เหตุผลที่ฉันโสด
ฉันไตร่ตรองมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์
แม้ว่าฉันเกือบจะเคยมีระดับความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจริงจังอย่าง
?เราจะหมั้นกันแล้วเหรอ?? แต่สรุปแล้วฉันก็ยังครองโสดเต็มตัวนะ
และฉันก็โอเคกับมันด้วย แต่ฉันไม่ ?โอเค?
กับการที่คนอื่นพูดว่าโอเคทั้งที่พวกเขาไม่โอเคน่ะสิ
ดูเหมือนทุกคนจะเป็นห่วงวิถีคนโสดของฉันมากกว่าตัวฉันเองเสียอีกไม่ว่าจะ
เป็นนิตยสารผู้หญิง คุณปู่ เพื่อนๆของฉันที่แต่งงานแล้ว
รวมถึงช่างทำเล็บของฉันด้วย ตอนอายุ 20
ต้นๆฉันได้ไปโบสถ์ซึ่งคนที่นั่นจะแบ่งคนออกเป็น 2
กลุ่มได้แก่คนโสดกับคนที่แต่งงานแล้ว ต่อมาในช่วงวัย 30
ปีดูเหมือนว่าระดับความตื่นตระหนกจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
พวกเขาวิตกกังวลเกี่ยวกับความสุขของฉัน การเงิน และไข่ของฉัน
ฉันมักจะรู้สึกราวกับว่าอยู่ในแดนสนธยา
ทุกคนต่างพากันโบกมือและกรีดร้องขณะที่ฉันก็.. ?เฮ้
พูดเรื่องอื่นบ้างได้ไหมนอกจากเรื่องผู้ชายน่ะ??
ฉันคิดว่าฉันควรบอกเหตุผลของการอยู่เป็นโสด
บางทีคนโสดส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน1. ฉันชอบอยู่คนเดียว
ใช่เลย ฉันชอบชีวิตที่ไร้การผูกมัดมาก
วันก่อนฉันเพิ่งนึกภาพตัวเองอยู่ในความสัมพันธ์ที่จริงจังและรู้สึกกลัว
เมื่อคิดว่าฉันอาจจะพลาดอะไรหลายๆอย่างในชีวิตปัจจุบันไป
นี่ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นแต่เป็นของฉัน ฉันชอบความเป็นอิสระ ชอบการนอนดึก
และชอบกินขนมคนเดียว2. ฉันเลือกคนผิด
บอกตามตรงว่าบางครั้งฉันก็มีรสนิยมเรื่อง
ผู้ชายที่ไม่ค่อยดี
แต่แทนที่จะมองว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ทำให้ฉันเจอเนื้อคู่ล่าช้า
ฉันกลับคิดว่านี่ก็ไม่ต่างจากการจัดกระเป๋าหรืออ่านหนังสือไร้สาระอื่นๆและ
ฉันก็ซื่อสัตย์กับตัวเองเท่าที่จะทำได้
ฉันมักจะเตือนตัวเองเป็นประจำให้เปิดตามองคนหลายแบบซึ่งโดยปกติแล้วฉันไม่มี
วันหลงรักหรอก3. จังหวะเวลาคือโชคชะตา
ฉันอ่านบทความเรื่อง
?ฉันพบรักเพราะโชคชะตาไม่ใช่เพราะว่าฉันเปลี่ยนแปลงตัวเอง? เนื้อหาคือ
?ฉันไม่ได้ทำอะไรแตกต่างไปจากปกติเพื่อค้นหาความสัมพันธ์อันเปี่ยมสุข
ฉันไม่ได้ลองแอพพลิเคชั่นหาคู่
และฉันก็ไม่ได้เที่ยวป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าฉันพร้อมที่จะรักแล้ว
ใช่ฉันโชคดีแต่ฉันก็ยังเป็นคนเดิมที่รู้สึกไม่มั่นใจ อคติ และวิตกกังวล
แต่ตอนนี้ฉันเจอคนที่ฉันรักและรักฉันกลับแล้ว
ภาพถ่ายหน้าหลังของฉันเกือบจะดูเหมือนกันแต่ต่างกันที่ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว
อีกต่อไป? ดังนั้นฉันอาจจะเป็นโสดเพราะโชคชะตาหรือจังหวะเวลา
(หรือทั้งสองอย่าง)
หรือเพราะฉันลบแอพพลิเคชั่นหาคู่หรือเพราะคนที่ทำให้โลกของฉันสดใสและ
หัวเราะกับเรื่องตลกของฉัน ฉันยักไหล่และพูดว่าชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ4. เพราะไม่เป็นไร
บทสนทนาที่ฉันเกลียดมากที่สุดคือความพอใจ
ในชีวิตของฉันและฉันควรจะอยู่กับใคร เมื่อปีก่อนฉันได้อ่านหนังสือเรื่อง
?Loving What Is? และก่อนที่คุณจะชี้นิ้วมาที่ฉันและร้องว่า ?ฮิปปี้!?
ขอบอกหน่อยนะว่านั่นก็แค่ข้อความเห่ยๆ
จงจำไว้ว่าความสุขจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง
ฉันโสดก็เพราะฉันโสดไงล่ะ ก่อนที่คุณจะคิดว่าฉันเป็นคนเรียบง่ายสบายๆ
ขออธิบายให้ชัดเจนนะว่าฉันเข้าใจ (และเห็นใจ) ความกลัว ความเหงา
และความเจ็บปวดที่มาจากการไม่มีคู่อย่างแท้จริง
มันอาจจะโหดร้ายโดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้นและเพื่อนๆแต่งงานกันไปหมดแล้ว
(จากนั้นก็หย่าและแต่งงานใหม่อีก)
และเมื่อเราตระหนักว่าเราอาจไม่มีลูกในวัยเดียวกับบรรดาเพื่อนสาวสมัย
มหาวิทยาลัย ซึ่งหมายถึงลูกคนที่สองและสามด้วย
ฉันไม่ได้ต้องการกำจัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไป
ที่ผ่านมาฉันก็บ่นกับเพื่อนสาวถึงความเฮงซวยของผู้ชายในทุกวันนี้แต่ฉันก็
อ่านหนังสือหาคู่และข้อแนะนำในการเอาใจผู้ชายด้วย
เหตุการณ์อาจจะซ้ำรอยอีกแต่ฉันก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
ฉันหวังว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ใน
ความสัมพันธ์หรือไม่ก็ตามBlogger : Lyndsay Rush
Source : theeverygirl.com