห้อง ตอนนั้นทุกอย่างมันมืด สับสนไปหมด ว่าตกลงมันคืออะไร  เรานั่งรออยู่หน้าห้อง  กดโทรศัพท์ไปที่ทำงานเค้า ที่ทำงานบอกว่า สามีเราโทรมาลางานเมื่อกี้ บอกว่าจะเข้าทำงานตอนบ่าย  เราก็งง อะไรทำไมไม่รับโทรศัพท์เรา เรานั่งร้องไห้อยู่หน้าเค้า คนผ่านไปผ่านมาก็มอง แต่ตอนนั้นเราไม่สนใจ เรารู้ว่าในนั้นต้องมีอะไรอยู่ แต่เราก็คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่มีอะไร  เรานั่งลงตรงประตูมีช่องอยู่เนื่องจากประตูลอยจากพื้นนิดนึง มีแอร์ลอดออกมาจากในห้อง   เราก้มลงดูใต้ประตู เห็นคนสองคนเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ตอนนั้นเรากระจ่างทุกอย่างแล้ว  แต่เราเป็นคนที่ไม่อยากมีเรื่องราวกับใคร  เราจึงไม่ได้โวยวายหรือทำอะไรเสียงดังเพื่อให้เค้าเปืดประตูมา เรานั่งร้องไห้เหมือนคนบ้า หน้าตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงประมาน สิบโมงกว่า ๆ  เราโทรหาแม่และพี่ชาย ให้มารับเราที่คอนโด  เพราะเราไม่ไหวแล้ว เราเป็นคนที่หน้ามืดเป็นลมง่ายมาก ด้วยอาการตอนนั้น เราเลยรีบโทรบอก  เราร้องไห้ จนไม่มีน้ำตา อยู่ที่เดิม โดยไม่มีใครเปิดประตูออกมาดูแม้แต่น้อย  เมื่อแม่เรามา พาลูกสาวมาด้วยเพราะไม่มีคนเลี้ยง  เรากับลูกเรียกเค้าอีกครั้ง โดยเราหวังว่าเค้าจะเปิดประตูให้เรากับลูก ลูกเราเสียงอ้อเอ้ เริ่มพูด ยืนเกาะประตู  แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่เปิด  จนเราตัดใจกลับบ้านไป  จำได้ว่าเป็นวันที่เจ็บที่สุดในชีวิต ตั้งตัวไม่ทัน ไม่เคยคิดวางแผนล่วงหน้าหรือเตรียมการใดๆเลย    นี่มันแค่เริ่มต้นค่ะ เรื่องใหญ่รออยู่ข้างหน้าค่ะ

กลับมาบ้าน ก็ร้องไห้อย่างเดียว จนผ่านไปประมาณเที่ยง สามีโทรกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บอกเราว่า ไม่ได้กลับห้อง ไปดื่มเมื่อคืน นอนบ้านเพื่อน  แต่ก่อนเราออกจากคอนโดเราเห็นรถเค้าจอดอยู่  มันบอกว่า ไม่ได้เอาไป เราพูดไปร้องไห้  สามีเราปฏิเสธอย่างเดียว บอกว่าเราตาฝาด  พูดหว่านล้อมต่างๆนา ๆ ตอนนั้นด้วยความที่เรารักมาก เราก็บ้าคิดตามที่เค้าพูดหน้ามืดตามัวมาก โง่มาก   พอเค้ามาหาลูก เราก็ปั๊มกุญแจห้องเค้าไว้  พอหลังจากเค้ากลับไปคืนวันอาทิตย์ เราติดต่อเค้าไม่ได้เลยช่วงดึกเค้ารับสายเรา  ทะเลาะกัน เค้าบอกว่าเค้าอดทนเรามานานแล้ว  เค้าต้องการที่จะเลิกกับเรา บอกว่าเราไม่ดี อ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ โดยโยนความผิดให้เราทั้งหมด และบอกว่าตัวเองไม่มีใคร เบื่อที่เราจับผิดเค้า และบอกเราว่าถ้าเราไม่ยอมงั้น  ขอเวลา3เดือน ให้เราไม่ติดต่อเค้า  ถ้าเราทำได้ เค้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม  เราก็ด้วยความโง่  เหมือนจะยอมเค้า เราเงียบไป 3 วัน วันที่ 4 เราโทรหาเค้า เค้าด่าเรา บอกว่าเห็นมั้ย