8 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคู่ของคุณมี 'ความสัมพันธ์รักที่สุดแสนมั่นคง'

อ่าน 8,340

คำว่า ?ความสัมพันธ์? อาจทำให้คุณนึกถึง

คืนเดทใต้แสงเทียน การจับมือกันเดินเล่นในทุ่งหญ้าเขียวขจี

หรือการป้อนเค้กกันและกันในวันงานแต่ง

แต่บางครั้งมันก็อาจทำให้คุณนึกถึงเรื่องแย่ๆ อย่างเช่น การทะเลาะเบาะแว้ง

บางครั้งคุณทั้งคู่อาจจะรู้สึกรักและปรารถนาในตัวกันและกัน

แต่บางครั้งก็อาจจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย

แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าความสัมพันธ์ของคุณไปได้สวยหรือกำลังย่ำแย่?

นักจิตวิทยาใช้เวลาหลายปีในการศึกษา ปัจจัยพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว และได้พบปัจจัยสำคัญๆ อยู่หลายอย่าง ดังต่อไปนี้

คำเตือน:

แม้ว่าความสัมพันธ์ของคุณจะไม่เข้าเกณฑ์ที่เรานำมาแบ่งปันหมดทุกข้อ

ก็ไม่ได้แปลว่าคุณควรจะเลิกกับคนที่คุณกำลังคบอยู่

แต่นี่เป็นเพียงไกด์ไลน์ที่จะช่วยให้คุณเริ่มสังเกตว่าความสัมพันธ์ปัจจุบัน

ของคุณเป็นที่น่าพึงพอใจและมีความสุขหรือไม่?

1. คุณคิดถึงคนรักบ่อยๆ เวลาไม่ได้อยู่ด้วยกัน

ในปี 2007 กลุ่มนักวิจัยได้ทดลองสุ่มโทรศัพท์หาคู่แต่งงานกว่า 300 คู่

และถามคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับความรู้สึกของพวกเขาผลปรากฏว่ามี

ปัจจัยในความสัมพันธ์อยู่หลายอย่างที่เกี่ยวพันกับความรู้สึกรักอย่างเข้ม

ข้น และสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ที่ค้นพบนั่นก็คือการที่ยิ่งคิดถึงคนรักของตนบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งสื่อได้ว่ารู้สึกรักคนรักมากเท่านั้น

วิจัยชิ้นนี้ยังรวมไปถึงการทดลองติดตามผลกับคู่รักในนิวยอร์กอีกกว่า 400 คู่ ซึ่งพบว่า การไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งอื่นได้เวลาที่คิดถึงคนรักก็สื่อถึงความรู้สึกรักอย่างเข้มข้นเช่นกัน โดยเฉพาะกับผู้ชาย

2. ปฏิกิริยาหลังจากได้ฟังข่าวดีของคนรัก เป็นไปในทางบวก

Lauren Friedman กล่าวใน Business Insider ว่าความสัมพันธ์ที่มีความสุข ส่วนหนึ่งดูได้จากคู่รักมีปฏิกิริยาต่อข่าวดีของอีกฝ่ายอย่างกะตือรือร้นมากแค่ไหน

เว็บไซต์ Psychology Today ได้จำแนก 4 วิธีที่ผู้ชายตอบรับหลังจากรู้ว่าคนรักได้เลื่อนตำแหน่ง ดังนี้

  • ตอบรับเชิงสร้างสรรค์อย่างชัดเจน คือการที่เขาสนับสนุนคุณอย่างกะตือรือร้น ?เยี่ยมไปเลย ที่รัก! ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องทำได้แน่ คุณทุ่มเทมามากจริงๆ?
  • การตอบรับเชิงสร้างสรรค์แบบไม่แสดงออกมาก คือการสนับสนุนที่ไม่มากจนเกินไป เขาจะยิ้มแบบอบอุ่นให้และตอบกลับว่า ?ข่าวดีนะเนี่ย?
  • การตอบรับแบบไม่สร้างสรรค์อย่างชัดเจน เป็นการกล่าวขัดและทำให้เสียอารมณ์ อย่าง ?งั้นแปลว่าคุณก็ต้องทำงานนานกว่าเดิมใช่ไหม แน่ใจหรอว่าจะทำไหว??
  • และสุดท้าย การตอบรับแบบไม่สร้างสรรค์แต่ไม่ได้แสดงออกมาก

