อยากมีความรักที่ง่ายๆ ต้องรู้จักซื่อสัตย์กับตัวเองให้ได้ซะก่อน
ความซื่อสัตย์เป็นคำที่ทรงพลังมากนะในความรู้สึกเรา ซื่อสัตย์กับใครก็ไม่เท่าซื่อสัตย์กับตัวเอง
เพราะเราอยู่ด้วยกันกับตัวเราตลอด 24 ชั่วโมงมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิด
อะไรก็ตามเราเจอมาด้วยกัน
เพราะฉะนั้นบางครั้งเราก็เลือกโกหกตัวเราเองนี่แหละ ง่ายดี!
เราโกหกตัวเองแต่ยังหวังไม่ให้คนอื่นโกหกเรา แล้วอย่างนี้เราจะหวังให้ความรักเราเรียบง่ายได้ยังไงในเมื่อเรายังทำสิ่งที่หวังให้คนอื่นทำให้ตัวเราเองไม่ได้เลยแล้วยังไงก็แค่ไม่โกหกหรอ?
บางทีไม่รู้ตัวหนิว่าเราทำอะไรลงไป
ก็แค่อย่าเอาจินตนาการมาบดบังความจริงจังรับไม่ได้ สุดท้ายคือชีวิตรักพังลองดูว่าแค่ 10 ข้อง่ายๆ นี้จะมีใครทำได้ครบก่อนกัน
กำจัดคนที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิต
เมื่อไหร่ที่เรารู้ตัวแล้วว่าเราต้องการอะไร
มองหาคนแบบไหน ความสัมพันธ์ลักษณะใด ชั่วคราวหรือจริงจัง
เราจะรู้จักเลือกและคัดประเภทคนที่ยอมให้วนเวียนอยู่ในชีวิตได้ดีขึ้น อย่าผูกติดตัวเองกับใครนานเกินไป ถ้าเขาต้องการมากกว่าที่เราสามารถจะให้ได้ และจะไม่ยอมผูกพันธ์กับใครที่ไม่พร้อมให้เท่าที่เราต้องการปล่อยมือเมื่อถึงเวลา
ไม่มีข้ออ้างไหนดีพอสำหรับอะไรที่ไม่ใช่
ถ้าเกิดความไม่มั่นใจขึ้นในความสัมพันธ์ เราจะทำให้มันชัดเจน
ไม่ปล่อยให้เกิดการคาดเดาที่ไม่มีผลลัพธ์เด็ดขาดและไม่ยอมบิดเบือนความจริงให้เป็นไปตามสิ่งที่เราต้องการ
ในขณะที่เราเดทกันมันมีความรู้สึกบางอย่างขาดๆ หายๆ คล้ายๆ ว่าจะไม่ใช่ละ
เราต้องรู้ว่าถ้าจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้จริงจังได้มันมีโอกาสน้อยมาก
เราควรจะปล่อยมันไปก่อนที่จะเข้าใกล้กันมากเกินไปยอมรับทุกอย่างแบบที่มันเป็น
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราไม่แคร์อะไรนะ แต่เราแค่เป็นคนซื่อสัตย์กับตัวเอง ซื่อสัตย์กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เราจะไม่ไปต่อสู้ด้วยอารมณ์ความรู้สึกเพราะเรารู้ว่ามันเป็นแบบนี้แหละ และไม่เห็นต้องไปพยายามอย่างสุดตัวเพื่อให้ได้บางอย่างมาอย่างไม่เต็มใจ
ชัดๆ เลยคือเราจะไม่ไปบังคับใครด้วยการพยายามเปลี่ยนความคิดของเขาให้เห็นแก่เรามากกว่าตัวเขาเอง
ไม่ยอมให้ใครมาบอกว่าเราควรจัดการความรู้สึกยังไง
นอกจากจะกำจัดคนที่ไม่ใช่
ก็ต้องกำจัดเสียงพูดที่ไร้สาระรอบตัวด้วย ความเห็นต่างๆ
ที่ไม่มีประโยชน์อะไร คำแนะนำที่เอาแต่จะบอกว่าเราทำถูกหรือผิดมหันต์
ไม่ยอมบอกทางแก้ไขหรือเหตุผลอะไรดีๆ ให้สักนิดเรารู้หรอกน่าว่าเราทำอะไรอยู่และถ้าเรารู้มันอย่างถ่องแท้จริงๆ คำพูดของใครก็ไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่เราและไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าเราเจอกับเรื่องอะไรหรือต้องทำยังไงเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น
เรามีอำนาจอะไรบางอย่างเหนือตัวเราเอง
ก็ไม่ถึงกับเวทมนต์คาถาเสกของได้อะไรแบบนั้น แต่เราควบคุมความรู้สึกตัวเองได้เวลาที่เรารู้ว่าเราต้องการอะไร ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้แล้วเราจะไม่ถูกปฏิเสธหรือเสียใจ แต่เราจะรู้ว่าเรากำลังยืนอยู่จุดไหนและควรจะไปจากจุดนี้เมื่อไหร่ เมื่อเดินจากไปจะไม่หันหลังกลับไปหรือรอให้อะไรที่ไม่มีวันเกิด?เกิดขึ้น
ไม่ต้องวิเคราะห์ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อเราซื่อสัตย์กับตัวเองและคนอื่นรอบข้างว่าเรา
?ต้องการอะไร?
หรือเมื่อเรารู้สึกอะไรโดยที่ไม่ห่วงว่ามันควรพูดออกไปดีหรือไม่
พอเป็นแบบนี้ที่ได้พูดอย่างที่ใจคิดยิ่งทำให้ความสัมพันธ์มันดีขึ้นเพราะทุกคนต่างเข้าใจว่าต่างคนต้องการอะไรโดยที่ไม่ต้องวิเคราะห์ คาดเดากันเอาเองไม่กลัวที่จะแสดงความอ่อนแอ
ต้องมีบ้างแหละที่เรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว แล้วเรายอมรับกับตัวเองว่าเราไม่ไหว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องแคร์อะไรอีก อ่อนแอก็ได้ ร้องไห้ก็ได้ เพราะมันคือความรู้สึกจริงที่เกิดขึ้น อย่าหนีเพราะถ้าหนีแล้วต้องกลับมาเจอก็เท่ากับที่เดิม สู้อยู่กับมันรักษาให้อาการเหล่านี้หายไม่ดีกว่าหรอ
เข้าไปใกล้สิ่งที่กำลังมองหา
พอเราไม่ยอมจะเสียเวลาเดทกับคนที่เรารู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่
(คนที่ต้องการมากกว่าหรือคนที่ให้ได้น้อยกว่าที่เราต้องการ)
เราจะรู้ว่าเราคู่ควรกับคนแบบไหน คนที่ซื่อสัตย์กับเราเท่าๆ กับที่เราซื่อสัตย์กับตัวเราเองไม่มีใครเอาอะไรมาต่อรองกับเราได้
พอเรามีความจริงกับตัวเองมากๆ ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเราไม่ตั้งใจอะไรชัดเจนหรือทำอะไรไม่ชัดเจน สิ่งที่เขาได้เห็นก็คือสิ่งที่เราเป็น เราชัดเจน ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่เรารู้ว่าเราทำส่วนของเราดีที่สุดแล้ว ส่วนจะอยู่หรือไปก็เป็นเรื่องของเขานั่นเอง
ลองปรับดูว่าเมื่อเราซื่อสัตย์กับความรู้สึกของเราแล้ว รู้ว่าเราต้องการอะไร คู่ควรกับอะไร ชีวิตเราจะเบาขึ้นเยอะแค่ไหนกันเชียวนะ