Boarding Pass คือ อะไร รู้ไว้ก่อนออกเดินทาง
สนับสนุนเนื้อหา
ก่อนอื่นต้องบอกว่า
บทความนี้เขียนขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่ออธิบายและให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง
ของ Boarding Pass เนื่องจาก มัชรูมทราเวลเล็งเห็นแล้วว่า
นักท่องเที่ยวหลายๆ ท่านไม่เข้าใจว่า Boarding Pass คือ อะไร
หลายคนตั้งคำถามว่า Boarding Pass ได้มาหลัง Check in ใช่หรือไม่? Boarding
Pass และ E-Ticket คือตัวเดียวกันรึเปล่า? ทำไม Boarding Pass และ Ticket
ต้องออกคู่กัน? และจริงๆ แล้ว Boarding Pass คือ อะไรกันแน่?
วันนี้เราจะไปหาคำตอบด้วยกันค่ะBoarding Pass คือ ?!!
1. Boarding Pass คือ เอกสารที่อนุญาตให้ผู้โดยสารใช้ผ่านขึ้นเครื่องบิน ในสายการบินที่นักท่องเที่ยวได้ทำการจองเอาไว้
2. Boarding Pass และ E-Ticket มิใช่ตัวเดียวกัน เพราะ E-Ticket
เป็นเอกสารยืนยันการเดินทาง ส่วน Boarding Pass คือ
เอกสารยืนยันการขึ้นเครื่อง3. นักท่องเที่ยวจะได้รับ Boarding Pass
เมื่อไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบินที่ได้ทำการจองเอาไว้ในวันที่
ต้องออกเดินทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ ตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่ก็จะออก Boarding Pass ให้4. นอกจากนั้น เรายังสามารถรับ Boarding Pass ได้ เมื่อเช็คอินผ่านเครื่องเช็คอินอัตโนมัติ (Self Service Check-in Kiosk) ที่สนามบิน
5. วิธีสุดท้ายที่จะสามารถรับ Boarding Pass
ได้ก็คือการเช็คอินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์
หรือแอพพลิเคชั่นของสายการบินที่เราจะเดินทาง ซึ่งหลังจากเช็คอินเรียบร้อย
นักท่องเที่ยวก็พริ้นท์ Boarding Pass หรือจะเลือกเป็น E-Boarding Pass
เพื่อเก็บไว้ในโทรศัพท์ก็ได้เช่นเดียวกัน6. Boarding Pass จะแสดงรายละเอียดการเดินทางของผู้โดยสาร
ในเที่ยวบินนั้นๆ ได้แก่ นามสกุล ชื่อ คำนำหน้าชื่อ เที่ยวบิน วันเดินทาง
ชั้นโดยสาร หมายเลขประตูทางออกขึ้นเครื่อง หมายเลขที่นั่ง เส้นทางการบิน
หมายเลขตั๋วโดยสาร และลำดับการเช็คอินคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นเครื่อง
สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน
บางคนอาจไม่ทราบว่าคำศัพท์ต่างๆ ที่ระบุไว้บนเว็บไซต์ของสายการบิน
ในสนามบิน หรือบน Boarding Pass นั้นหมายความว่าอย่างไร ไปค่ะ?
ไปไขข้อข้องใจกันItinerary = ใบรายละเอียดการเดินทาง โดยผู้เดินสารจะได้ใบนี้หลังจากที่ซื้อตั๋วเครื่องบินทางอินเตอร์เนตเสร็จแล้ว
Air Ticket = ตั๋วเครื่องบิน
E-Ticket =
ตั๋วเครื่องบินแบบอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบกระดาษ A4
ซึ่งทางสายการบินหรือเอเจนซี่จะส่งให้หลังจากการจองเสร็จสมบูรณ์แล้ว
โดยตั๋วชนิดนี้จะไม่สามารถใช้ขึ้นเครื่องได้เลยนะคะ ต้องไป check in
ที่สนามบินในวันเดินทางเสียก่อนBoarding Pass = ใบอนุญาตให้ผ่านขึ้นเครื่อง
Departure Time = เวลาเครื่องออก
Boarding Time = เวลาขึ้นเครื่อง
Departing = เครื่องออกจาก (สนามบิน) / เวลาออก
Arriving = เครื่องถึงที่หมาย (สนามบิน) / เวลาถึง
ข้อควรระวังเกี่ยวกับ Boarding Pass
1. พาสปอร์ต และ Boarding Pass คือสิ่งจำเป็นและสำคัญสำหรับการเดินทาง
และการโดยสารบนเครื่องบิน ทั้งนี้ต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี
ห้ามทำหายอย่างเด็ดขาด2. หลังจากการจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ให้เก็บหมายเลข E-ticket
หรือหมายเลขสมาชิกของสายการบิน เนื่องจากข้อมูลนี้จะต้องใช้สำหรับการรับ
Boarding Pass3. Boarding Pass จะถูกใช้เฉพาะผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเท่านั้น (ซึ่งชื่อและข้อมูลในบอร์ดดิ้งพาสจะยืนยันตัวตนของบุคคลนั้น)
4. ปัจจุบันหลายๆ คนมักจะถ่ายรูป Boarding Pass
ของตัวเองเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะอาชญากรสามารถสแกนบาร์โค้ดใน Boarding Pass ของท่าน
เพื่อล้วงข้อมูลส่วนตัวของท่านได้อย่างง่ายดาย5. การใช้หรือการปลอมแปลง Boarding Pass ถือเป็นคดีอาชญากรรมที่ร้ายแรง
ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน
หลังจากที่เราได้จองตั๋วเครื่องบินกับสายการบิน
หรือเอเจนซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจะได้รับ Itinerary หรือ E-Ticket
ซึ่งยังไม่ใช่ตั๋วที่ใช้ขึ้นเครื่องได้เลย เราจะต้องผ่านกระบวนการเช็คอิน
เพื่อยืนยันว่าเรามาถึงสนามบิน พร้อมขึ้นเครื่องแล้ว
(สำหรับผู้ที่เดินทางเป็นครั้งแรก หากกังวลว่าจะตกเครื่องหรือไม่
แนะนำว่าควรไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออกประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ) โดยการเช็คอิน
วันนี้มัชรูมทราเวลก็จะมาแนะนำทั้งการเช็คอินที่สนามบิน
และการเช็คอินออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตค่ะCheck-in ที่สนามบิน
1. พริ้นท์ E-ticket ก่อนออกเดินทางไปสนามบิน เพราะ E-ticket
นี้จะเก็บข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเดินทางของท่านรวมทั้งข้อมูลส่วนตัวเพื่อ
ยืนยันการรับ Boarding Pass
และให้ปฏิบัติตามกฎของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติอย่างเคร่งครัดในเรื่อง
ของพาสปอร์ตและกระเป๋าสัมภาระ
ทั้งนี้ผู้โดยสารควรจะไปให้ถึงสนามบินอย่างน้อยที่สุด 1
ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง2. ปัจจุบันหลายๆ
สายการบินได้มีการติดตั้งเครื่องบริการตัวเองที่ใช้งานอย่างง่ายดายเอาไว้
ที่สนามบิน เพื่อความสะดวกรวดเร็วในขั้นตอนของการเช็คอิน
และไม่ต้องเสียเวลาในการรอคอยเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการให้บริการ
ซึ่งผู้โดยสารสามารถเดินไปใช้เครื่องเช็คอินด้วยตัวเองที่บริเวณ
?Departures?3. ป้อนหมายเลขยืนยัน E-ticket ของคุณ และข้อมูลอื่นๆ
ซึ่งอาจรวมถึงการรูดบัตรเครดิต
(เฉพาะผู้ที่ใช้บัตรเครดิตในการซื้อตั๋วออนไลน์)
หรือหมายเลขสมาชิกของสายการบิน (เพื่อใช้สะสมไมล์ของสายการบิน
ในกรณีที่บินบ่อยครั้ง)4. กรอกข้อมูลไปทีละขั้นตอนตามที่เครื่องร้องขอ
และตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลเที่ยวบินของคุณ (เช่นเมืองที่จะเดินทางไป)
ยืนยันประเภทของที่นั่งและกระเป๋าเดินทาง
เมื่อทำเสร็จทุกขั้นตอนแล้วเครื่องจะพิมพ์ Boarding Pass (จำเป็นต้องใช้)
และแท็กกระเป๋าเดินทาง (ถ้าต้องการ)5. ตรวจสอบและโหลดกระเป๋าสัมภาระที่เคาน์เตอร์ของตัวแทนสายการบิน
ซึ่งขั้นตอนนี้จำเป็นจะต้องโชว์ Boarding Pass
และพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย
ทั้งนี้อาจจะมีการตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสักเล็กน้อย
(อาจเกี่ยวกับของที่นำติดตัวขึ้นเครื่อง และของที่โหลดลงใต้ท้องเครื่อง)
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะติดป้ายแท็กที่กระเป๋าของท่าน
เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน6. เพื่อความปลอดภัย แม้ผู้โดยสารจะมีเพียงกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง
หรือมีเพียงกระเป๋าสัมภาระที่ต้องโหลดลงใต้ท้องเครื่อง
แต่เจ้าหน้าก็จำเป็นที่จะต้องตรวจ Boarding Pass และพาสปอร์ตของท่าน
อันเป็นกฎระเบียบของสำนัก7.งานบริหารการบินแห่งชาติที่ต้องปฏิบัติตามอย่าง
เคร่งครัด
จากนั้นท่านควรเก็บเอกสารทุกอย่างไว้ในที่ที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการสูญหายCheck-in ออนไลน์
1. เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน
ผู้โดยสารควรทำการเช็คอินออนไลน์ไว้ล่วงหน้าเสียก่อน
โดยเปิดเข้าไปที่เว็บไซต์สายการบินที่ท่านได้จองตั๋วเอาไว้อย่างน้อยที่สุด
24 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง จากนั้นคลิ้กไปที่แท็บ ?Check-In?2. กรอกข้อมูลที่จำเป็นให้ครบถ้วนสมบูรณ์
โดยในขั้นตอนของการเช็คอินออนไลน์
คุณอาจจะต้องใส่รายละเอียดของเที่ยวบินที่ทำการจองหรือหมายเลข E-ticket
(ซึ่งได้รับหลังจากทำการจองผ่านเว็บไซต์แล้วเรียบร้อยผ่านทางอีเมล)
นอกจากนี้คุณอาจจะต้องกรอกนามสกุลและเมืองต้นทางด้วย3. ทำตามที่เว็บไซต์กำหนดไปทีละขั้นตอน ซึ่งก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการรับ
Boarding Pass บางสายการบินอาจจะมีการตั้งคำถามเพื่อความปลอดภัย
หรืออ้างอิงถึงน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง หรือระบุหมายเลขที่นั่ง
ท่านควรเปลี่ยนข้อมูลเท่าที่จำเป็น (เช่นการปรับเปลี่ยนที่นั่ง)
และให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ
และกฎระเบียบของสายการบินว่าด้วยเรื่องสัมภาระที่จะนำติดตัวและโหลดลงใต้
ท้องเครื่อง4. พริ้นท์ Boarding Pass และเก็บ Boarding Pass
ที่ได้รับรวมทั้งพาสปอร์ต หรือเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ (เช่นใบขับขี่สากล)
ไว้ในกระเป๋าที่ท่านจะต้องถือขึ้นเครื่อง
ห้ามทำหายหรือลืมอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเด็ดขาด
เพราะนี่คือสิ่งสำคัญสำหรับทริปการเดินทางของท่าน5. เมื่อไปถึงสนามบิน ให้ไปยังเคาน์เตอร์สายการบินในช่อง ?Flight
Departures? เพื่อสแกนและโหลดกระเป๋าลงใต้ท้องเครื่อง
ขั้นตอนนี้จะเป็นไปอย่างรวดเร็วเพราะท่านได้ทำการเช็คอินออนไลน์มาจากบ้าน
เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้อาจจะมีการตอบคำถามสักเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งของที่ท่านได้นำติดตัว
ขึ้นเครื่อง6. เพื่อความรอบคอบ แม้ว่าท่านจะไม่มีกระเป๋าที่ต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง
แต่ก็ควรเดินทางมาถึงสนามบินอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง
จากนั้นจึงผ่านขั้นตอนการตรวจ Boarding Pass
กระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องและพาสปอร์ต
เมื่อเสร็จแล้วจึงตรงไปยังประตูขึ้นเครื่องที่กำหนดไว้ใน Boarding Pass
หากทำตามขั้นตอนทั้งหมดที่มัชรูมทราเวลแนะนำนี้แล้ว
นักท่องเที่ยวก็มั่นใจได้เลยค่ะว่า
จะสามารถขึ้นเครื่องได้โดยไม่ต้องตกเครื่องให้ช้ำใจอย่างแน่นอน