    นั่นก็คือการที่เขาไม่ได้ใส่ใจข่าวดีของคุณเลยนั่นเอง อย่างเช่น

    ?อ๋อ?จริงหรอ เอ้อ! นี่คุณต้องไม่เชื่อแน่ๆ

    ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนผมกำลังขับรถกลับบ้านวันนี้!??

น่าจะเดากันได้ง่ายๆ ว่า การตอบรับเชิงสร้างสรรค์อย่างชัดเจนนั่นแหละที่น่าจะมีผลให้คนเราพึงพอใจกับ ความสัมพันธ์มากที่สุด

3. คุณทั้งคู่แยกกันเพื่อไปใช้เวลากับเพื่อนๆ บ้าง

ไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี้

ผู้คนเริ่มตั้งความคาดหวังกับคู่แต่งงานมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ใช่แค่ในฐานะหุ้นส่วนเรื่องเงินทอง คนดูแลปกป้อง หรือเพื่อนเท่านั้น

แต่ยังรวมไปถึงคนที่จะช่วยเติมเต็มตัวตนของกันและกันด้วย

Eli Finkel

นักจิตวิทยาที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ แนะนำว่า

หากคุณอยากมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข

คุณไม่ควรจะคาดหวังให้คู่รักของคุณมาเติมเต็มทุกความต้องการในชีวิต

แต่ควรตามหาด้วยตัวเองผ่านงานอดิเรก เพื่อนฝูง และการงานมากกว่า

4. คุณทั้งคู่มีอารมณ์ขันที่คล้ายคลึงกัน

Neil Clark Warren นักจิตวิทยาและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์หาคู่ eHarmony ได้กล่าวกับ Business Insider ว่า ?อารมณ์ขันเป็นสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น?

Erin Brodwin จาก Business Insider

กล่าวว่า การมี ?ภาษาส่วนตัว? ที่ใช้กับคนรัก เช่น

การตั้งชื่อเล่นหรือมุกตลกที่เข้าใจกันแค่สองคนจะช่วยให้เกิดความผูกพันธ์

และความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้

5. พวกคุณแบ่งกันทำงานบ้านเท่าๆ กัน

ผลของการสำรวจโพลปรากฏว่า 62% ของคนวัยผู้ใหญ่บอกว่า การแบ่งกันทำงานบ้านเป็นส่วนสำคัญมากของชีวิตคู่ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียวที่กลุ่มตัวอย่างทั้งเพศชายและหญิงต่างก็เห็นเป็นเสียงเดียวกัน

แต่ถึงแม้ว่าผู้ชายจะเริ่มทำงานบ้านมากขึ้นกว่าในอดีต แต่งานวิจัยก็พบว่า งานบ้านส่วนใหญ่ยังคงเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายหญิงอยู่ดี

6. พวกคุณได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน

จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1993

นักวิจัยได้สำรวจเกี่ยวกับคุณภาพของความสัมพันธ์

โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นคู่แต่งงานวัยกลางคนกว่า 50 คู่ และแบ่งออกเป็น 3

กลุ่ม

กลุ่มแรก เลือกที่จะทำกิจกรรมใหม่ๆ และน่าตื่นเต้นด้วยกันเป็นเวลา 90

นาทีต่อสัปดาห์ เช่น ออกไปเที่ยวหรือไปเต้นด้วยกัน

อีกกลุ่มหนึ่งเลือกใช้เวลา 90 นาทีต่อสัปดาห์ในการทำกิจวัตรร่วมกัน เช่น

การออกไปดูหนัง ส่วนกลุ่มสุดท้ายนั้นเลือก ใช้ชีวิตคู่แบบเดิมของตน

และเมื่อผ่านไปสิบสัปดาห์ กลุ่มนักวิจัยพบว่าคู่แต่งงานที่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นร่วมกันนั้น เป็นกลุ่มที่พึงพอใจในความสัมพันธ์ของตนมากที่สุด

เช่นเดียวกับงานวิจัยใน The New York Times เมื่อปี ค.ศ. 2008:

?Dr. Aron หนึ่งในกลุ่มนักวิจัยกล่าวว่า

ไม่ใช่ว่าความแปลกใหม่จะสามารถกอบกู้ชีวิตแต่งงานที่อยู่ในขั้นวิกฤตได้

แต่สำหรับคู่ที่เบื่อหน่ายชีวิตคู่เป็นครั้งคราว

การเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับชีวิตคู่ก็เป็นการเติมไฟรักให้กลับมาลุกโชนได้

อีกครั้ง?

7. พวกคุณไม่มีปัญหารุนแรงกันบ่อยๆ

กลุ่มนักวิจัยได้ทำการสำรวจความเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่เดทกว่า 400 คู่ เพื่อแบ่งประเภทของ ความสัมพันธ์ ได้แก่ คู่รักดราม่า คู่รักจอมขัดแย้ง คู่รักเข้าสังคม และ คู่รักที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เป็นที่หนึ่ง

Gary Lewandowski นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ได้อธิบายในเว็บไซต์ Science of Relationship ไว้ว่า สำหรับคู่รักดราม่านั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขามักจะขึ้นๆ ลงๆ และมีปัญหากันอยู่เสมอ

ต่อมา คู่รักที่ให้ความสำคัญเรื่องความสัมพันธ์เป็นที่หนึ่งจะเป็นคู่ที่มองกันในแง่บวกและมักจะมีปัญหาเมื่อไม่สามารถใช้เวลาร่วมกันบ่อยๆ ได้

ส่วนคู่รักเข้าสังคมนั้น จะมีทิศทางของความสัมพันธ์ที่ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของเพื่อนฝูงและครอบครัวของทั้งคู่

สุดท้าย คู่รักจอมขัดแย้งเป็นคู่ที่มักจะทะเลาะกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่เป็นประจำ ขึ้นอยู่กับระดับความผูกมัดในความสัมพันธ์ของทั้งคู่

ผลการวิจัยสรุปว่า

คู่รักที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เป็นอันดับแรก

มักจะมีแนวโน้มจะพัฒนาความสัมพันธ์อย่างจริงจัง

ส่วนคู่รักดราม่าก็เป็นประเภทที่มีแนวโน้มการเลิกรากันมากที่สุดด้วย

8. พวกคุณรู้วิธีคืนดีกัน หลังจากการทะเลาะ

John Gottman นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์อีกคนหนึ่งกล่าวกับ Business Insider ว่าคุณสมบัติที่คนรักพึงมีร่วมกัน อันดับหนึ่งหากอยากประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ก็คือ ?การคืนดีหลังจากทะเลาะกัน?

เขากล่าวว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งเลย แต่เป็นเรื่องวิธีจัดการกับความขัดแย้งเสียมากกว่า

?สิ่งหนึ่งที่ผู้คนมีความสัมพันธ์และชีวิตแต่งงานที่ดีมีร่วมกันคือ การสื่อสารกัน การรับฟังเมื่ออีกฝ่ายรู้สึกแย่

และสิ่งที่เราควรทำเวลาที่อีกฝ่ายมีปัญหาก็คือ วางมือจากสิ่งที่กำลังทำ

แล้วหันมารับฟัง พูดคุย ช่วยกันแก้ไขปัญหา โดยไม่ปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ

และไม่เพิกเฉยต่อความทุกข์ใจของอีกฝ่าย?

Source : Business Insider

ขอบคุณที่มา: http://www.sumrej.com/8-signs-youre-in-a-strong-relationship-9-2016/



บทความแนะนำ


ดูดวงเฝ้าระวังพายุไต้ฝุ่นโอกินาวาไต้ฝุ่นSoldiersBenghaziHoursTheSecretภาพยนตร์แต่งตัวตามดวงทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก