ใครว่าผอมแล้ว ไขมันในเลือดสูงไม่ได้! มาทำความรู้จักกับไขมันร่างกายกันเถอะ
เคยเป็นไหม เห็นผู้หญิงหุ่นดีๆ เดินผ่านแล้ว
ก็เกิดคำถามขึ้นภายในใจว่า?เขากินข้าวบ้างหรือเปล่าอะ
เอาไขมันไปเก็บไว้ที่ไหนหมด
แล้วก็รู้สึกว่าอยากผอมและดูเพรียวบ้างจะต้องทำยังไง
สิ่งเหล่านี้เป็นการตัดสินจากภายนอก
ที่มองเพียงแค่รูปร่างเท่านั้นรู้ไหมว่าคนที่ดูผอม หุ่นดี หุ่นเพรียว
ก็สามารถเสียงที่จะมี ไขมันในเลือด สูงได้เหมือนกันนะ
เพราะไขมันที่ละลายอยู่ในกระแสเลือดนั้นเป็นคนละส่วนกับไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกายไขมันในร่างกาย ประกอบด้วย ไขมันในหลอดเลือด ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง
ไขมันเหล่านี้มาจาก 2 แหล่งด้วยกัน คือ จากอาหารที่บริโภคและจากการที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นเอง
ไขมันจะถูกนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงาน นำไปสร้างฮอร์โมน
นำไปสร้างน้ำดีเพื่อช่วยในการดูดซึมอาหารไขมัน
และใช้เป็นส่วนประกอบในการสร้างเนื้อเยื่อของเซลล์ไขมันในเลือด อยู่ในรูปไลโปโปรตีน
คือ เป็นสารประกอบของไขมันและโปรตีน
ซึ่งไลโปโปรตีนที่อยู่ในเลือดสามารถผสมเข้ากันกับส่วนประกอบต่างๆของเลือดได้
ส่วนของไขมันไลโปโปรตีนมีทั้งที่เป็น โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์
ฟอสโฟลิปิด และ กรดไขมันอิสระ ไขมันแต่ละชนิดมีหน้าที่ต่างๆกัน คือ
โคเลสเตอรอลเป็นไขมันที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้
และได้รับจากอาหารที่รับประทาน
ไขมันชนิดนี้เป็นสารตั้งต้นที่นำไปสร้างน้ำดี
เพื่อช่วยในการดูดซึมอาหารไขมัน และใช้สร้างฮอร์โมนบางชนิด
ไตรกลีเซอไรด์เป็นไขมันอีกชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้และได้จากอาหารที่รับประทานเข้าไปโดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง
หรืออาหารที่มีรสหวาน ไขมันชนิดนี้เป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายสะสมไว้ใช้
ฟอสโฟลิปิดเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์
ส่วนกรดไขมันอิสระเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกายไลโปโปรตีนแบ่งตามความหนาแน่นของโมเลกุลได้เป็นหลายชนิด
แต่ที่เรารู้จักกันดี คือแอลดีแอล (Low density lipoprotein ? LDL) เป็น
ไลโปโปรตีนที่มีโคเลสเตอรอลประกอบอยู่ถึง 60%
ไลโปโปรตีนชนิดนี้จึงมีหน้าที่นำเอาโคเลสเตอรอลไปยังเซลล์ที่ต้องการใช้โคเลสเตอรอล
แต่หากมีไขมันชนิดนี้ในเลือดสูงจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
และหากมีโรคเบาหวานหรือมีโรคหัวใจร่วมด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดจะเพิ่มขึ้นวีแอลดีแอล (Very low density lipoprotein ? VLDL)
เป็น ไลโปโปรตีนที่สร้างจากตับประกอบด้วยไตรกลีเซอไรด์ 45-60%
จึงมีหน้าที่นำไตรกลีเซอไรด์ไปเนื้อเยื่อต่างๆ
เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานโดยเอมซัยม์ LPL จะสลาย ไตรกลีเซอไรด์ใน VLDL
ให้เป็นกรดไขมันอิสระที่พร้อมจะถูกใช้เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย ภาวะ VLDL
ในเลือดสูงก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นกันเอชดีแอล (High density lipoprotein ? HDL)
เป็นไขมันที่ดีต่อร่างกาย
มีหน้าที่นำโคเลสเตอรอลที่สะสมตามผนังหลอดเลือดหรือที่เนื้อเยื่ออื่นๆ
ไปทำลายที่ตับ ดังนั้นถ้าระดับ HDL ในเลือดสูง
จะทำให้อัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจลดลง การออกกำลังกายทำให้ค่า HDL ในเลือดเพิ่มมากขึ้นได้จะเห็นได้ว่าร่างกายมีทั้งกระบวนการสร้างและย่อยสลายไขมัน
ตลอดจนกระบวนการนำไขมันที่สะสมในบริเวณที่ไม่สมควรกลับเข้าสู่ตับ
แต่ภาวะไขมันในเลือดสูงก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้
ปัจจุบันภาวะไขมันในเลือดสูงจัดเป็นหนึ่งภาวะของกลุ่มอาการอ้วนลงพุง
(Metabolic Syndrome ซึ่งประกอบด้วย ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และ
ภาวะไขมันในเลือดสูง) ฉะนั้นคนอ้วน
(สตรีที่มีเส้นรอบเอวมากกว่าหรือเท่ากับ80 เซนตเมตร
และผู้ชายที่มีเส้นรอบเอวมากกวาหรือ เท่ากับ 90เซนติเมตร)
ก็น่าจะมีโอกาสเกิดภาวะไขมันในเลือดสูงได้มากกว่า
ทั้งนี้เพราะไขมันในช่องท้องจะทำให้เกิดกลไกการเผาผลาญน้ำตาลที่ผิดปกติมากกว่าไขมันที่กระจายอยู่บริเวณอื่นในร่างกาย
ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ
จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานมากขึ้น
และเมื่อเป็นโรคเบาหวานก็จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงและภาวะไขมันในเลือดสูงด้วยไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เกิดจากการสะสมของน้ำตาลที่แปรสภาพเป็นไขมัน
แล้วไปเกาะอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย หรือที่เห็นเป็นชั้นหนาๆ
ของไขมันบริเวณหน้าท้องนั่นเอง
ไขมันชั้นนี้ไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงมากนัก
เพราะเป็นไขมันที่สามารถกำจัดได้ง่ายกว่าไขมันในส่วนอื่นไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
ก็เป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังเช่นกัน
เกิดจากการสะสมตัวของสารอาหารประเภทไขมันในอาหารที่ร่างกายเผาผลาญเป็นพลังงานไม่หมด
ทำให้ไปเกาะอยู่ตามบริเวณระหว่างกล้ามเนื้อท้องกับอวัยวะภายในช่องท้องในลักษณะแทรกตัวอยู่ตามเนื้อเยื่อของเซลล์ต่างๆ
ฉะนั้นเมื่อมองจากภายนอกแล้วเห็นเป็นหน้าท้องยื่นออกมา
แต่ถ้าหากลองอัลตร้าซาวด์ดูจะพบว่าอวัยวะภายในถูกห่อหุ้มไว้ด้วยถุงไขมันสีเหลือง
ไขมันในช่องท้องเป็นไขมันที่อันตรายมากเมื่อเทียบกับไขมันบริเวณอื่นของร่างกาย
เพราะไขมันชนิดนี้จะสลายตัวเป็นกรดไขมันอิสระ
สามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดไปสะสมตามอวัยวะต่างๆ
ดังเช่นการไปสะสมที่ตับจนเกิดภาวะไขมันพอกตับ เป็นต้น
นอกจากนี้ไขมันในช่องท้อง ยังเผาผลาญออกให้หมดยากกว่าไขมันในบริเวณอื่นด้วย
ผลเสียที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งคือ
กรดไขมันอิสระในกระแสเลือดที่เพิ่มขึ้นจะไปยับยั้งกระบวนการเผาผลาญของกลูโคสที่กล้ามเนื้อ
ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ความดันโลหิตสูงจากชนิดต่างๆ ของไขมันจะเห็นได้ว่า
การที่จะบอกว่าคนๆ หนึ่งผอมหรืออ้วน
ประเมินจากการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง
แต่การจะบอกว่าคนๆ หนึ่งมีไขมันในเลือดสูงหรือไม่นั้น
ไม่สามารถประเมินด้วยตาเปล่า
ต้องรับการตรวจทางห้องปฏิบัติการจึงจะทราบว่ามีไขมันในเลือดสูงหรือไม่
เพราะฉะนั้นคนผอม หุ่นดีก็มีภาวะไขมันในเลือดสูงได้เช่นกันที่มา :www.thaihealth.or.th