ว่าเราทำตามคำพูดไม่ได้ เราผิดที่จับผิดเค้า ผิดที่ไม่ดูแลเค้า และก่อนวางสาย เค้าบอกว่าไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว   เย็นวันนั้น เราไปที่คอนโด ที่นนทบุรี ทันที  เรากะว่าจะไปคุยให้รู้เรื่อง และคิดว่า สามีจะอยู่ที่ห้อง และคิดว่า คงไม่น่ามีใครอยู่ เราคิดแค่ว่า เค้าอาจจะมีใคร แต่คงไม่ได้อยู่ด้วยกัน  พอไปถึง ไม่มีคนอยู่ในห้องเราไขกุญแจ เข้าประตูไป  สภาพห้องที่เราเห็น คือ ของใช้ผู้หญิง เต็มอยู่ในห้อง ตั้งแต่รองเท้า  ยาทาเล็บ รูปถ่าย ทุกๆอย่าง เราเสียใจมากตอนนั้น แต่ไม่มีน้ำตาม ตัวสั่นไปหมด เปิดตู้เสื้อผ้า มีเสื้อผ้าผู้หญิง อยู่เต็มตู้ ของใช้ผู้หญิง อยู่ในห้องสามีเรา  มันผิดไปจากที่เราคิดมากคือ เราคิดว่าสามีแค่มีกิ๊ก แต่ไม่คิดว่าเค้าจะกล้ามาคบชู้อยู่กินกันแบบนี้  เรารอเค้าในห้อง คืนนั้นเค้าไปเที่ยวกันมา กลับมาประมาณตี3 สามีเราไขห้อง หน้าตาตกใจเล็กน้อย และรีบหันหลัง ไล่ให้ผู้หญิงคนนั้นวิ่งหนีไป และดึงเรามาคุยในห้อง  พอเราเห็นแบบนั้น เราร้องไห้โวย เสียใจเหมือนคนเป็นบ้า ร้องไปพูดไป ว่าทำกับเราแบบนี้ทำไม และลูกกับเรา จะอยู่กันยังไง  จำได้ว่าพูดไปเยอะมาก แต่คำที่สามีตอบกลับมา ไม่มีความสำนึกในตอนนั้นเลย โทษว่าเป็นความผิดเรา เรามาที่ห้องทำไม  ทำไมเราทำให้ทุกอย่างแย่ลง แล้วก็ว่าเรา ไม่ดี   พูดทุกๆ อย่างที่ทำให้เราดูแย่ ทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริงเลย  ซักพักผู้หญิงคนนั้นโทรเข้ามา สามีเราเปลี่ยนน้ำเสียงทันที เป็นพูดเพราะ ครับๆ รอก่อนนะ เดี๋ยวลงไป ครับๆ  เราบอกงั้นเรียกมันมาเลย  พอผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา  แวบแรกที่เราเห็น เป็นผู้หญิง ผิวคล้ำ หน้าตาดูเด็กๆ ผมสั้นๆ คือเราไม่ได้อคติ คือแบบหาได้แค่นี้หรอ  เราก็ด่ามันเลย ด่าๆ ๆ มันไม่ตอบโต้ซักคำ แต่มันยืนมองหน้าทำหน้าตากวนๆ เอามือกอดอก ทำแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย  แต่เราไม่ได้มีเรื่องทำร้ายมันแม่แต่น้อย เนื่องจาก ก่อนออกมาเราสัญญากับแม่แล้ว ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร อย่าไปทำร้ายใคร  ให้นึกถึงลูกเอาไว้เสมอ เพราะแค่นี้ลูกเรา น่าสงสารพอแล้ว   แล้วผู้ชายคนนั้น ที่เป็นพ่อของลูกมันพูดขึ้นมาว่าพอแล้วกูไม่เอาแล้ว ลูกกูก็ไม่เอา อย่ามายุ่งกับพวกกูอีก  แล้วมันก็พากันเดินออกห้องไป ทิ้งเราไว้ในห้องคนเดียว  ตอนนั้นเราหมดแรง จะทำอะไร  เหมือนตายทั้งเป็น เราคิดว่าเราพอแล้ว เราไม่ไหวแล้ว  ร้องไห้จนเราหลับไป นานแค่ไหนไม่รู้ มีคนมาดึงเราจากที่นอน คือพี่ชายเราเอง มันโทรไปบอกแม่เราว่าให้มาพาเรากลับไป มันไม่เอาเราแล้ว มันบอกกับแม่เราว่า มันสองคนอยู่กันมานานแล้ว ไม่ต้องให้เราไปยุ่งกับมันอีก   ให้มาพาเรากลับไป  เราก็กลับบ้านไป กลับถึงบ้านประมาณ เกือบ 6 โมงเช้า เราร้องไห้หลับไม่รู้ตัว ตืนมาสายๆ  เราคิดว่า เรื่องนี้ต้องมีผู้ใหญ่ทางเค้ารับทราบ เราจึงโทรหาแม่เค้า ที่อยู่ต่างจังหวัด เราเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้แม่ฟัง ซึ่งแม่รับฟังอย่างดี และบอกจะจัดการทุกอย่างให้เรา ให้เราใจเย็นๆ  ไม่ถึงชั่วโมง พ่อของลูกเรามันโทรมาด่าเรา ว่าเราเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่มันทำไม ทำไมต้องทำให้มันมีปัญหา กับที่บ้าน กับที่ทำงาน  แล้วมันยังบอกว่าเราขโมยแหวนแต่งงานมันมา ซึ่งตั้งแต่เราไปที่ห้องเราก็ไม่เห็นมันแล้ว มันบอกว่ามันจะแจ้งตำรวจ เราบอกจะทำอะไรทำเลย  ไม่คิดว่ามันจะทำได้ขนาดนี้  ซักพักแม่ของสามีโทรมา บอกว่าแม่ให้ไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้วจากห้อง วันนั้นเลย ให้เราอยู่เฉยๆ  ทำใจสบายๆ ให้เราเลี้ยงลูกไปให้นึกถึงลูก  ผ่านไป 3 วัน มันบอกว่ามันรู้ว่ามันทำผิด มันยังเลิกกับเด็กคนนั้นไม่ได้ทันทีต้องค่อยๆห่างออกไป  และมันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อจะกลับมาเป็นครอบครัว มันพูดนั่นนี่ ให้ทำเพื่อลูก ตอนนั้นเราโง่มาก  และเป็นการให้อภัยครั้งแรกกับคนที่ทำร้ายเราขนาดนั้น ซึ่งตอนนั้นเราคิดไปเอง ว่าเค้าสำนึกผิด จะไม่ทำแบบนั้นอีก ซึ่งมันไม่ใช่เลย   เรามารู้ทีหลังว่าผู้หญิงคนนั้น อายุเพียง 17-18 ปี  เรียนจบม. 3 แล้วบอกว่าทะเลาะกับพ่อแม่ สามีเราเลยสงสาร รับมาเลี้ยงค่ะ ตลกมั้ย   เจอกันที่ทำงาน  เราลองสืบดูตามเฟสบุ๊ค ก็เจอค่ะ เด็กคนนี้มันพยายาม บอกให้โลกรู้มานานแล้วค่ะ ว่ามันเป็นชู้ รูปถ่ายที่มันโพส แต่ละรูปคือ ติดสามีเราครึ่งนึง  ติดรถ ติดเตียงนอน ของใช้สามี  เช็คอินคอนโด เหมือนมันต้องการให้เรารู้มานานแล้ว  และหลังจากนั้นมันก็พยายามกวนประสาท โพสก่อกวนเราตลอดมา

หลังจากเหตุการณ์นั้น เราพยายามทำดีกับเค้าทุกอย่าง เท่าที่ทำได้  ทุกอย่างจริงๆ  ทั้งเรื่องการปฏิบัติตัวต่อเค้า เรื่องความเป็นอยู่  เรื่องเงินเราก็ช่วยเหลือ ตลอด  แต่ก็ยังมีเรื่องผู้หญิง เข้ามาอีกเรื่อย ๆ โดยมีผู้หญิงคนอื่น เข้ามา ซึ่งเรารู้ภายหลัง ว่ามันเป็นแค่ตัวหลอก   จากวันนั้นผ่านมาเกือบ 3 ปี เรามีปัญหาทะเลาะกันตลอด เราให้ภัยมันไม่รู้กี่ครั้ง  จนเราชินชา และเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว  ทุกครั้งที่มีปัญหา คือเรื่องเด็กคนนี้ ที่มันไม่เคยเลิกกันเลย  มันหลอกเรา หลอกพ่อแม่ พี่น้องมันเอง  หลอกทุกคน  เด็กคนนั้นก็รู้ทั้งรู้ ว่าเค้ามีลูกเมียแล้ว แต่มันก็ไม่ไปไหนค่ะ  คือหน้าด้านหน้าทนมาก จนหลังๆ เราทนเพื่อลูกแล้วคือ กับเราไม่ต้องมาสนใจดูแลก็ได้ แต่ให้มาหามาดูแลลูกบ้าง  มันติดเพื่อน ติดผู้หญิง ไม่มาหาลูก  แม้กระทั่งลูกไม่สบาย มันก็อ้างนั่นอ้างนี่  ไม่ใส่ใจลูกเราแม้แต่น้อย ไม่มีโทรถามใดๆ  มารู้ทีหลังว่า วันที่ลูกไม่สบายหนัก มันไปฉลองวันเกิดกับเด็กคนนั้น คนเดิมค่ะ มันลักลอบ เจอกันตลอด ซึ่งตอนนี้เรารับการกระทำของเค้าสองคนไม่ได้แล้ว   หลังจากที่มีเรื่อง เราแค่อยากทำให้ดีที่สุดเพื่อคำว่าครอบครัว เราทนเจ็บปวดคนเดียว มาเป็นปี ๆโดยที่ทุกอย่างมันไร้ความหมายมาก   ผู้ชายที่เคยเป็นสามี และพ่อของลูก กลายเป็นเหมือนคนที่เราไม่รู้จัก มันเปลี่ยนไปคนละคน  เราไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่   สุดท้ายเราให้มันเซ็นสัญญา เรื่องค่าเลี้ยงดูลูกแล้วจะทำอะไรก็ทำ  เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของเค้า เราต้องการรักษาสิทธิ์ให้ลูกบ้าง เพราะทุกวันนี้เรารับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างของลูก หนักมาก  รับส่งลูกเรียนหนังสือเอง  แล้วก๊ทำงาน ซึ่งทุกวันนี้เราเหนื่อยมาก แต่เราก็ทนเพื่อลูก  ต่อค่ะ   แต่มันไม่ยอมเซ็น มันบอกทำไมมันต้องเซ็นด้วย  ให้ตายมันก็ไม่เซ็นค่ะ  เราเลยบอกถ้าอย่างงั้น  ให้เลือกระหว่างลูก กับเด็กนั่น  เพราะมันเป็นต้นเหตุของเรื่องต่าง  ๆ คือมันหลงเด็กมาก ไม่สนใจลูกเลย  มาบ้างไม่มาบ้าง  ปล่อยให้ลูกรอเก้อเป็นประจำ   ลูกเราวัยอนุบาล 1 ถามถึงแต่พ่อเค้า เกือบทุกวัน  แม่ป๊ามามั้ย  ป๊าเค้าไปทำงานนานจัง  หนูรอป๊าตรงนี้นะแม่  แม่ป๊าเค้ารักหนูมั้ย  แม่โทรหาป๊าให้หน่อย  แม่หนูอยากไม่สบายป๊าเค้าจะได้มาพาไปหาหมอ ฟังแล้วปวดใจมาก  ลูกเราเป็นแบบนี้ตลอด   จนเราคิดว่านี่เราให้โอกาสพ่อเค้า จนเราทำร้ายลูกหรือเปล่า  ถ้าให้โอกาสพ่อแล้วเค้าทำทุกอย่างสม่ำเสมอ ลูกคงจะรู้สึกดีกว่านี้มั้ย   แล้วคำตอบของคนเป็นพ่อคือ..... มันไม่ยอมเลิกกับเด็กคนนั้น และ ยอมที่จะตัดขาดจากลูกไป  โดยมันบอกว่า  มันจะไม่ส่งเสีย เลี้ยงดูลูกอีก  รอลูก 5 ขวบ แล้วค่อยมาคุยกัน ถ้าอยากให้มันเจอลูก  คือมันทำแบบนั้นได้ด้วยหรอ เราหาคำตอบให้กับคำพูด  ของคนที่เป็นพ่อของลูกไม่ได้เลย ว่าเค้าทำเพื่ออะไร  ครั้งนี้เราเหนื่อยมากพอแล้ว และเลิกที่จะต่อสู้กับการกระทำของพวกเค้าแล้ว เราก็ตัดการติดต่อจากเค้าและทางบ้านเค้า  เราเชื่อว่าเค้าต้องได้รับผลตอบแทนจากการกระทำของพวกเค้าแน่นอน

เรื่องราวของเรา ก็เป็นปัญหาหนึ่งซึ่งหลายๆครอบครัวก็พบเจอ เราเลือกที่จะประคับประครอง ถึงที่สุดแล้ว โดยการให้อภัย   แต่ครอบครัวเราไม่สมหวัง  ใครอาจจะมองว่าเรา โง่ งมงาย เราก็ไม่ว่านะ  สุดท้าย เราไม่เสียใจ ที่เราต้องเลี้ยงลูกเองคนเดียว  เพราะเราถือว่าเรายอม เราทำทุกอย่างแล้ว  หากเราไม่ได้ทนแบบที่ผ่านมา เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า  เราอดทนพอหรือยัง



บทความแนะนำ


UnrealEngineAnt-Manแม็กกี้อาภาแม้เบี้ยภาพยนตร์ทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก