13 ที่เที่ยวหน้าหนาวสุดฮอต ไม่มีรถก็ไปได้

อ่าน 9,603

หลายคนแอบดีใจเพราะหน้าหนาวใกล้เข้ามาแล้ว

ขอเดาเลยว่ามีหลายคนแอบปักหมุดที่เที่ยวหน้าหนาวไว้ในใจกันบ้างแล้ว

แต่บางครั้งสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งไม่เอื้ออำนวยสำหรับคนมีรถ

และยิ่งช่วงหน้าหนาวแบบนี้คนคงแห่ออกไปพิชิตลมหนาวกันทั่วหน้า

รถติดกันยาวเป็นหางว่าว

อ๊ะ ๆ ไม่ต้องห่วง...วันนี้เราได้รวบรวมที่เที่ยวหน้าหนาวที่ไม่มีรถก็เที่ยวได้มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ เอาใจคนที่รักการเดินทางแบบชิล ๆ

1. ดอยฟ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่

"ดอยฟ้าห่มปก" (ดอยผ้าห่มปก)

ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก

บนยอดดอยนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชนทัศนียภาพความงดงามของทิวทัศน์ ทะเลหมอก

เฝ้ามองพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน

และอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่นี่คือความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ

ทั้งพืชพันธุ์และสัตว์ป่านานาชนิด ซึ่งล้วนแล้วเป็นสัตว์ที่หาดูได้ยาก เช่น

ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ผีเสื้อหางติ่งแววเลือน ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้

นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง และนกปีกแพรสีม่วง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่กางเต็นท์ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก โทร. 0 5345 3517, 084 483 4689

การเดินทาง

รถโดยสารประจำทาง : สามารถเดินทางรถโดยสารประจำทางปรับอากาศของบริษัทขนส่ง จำกัด

และบริษัทรถร่วมเอกชน เส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่

จากนั้นนั่งรถสองแถวไปต่อรถบัสสายเชียงใหม่-ฝาง เมื่อเดินทางมาถึงอำเภอฝางจะมีรถรับจ้างคอยบริการรับ-ส่งไปยังที่ทำการอุทยาน

หรือนักท่องเที่ยวจะเหมารถเพื่อขึ้นไปยังดอยฟ้าห่มปกได้ตามแต่สะดวก

สามารถตรวจสอบตารางเดินรถได้ที่ transport.co.th

ทั้งนี้สำหรับเส้นทางไปดอยฟ้าห่มปกนั้น ควรเดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ

ตามถนนสายฝาง-บ้านห้วยบอน เมื่อถึงบ้านห้วยบอนแล้ว

ตรงไปตามถนนลูกรังอีกประมาณ 18 กิโลเมตร จะถึงที่ตั้งลานกางเต็นท์กิ่วลม

ห่างจากยอดดอยโดยทางเดินเท้าประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาเดินทางไป-กลับ

ประมาณ 3 ชั่วโมง

2. ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย

"ภูชี้ฟ้า"

มีลักษณะเป็นหน้าผาแนวยาวที่ยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว

เป็นหนึ่งยอดเขาสูงที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความสวยงามของทะเลหมอก

ความสวยงามของธรรมชาติบนภูชี้ฟ้ากลายเป็นที่โด่งดัง

ด้วยเพราะเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร

นั่นคือลักษณะภูเขาที่ชี้ขึ้นไปบนฟ้า ยิ่งช่วงใกล้หน้าหนาว

ธรรมชาติบนภูชี้ฟ้าจะสวยงามมากเป็นสองเท่า การมาเที่ยวภูชี้ฟ้าในหน้าหนาว

นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอากาศหนาวและความสวยงามของทะเลหมอกแล้ว

นักท่องเที่ยวยังจะได้ชมความสวยงามของดอกเสี้ยวที่ผลิดอกสีขาวบานสะพรั่งตลอดเชิงเขา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 053 150 192

