ความจริงที่ว่าคนอกหักมักออกเดินทางมันจริงหรือ?แล้วได้อะไร?
เคยสงสัยกันมั๊ยว่าทำไมคนอกหักมักออกเดินทาง
นักเดินทางไทยในยุคแรกๆ หมายถึงในยุคที่เราเกิดกันทัน
เขามักจะเริ่มต้นวางแผนเดินทางด้วยการเดินทางแบบไม่มีแผน เพราะอกหัก
เศร้าเสียใจ อยากจะไปไหนสักที่ ที่ไม่มีเธอ
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงพากันโยนเสื้อผ้าลงกระเป๋าแล้วก้าวออกจากบ้านแบบไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัดที่แน่ๆ ต้องไปจากตรงนี้
"มาทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก" อาจจะจริง แต่ภูเขาก็เช่นกัน
แต่สมัยนี้ไม่จำเป็นหรอกว่าต้องอกหักถึงจะออกเดินทางได้
แต่ทำไมอกหักทีไรก็ต้องออกเดินทางให้ได้ทุกที ไม่รู้สิ
อาจจะเป็นเพราะมีคนบอกว่า ถ้าถูกทิ้ง เราต้องเดินต่อไปให้ได้!
แล้วจะให้เดินต่อไปไหนล่ะ ในเมื่อไม่เห็นทางไปเลย
การเดินทางจึงการไปต่อที่เห็นภาพชัดที่สุดแล้วและเมื่อไหร่ที่คน ?อกหัก? เริ่มต้นการเดินทางรับประกันได้เลยว่าพวกเขาจะได้อะไรมากกว่านิ่งอยู่กับที่เพราะ?
บางครั้งเราได้เจอใครบางคนใหม่ๆ ระหว่างเดินทาง
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนที่เราเจอจะเป็นคนรักเสมอไป
แต่คนทั่วไปที่เดินทางผ่านในเส้นทางเดียวกันขณะที่เราได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ
สร้างเรื่องราวหลายๆ อย่างได้ด้วยกัน ใครจะรู้มันอาจจะนำมาสู่ความรักก็ได้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดนใครทิ้งมา
แต่อย่างน้อยพวกเขารู้ว่ายังมีมนุษย์อีกหลายร้อยล้านคนให้เขาได้เรียนรู้
และให้หัวใจได้กลับมาเต้นจังหวะเดิมอีกครั้งเราไม่ได้เพียงแต่ก้าวออกมากจากความสัมพันธ์แย่ๆ เพียงอย่างเดียว แต่มันต้องเป็นก้าวที่เดินไปมุ่งไปข้างหน้า ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในชีวิต เพราะบางทีแค่ความรักได้จบลบไม่ได้หมายความว่าเราจะลืม ?คนรัก? ได้ และการได้ออกไปใช้ชีวิตมันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์สุดๆ ไปเลย
เปลี่ยนจุดโฟกัสจากความทรงจำแย่ๆ ไปเป็นเส้นทางข้างหน้าที่เรากำลังจะไป เพราะไม่มีใครก้าวไปข้างหน้าได้ถ้ายังยึดติดกับเรื่องราวที่จบไปแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้คือจองตั๋งเรือ เครื่องบิน รถทัวร์แล้วเริ่มต้นการเดินทางที่แท้จริงเสียที
คนโสดไม่ได้หมายความว่าเขามีบางส่วนที่ขาดหายไป
และยิ่งถ้าเพิ่งถูกทิ้งเราต้องรับความจริงว่า
มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่จะรักษาความเจ็บปวดนี้ได้
และคนโสดก็คือคนที่ท่องโลกได้สนุกที่สุด เชื่อสิ
เพราะนอกจากจะได้เห็นโลกแล้วยังได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเราอีกด้วยนี่ไม่ใช่จุดจบของเส้นทางชีวิต
การผจญภัยอันแสนสนุกสุขสันต์นั้นไม่ได้จบลง คงไม่ต้องอธิบายอะไรดีแล้ว
แค่ตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งแล้วคิดได้ว่าความสัมพันธ์มันจบลง เราก็ต้องกู้ชีพเราออกมาแล้วออกมาจากซากปรักหักพัง แล้วออกไปเผชิญโลกคนเดียวโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใจกับใครอีกแล้วเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับทุกคนและถ้ามันจะเกิดขึ้นกับเราก็ไม่เห็นจะเป็นไร
มีประชากรส่วนน้อยยยมากจริงๆ บนโลกนี้ที่ไม่เคยต้องผิดหวังกับความรัก
พวกนักเดินทางเขารู้ดีว่าจะต้องเดินออกมาจากมันยังไง
ก็แค่ลุกขึ้นและไม่ต้องสนใจใครทั้งนั้น
ย้ำอีกครั้งว่ามันไม่สำคัญเลยว่าเราจะต้องใช้เวลานานนนแค่ไหน
สิ่งที่สำคัญคือเราจะต้องลุกขึ้นให้ได้เหมือนตอนที่เราตกลงมาจากกระดานโต้คลื่นครั้งแรกนั่นแหละความรักอาจจะเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนชีวิต
แต่ไม่ใช่อะไรที่เราจะต้องโฟกัสอยู่ตลอด
ออกเดินทางเพื่อพบเจอสิ่งใหม่ให้ได้มากที่สุด และสิ่งที่เราได้เรียนรู้
จะสอนให้เราโตขึ้นเป็นคนใหม่ที่เราภูมิใจสุดๆ เลยล่ะ