การเดินทาง

รถโดยสารประจำทาง : สามารถนั่งรถโดยสารจากจากกรุงเทพฯ นั่งไปลงเชียงราย โดยจากตัวเมืองเชียงรายขึ้นรถที่สถานีขนส่งเดินทางได้ 2 วิธี

- รถตู้ไปภูชี้ฟ้า การขึ้นรถตู้ไปภูชี้ฟ้าจะเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกที่สุด

เพราะรถตู้จะไปส่งที่บ้านร่มฟ้าไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่พักต่าง ๆ

บนภูชี้ฟ้า สามารถตรวจสอบตารางเวลารถตู้ได้ที่ phucheefah.com

- รถโดยสารประจำทาง สายเชียงราย-เชียงคำ หรือ เชียงราย-เทิง-เชียงของ ไปลงที่อำเภอเทิง หลังจากนั้นสามารถโดยสารรถสองแถวเพื่อขึ้นไปยังภูชี้ฟ้า

3. ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

"ดอยอินทนนท์"

สถานที่ชมทะเลหมอกสุดแสนจะคลาสสิกในช่วงหน้าหนาว

หลายคนไปที่นั่นแล้วเป็นต้องประทับใจกลับมาทุกที

ด้วยเพราะความสวยงามทางธรรมชาติของผืนป่าที่หลากหลาย ทั้งป่าดงดิบ ป่าสน

ป่าเบญจพรรณ ที่แต่งแต้มให้วิวทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ไม่เป็นสองรองใคร

รวมถึงปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้ง รวมถึงพืชพันธุ์ไม้หายาก เช่น

กุหลาบพันปี ซึ่งจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี

เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างเสน่ห์ให้กับดอยอินทนนท์

ที่ยังคงมีมนตร์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนไม่ขาดสาย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 053 286 728, 086-919-3589, 081-311-6790

การเดินทาง

รถโดยสารประจำทาง : สามารถใช้บริการรถโดยสารของบริษัทขนส่ง สายกรุงเทพฯ-จอมทอง

โดยสุดปลายทางที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นจุดต่อรถไปยังดอยอินทนนท์

จากหน้าวัดจะมีรถสองแถวสีเหลืองสายจอมทอง-อินทนนท์คอยให้บริการ

ซึ่งจะเป็นรถโดยสารประจำทางวิ่งไปจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

สามารถตรวจสอบตารางเดินรถได้ที่ transport.co.th

รถไฟ : มีรถด่วนและรถเร็วออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ-เชียงใหม่

หลังจากนั้นโดยสารรถสองแถวไปลงที่ประตูเมือง

และที่ประตูเมืองเชียงใหม่จะมีท่ารถสองแถวจอดอยู่ตรงข้ามตลาด

(เขียนว่าไปจอมทอง) ลงปลายทางที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง

หรือไปก็ขอลงตรงสามแยกทางเข้าดอยอินทนนท์

และสามารถติดต่อรถของเจ้าหน้าที่เพื่อออกมารับเราเข้าไปยังดอยอินทนนท์ต่อไป

ตรวจสอบตารางการเดินรถไฟได้ที่ railway.co.th

เครื่องบิน : โดยสารเครื่องบินมาลงที่สนามบินเชียงใหม่

หลังจากนั้นมาขึ้นรถที่ประตูเชียงใหม่ ลงที่อำเภอจอมทอง

แล้วจะมีรถสองแถวขึ้นไปบนดอยอินทนนท์อีกทีหนึ่ง

ตรวจสอบตารางเที่ยวบินได้ที่ chiangmaiairportthai.com

4. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่

"อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง"

พลาดไม่ได้กับจุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม)

เป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงาม

บริเวณนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนขึ้นมาชมความสวยงามของทะเลหมอกและความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน

สามารถมองเห็นธรรมชาติที่สวยงามของทิวเขาอันสลับซับซ้อน

ซึ่งมีดอยหลวงและดอยเชียงดาวที่สูงที่สุดเป็นใจกลาง

ทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกอันกว้างใหญ่

ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้กำลังบานสวยงาม

ทำให้ทั่วบริเวณจุดชมวิวอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกและอบอุ่น

ช่วยผ่อนคลายความหนาวที่เข้าปกคลุมอยู่รอบตัวได้เป็นอย่างดี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง โทร. 053 248 491, 084 908

1531

การเดินทาง

รถโดยสาร : สามารถใช้บริการรถโดยสารของบริษัทขนส่งสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่

จากสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่

โดยจากตัวเมืองเชียงรายขึ้นรถที่สถานีขนส่งเดินทางได้ 2 วิธี

- นั่งรถโดยสารสายเชียงใหม่-ปาย ลงหน้าปากทางเข้าห้วยน้ำดัง

- นั่งรถตู้ที่จะไปปาย แล้วบอกกับคนขับว่าลงห้วยน้ำดัง

สามารถตรวจสอบตารางเดินรถได้ที่ transport.co.th

รถไฟ : สามารถโดยสารรถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ หลังจากมาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่

นั่งรถแดงไปลงที่อาเขต หลังจากนั้นโดยสารรถตู้สายที่จะไปปาย

และขอลงที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ตรวจสอบตารางการเดินรถไฟได้ที่ railway.co.th

5. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย

"อุทยานแห่งชาติภูกระดึง"

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงหน้าหนาว

และเป็นบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิอยู่ที่ 0-10 องศา

ภายในอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น "สระอโนดาต" บึงธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยป่าสน และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน "ผาหมากดูด" จุดถ่ายรูปและจุดชมพระอาทิตย์อัสดงยอดฮิตของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง "ผานกแอ่น" จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ในช่วงฤดูหนาวจะเห็นทะเลหมอกปกคลุมไปทั่ว "ผาเหยียบเมฆ" ลานหินกว้างเป็นจุดชมวิวระยะไกล

ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างผาหมากดูดและผาหล่มสัก

ความสมบูรณ์ของธรรมชาติบนภูกระดึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาว

จึงเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างถวิลหา

และอยากไปสัมผัสให้เห็นกับตาสักครั้ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์ 042 810 833 และ 042 810 834

การเดินทาง

รถโดยสารประจำทาง :

นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถโดยสารประจำทางปรับอากาศจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ

(จตุจักร) สายกรุงเทพฯ-เมืองเลย

จากนั้นให้มาลงรถที่ผานกเค้าหรือสถานีขนส่งอำเภอภูกระดึง

และต่อรถสองแถวเข้าไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง

สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ home.transport.co.th

รถไฟ : เนื่องจากจังหวัดเลยยังไม่มีเส้นทางรถไฟวิ่ง

หากต้องการเดินทางโดยรถไฟสามารถขึ้นที่สถานีหัวลำโพงแล้วไปลงที่ขอนแก่นได้

จากนั้นต่อรถโดยสารประจำทางสายขอนแก่น-เลย มาลงที่ผานกเค้า

แล้วต่อรถสองแถวเข้าไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง

ตรวจสอบตารางการเดินรถไฟได้ที่ railway.co.th

6. อุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย

"อุทยานแห่งชาติภูเรือ"

มีลักษณะภูมิประเทศเป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อากาศบนอุทยานมีอากาศหนาวเย็น

จนบางครั้งทำให้น้ำค้างที่เกาะบนยอดหญ้าแข็งตัวเป็นแม่คะนิ้ง

เป็นที่ถูกอกถูกใจสำหรับนักท่องเทียวที่ชอบผจญภัยกับความหนาวเย็น

ทั้งนี้บนอุทยานแห่งชาติภูเรือยังมีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น "ผาโหล่นน้อย" จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม "ยอดภูเรือ" พื้นที่สูงสุดในเขตอุทยาน นักท่องเที่ยวสามารถรับชมทัศนียภาพที่สวยงามได้อย่างรอบด้าน "ผาซำทอง" จุดชมวิวที่ลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน เป็นต้น

นอกจากนี้ภายในอุทยานยังมีพื้นที่กางเต็นท์ ที่พัก ที่จอดรถ และร้านอาหาร

ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

อุทยานแห่งชาติภูเรือ โทร. 0 4280 1716, 0 8850 95299

การเดินทาง

รถโดยสาร : สามารถเดินทางรถโดยสารสายกรุงเทพฯ-เลย มาลงหน้าตลาดเช้าใกล้ภูเรือ

หลังจากนั้นติดต่อเหมารถสองแถวขึ้นไปได้ยังอุทยานแห่งชาติภูเรือ

สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ transport.co.th

รถไฟ : เนื่องจากจังหวัดเลยไม่มีสถานีรถไฟ

แต่สามารถนั่งรถไฟจากสถานีหัวลำโพงมาลงที่สถานีรถไฟอุดรธานี

และต่อรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดเลย สอบถามรายละเอียดได้ที่

หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690, 0 2220 4334, 0 2220

4444 หรือ railway.co.th หรือสถานีรถไฟอุดรธานี โทร. 0 4222 2061

7. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

"อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่"

จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหน้าหนาว โดยเฉพาะในยามเช้าที่จุดท่องเที่ยวต่าง ๆ

ภายในเขตอุทยานจะปกคลุมด้วยไอหมอกจาง ๆ ที่พัดผ่านมาพร้อมกับสายลมเบา ๆ

ภายในมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามต่าง ๆ มากมาย เช่น น้ำตก สัตว์ป่า

เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นต้น อากาศที่นี่ไม่ร้อนจัดหรือหนาวจัดจนเกินไป

จัดอยู่ในประเภทเย็นสบายตลอดทั้งปี

ยิ่งในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์

นักท่องเที่ยวจะนิยมไปที่นี่กันมาก เพราะนอกจากจะอากาศดีแล้ว

บรรยากาศหน้าหนาวของที่นี่ยังโรแมนติกมากอีกด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทร. 08 6092 6527, 08 6092 6529

การเดินทาง

รถโดยสาร : สามารถโดยสารรถประจำทางสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ไปลงที่อำเภอปากช่องได้

จากหน้าสถานีขนส่งปากช่อง หลังจากนั้นนั่งรถสองแถว

โดยปลายทางหมดระยะที่หน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และถ้าจะขึ้นเขาใหญ่

แนะนำให้เหมารถสองแถว (บริเวณที่เราลงรถหรือเหมาจากตลาดปากช่องก็ได้)

เข้าไปยังเขาใหญ่ต่อไป สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ transport.co.th

รถไฟ : ขึ้นรถไฟลงที่สถานี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

แล้วต่อรถสองแถวที่ตลาดอำเภอปากช่อง-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

สามารถตรวจสอบตารางเวลารถไฟได้ที่ railway.co.th

8. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์

ใคร ๆ ต่างก็พากันพูดว่าในยามหน้าหนาว "อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว" มีเสน่ห์และน่าไปเยือนมากที่สุด

เหมาะแก่การเดินทางมาท่องเที่ยวรับลมหนาวเป็นอย่างมาก

สถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยานที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด ได้แก่ "จุดชมทิวทัศน์ถ้ำผาหงษ์" จุดชมพระอาทิตย์ที่มีชื่อเสียงของอุทยาน ซึ่งภายในถ้ำผาหงส์ยังมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวหลายชนิด "จุดชมทิวทัศน์ภูค้อ" อีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของผืนป่าเขียวขจี และ "สวนสนภูกุ่มข้าว" ป่าสนสามใบ ที่มีต้นสนขนาดใหญ่ขึ้นรายล้อมตามธรรมชาติอย่างหนาแน่น

ราวกับเป็นท้องทะเลของยอดสนสีเขียวแสนสวยงาม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว โทร. 0 5681 0724, 08 1962 6236

การเดินทาง

รถโดยสาร : สามารถโดยสารรถประจำทางสายกรุงเทพฯ-หล่มสัก ไปลงที่สถานีขนส่งหล่มสัก

หลังจากนั้นต่อรถสายขอนแก่น-หล่มสัก

รถจะผ่านหน้าทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติหล่มสัก

ในช่วงฤดูท่องเที่ยวระหว่างเดือนตุลาคมถึงมกราคม

จะมีรถท้องถิ่นให้บริการจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติหล่มสัก

ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อีกด้วย สามารถตรวจสอบตารางเวลาเดินรถได้ที่ transport.co.th

9. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

"อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" เป็นอุทยานที่มีพื้นที่กว้างที่สุดของประเทศ

ที่ยังคงสภาพป่าดงดิบตามธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ

จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอุทยานแก่งกระจาน ได้แก่ "เขาพะเนินทุ่ง"

มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้ากว้าง โอบล้อมด้วยป่าดิบเขาและสัตว์ป่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาว

นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับการชมทะเลหมอกสีขาวโพลน

ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ขอกางเต็นท์สำหรับพักค้างแรมที่นั่นได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางดูนก ผีเสื้อ น้ำตกทอทิพย์ แคมป์บ้านกร่าง

คงไม่มีอะไรจะดีกว่าการนำตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

และสายลมหนาวที่พัดมาคลอเคลียเฉกเช่นที่ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" แห่งนี้อีกแล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแก่งกระจาน โทร. 032 459 293

การเดินทาง

รถโดยสาร : สามารถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-ท่ายาง ลงที่ตลาดท่ายาง

จากนั้นต่อรถสองแถวไปตลาดแก่งกระจาน และต่อรถรับจ้างหรือจักรยานยนต์ไปอีก 4

กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ transport.co.th

รถตู้โดยสารประจำทาง : จากอนุสาวรีย์ชัย บริเวณด้านข้างของห้างเซ็นจูรี่

ไปลงหน้าที่ว่าการอำเภอแก่งกระจาน

จากนั้นต่อรถไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

10. ปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

"ปางอุ๋ง" สถานที่ที่มีทัศนียภาพงดงามอย่างยิ่ง

จนได้รับสมญาว่าสวิตเซอร์แลนด์แดนสามหมอก

เสน่ห์สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดใจให้ใครหลาย ๆ

คนเอยากมาสัมผัสความงดงามของปางอุ๋งด้วยตาตัวเอง

นั่นคือเวิ้งน้ำที่กระทบแสงอาทิตย์ในยามเช้าและยามเย็น

โดยเฉพาะในยามเช้าที่มีสายหมอกสีขาวนวลลอยคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ ผืนน้ำ

มีหงส์สีขาวและสีดำว่ายน้ำอวดโฉมความสง่างามดุจดั่งภาพวาดในนวนิยาย

หรือแม้แต่ยามเย็นที่พระอาทิตย์จะค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า

สาดแสงสีทองสุดท้ายไว้ให้คิดถึง หรือแวะสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้าน

"บ้านรวมไทย" ดูของที่ระลึก ชิมอาหารจีนยูนนาน เคล้าชาร้อน ๆ รสชาตินุ่มลิ้น นี่มันสวรรค์บนดินชัด ๆ

ทั้งนี้นักท่องเที่ยวประเภทพักค้างแรมต้องลงทะเบียนผ่านศูนย์ศิลปาชีพ

จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงจะสามารถนำรถเข้าปางอุ๋งได้ โทร. 0 5361 1244 มือถือ

08 5618 3303

การเดินทาง

รถโดยสารประจำทาง : สามารถโดยสารรถประจำทางสายกรุงเทพฯ-ปาย ลงที่สถานีอาเขตจังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งจากเชียงใหม่มีทั้งรถตู้และรถโดยสารบริการไปยังอำเภอปายหลายเที่ยวด้วยกัน

หลังจากนั้นนั่งรถประจำทางสายเชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน

ไปลงที่ไปรษณีย์แม่ฮ่องสอน แล้วต่อรถไปตลาดสายหยุด

จะมีคิวรถสองแถวไปยังปางอุ๋ง สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ home.transport.co.th

เครื่องบิน : สามารถโดยสารเครื่องบินมายังที่สนามบินเชียงใหม่

หลังจากนั้นต่อเครื่องไปลงแม่ฮ่องสอน

หลังจากนั้นสามารถเช่ามอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ไปยังปางอุ๋ง

หรือถ้าใครไม่อยากต่อเครื่องไปแม่ฮ่องสอน

สามารถนั่งรถโดยสารเปรมประชาไปแม่ฮ่องสอน และนั่งรถสองแถวต่อไปยังปางอุ๋ง

สามารถตรวจสอบตารางบินได้ที่ chiangmaiairportthai.com

รถไฟ : สามารถโดยสารรถไฟมายังที่สถานีรถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่

โดยสารรถแดงไปที่สถานีขนส่งอาเขต

และโดยสารรถประจำทางไปยังสถานีขนส่งแม่ฮ่องสอน

หลังจากนั้นสามารถเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปยังปางอุ๋ง

แต่ถ้าไม่เช่ารถมอเตอร์ไซค์สามารถนั่งรถสองแถวจากตลาดสายหยุดไปยังปางอุ๋ง

(บ้านรวมไทย) สามารถตรวจสอบตารางเวลารถไฟได้ที่ railway.co.th

11. สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

"สังขละบุรี"

หนึ่งในอำเภอยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวชอบเดินทางไปหาความสนุก

พักผ่อนอย่างมีความสุขในแบบบรรยากาศที่เย็นสบาย เพราะมีธรรมชาติที่สวยงาม

โอบล้อมด้วยขุนเขาและแม่น้ำ "ซองกาเลีย" ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเมียนมา

และด้วยความที่อำเภอสังขละบุรีมีชายแดนติดกับเมียนมา

ทำให้ที่นี่ผสมผสานไปด้วยหลากหลายวัฒนธรรม

เด่นชัดที่สุดคือวัฒนธรรมชนชาติมอญ ที่ยังคงรูปแบบวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม

ทำให้อำเภอแห่งนี้มีสีสันชวนให้ใครหลายคนอยากออกเดินทางไปสัมผัสความงามให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

การเดินทาง

รถโดยสารประจำทาง : สามารถเดินทางโดยสารรถประจำทางที่สถานีสายใต้ใหม่สายกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี

จากนั้นนั่งรถสายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ-สังขละบุรี ไปลงที่ท่ารถสังขละบุรี

สอบถามรายละเอียดการเดินรถเพิ่มเติมได้ที่ กาญจนบุรีทัวร์ โทร. 02 894 6134 (กรุงเทพฯ) และ โทร. 034-511-552 (กาญจนบุรี)

สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ www.busticket.in.th

รถไฟ : สามารถนั่งรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก (ขึ้นที่สถานีธนบุรี)

ลงที่สถานีรถไฟกาญจนบุรี

แล้วไปต่อรถตู้ที่สถานีขนส่งกาญจนบุรีเพื่อไปยังอำเภอสังขละบุรี

สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถไฟได้ที่ railway.co.th

12. หมู่บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่

"หมู่บ้านแม่กำปอง" เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ

ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์

เป็นหมู่บ้านท่ามกลางหุบเขาที่อากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี

มีลำธารไหลผ่านหลายสาย นอกจากธรรมชาติที่สวยงามของหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว

วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านก็เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมที่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ขาดสาย

ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนเมี่ยง ไร่กาแฟ

ภายในหมู่บ้านมีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยว เช่น

น้ำตกแม่กำปอง หน้าผาหิน หินโยกหินคลอน วัดคันธาพฤกษา กลุ่มอาชีพต่าง ๆ

เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ mae-kampong.com

การเดินทาง

รถโดยสารประจำทาง :

รถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ มาลงที่สถานีอาเขต

จากตัวเมืองเชียงใหม่ บ้านแม่กำปองอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร

และเนื่องจากบ้านแม่กำปองไม่มีรถสาธารณะผ่าน

นักท่องเที่ยวสามารถเช่ามอเตอร์ไซค์

หรือถ้าขับรถไม่เป็นก็สามารถจ้างสองล้อแดงไปยังบ้านแม่กำปองได้เช่นกัน

สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ transport.co.th

เครื่องบิน : สามารถโดยสารสายการบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่

ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อรถรับส่งไปยังหมู่บ้านแม่กำปองได้ล่วงหน้า

สามารถตรวจสอบเวลาโดยสารได้ที่ chiangmaiairportthai.com

รถไฟ : สามารถโดยสารรถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่

หลังจากนั้นจะเหมารถสองแถวแดงหรือเช่ารถขับไปยังแม่กำปองก็ได้แล้วแต่ความสะดวก

สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถไฟได้ที่ railway.co.th

13. หมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช

"หมู่บ้านคีรีวง"

เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้ และสายน้ำ

ยิ่งถ้าได้มาในช่วงหน้าหนาวรับรองเลยว่าบรรยากาศสุดแสนจะฟิน

ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ การพักแบบโฮมสเตย์

ทานอาหารพื้นเมือง เพลิดเพลินไปกับการชิมผลไม้นานาชนิด

รวมถึงยังเป็นแหล่งผลิตภัณฑ์ OTOP เช่น ผ้ามัดย้อมสมุนไพร

กลุ่มจักสานกะลามะพร้าว กลุ่มแปรรูปน้ำผลไม้

ภายในพื้นที่มีสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ อากาศดี

ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมุ่งหน้ามาที่นี่เป็นจำนวนมาก

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประสานงานบ้านคีรีวง โทร. 075 533

113

การเดินทาง

รถโดยสาร : สามารถนั่งรถโดยสารสายกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช มาลงที่ขนส่งนครศรีธรรมราช

หลังจากนั้นให้มารอขึ้นรถสองแถวสายนคร-คีรีวง และให้ลงตรงตีนสะพานท่าดี

ซึ่งเป็นจุดจอดของรถสองแถว สามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ transport.co.th

รถไฟ : สามารถโดยสารรถไฟสายกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ลงที่สถานีคลองจันดี หลังจากนั้นนั่งรถสองแถวสายนครฯ-จันดี ลง "ศาลาสังกะสี" และต่อรถสองแถวสายนครฯ-คีรีวง สามารถตรวจสอบเวลาการเดินรถได้ที่ railway.co.th

เป็นยังไงกันบ้างคะ

? หวังว่าหนาวนี้เพื่อน ๆ จะมีเส้นทางรับลมหนาวในดวงใจกันบ้าง

คราวนี้เมื่อรู้วิธีเดินทาง รู้ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ที่นี้ก็เหลือแค่เพื่อน

ๆ แล้วล่ะว่าเลือกที่จะเดินทางไปสัมผัสของจริง

หรือจะนั่งกดไลค์ภาพของคนอื่นอยู่ที่บ้านกันแน่

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง ข้อมูล ณ วันที่ 23 กันยายน 2559

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ททท, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว-Namnao-National-Park, kanchanaburi.go.th และ kiriwonggroup.com



บทความแนะนำ


โปรโมชั่นอนันดาวีเจจ๋าข่าวบันเทิงวันนี้กรุงเทพที่กินที่เที่ยวร้านอาหารในกรุงเทพร้านอาหารอร่อยเชสเตอร์กริลล์นักเก็ตไก่ครีมเมอรี่บูติกเชสเตอร์กริลล์ข่าวดาราวันนี้ไอศกรีมแนะนำร้านอาหารทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก