"พาราเซตามอล" กินพร่ำเพรื่อ ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง
ใครๆ ก็มีติดบ้าน ติดกระเป๋าไว้กินประจำ
เพราะข้อดีของพาราเซตามอลคือแก้ปวดและไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
แต่แท้จริงแล้วมีผลข้างเคียงที่อันตรายมากคือ การเกิดพิษต่อตับ
หากใช้เกินขนาดหรือใช้ติดต่อกันนานเกินไป
ถึงแม้ว่าจะเป็นยาที่มีความปลอดภัยในการใช้ก็ตามค่ะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพาราเซตามอลหรือยาแก้ปวด ลดไข้
เป็นยาที่คนไทยซื้อรับประทานเองมากที่สุด
พฤติกรรมการซื้อยาเองอย่างพร่ำเพรื่ออาจส่งผลไปสู่การรับประทานยาเกินขนาด
การดื้อยา และปัญหาสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
สอดคล้องกับรายงานของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า
มูลค่าการบริโภคยาของคนไทยในปี 2553 ทั้งยาแผนปัจจุบัน และแผนโบราณ เฉลี่ย
128 ล้านเม็ดต่อวัน โดยอาการป่วยที่เป็นสาเหตุให้หาซื้อยาเองเพื่อรักษานั้น
ได้แก่ ปวดหัว ตัวร้อน และปวดเมื่อยตามร่างกาย คือพาราเซตามอลนั่นเองคำแนะนำสำหรับการใช้ยาคือ
สำหรับผู้ใหญ่ให้รับประทานครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
ห้ามรับประทานเกินกว่า 8 เม็ดต่อวัน และไม่ควรรับประทานติดต่อกันนาน 7 วัน
เพราะจะส่งผลอันตรายต่อตับ
และห้ามใช้กับสัตว์เพราะจะเกิดความเป็นพิษสูงโดยเฉพาะสุนัขและแมวภาวะตับเป็นพิษจากพาราเซตามอล เกิดจากตัวยาจะผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึม
และถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของสาร NAPQI
ซึ่งถ้ามีปริมาณมากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะออกซิเดชันสเตต
ซึ่งทำให้เซลล์ตับเสียหายได้
ถ้าตับนั้นไม่มีความสามารถที่จะกำจัดออกได้อย่างทันท่วงที
ภาวะนี้เกิดได้จากการรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันและได้รับยาเกินขนาดล่าสุดมีงานวิจัยหลายเรื่องที่ตีพิมพ์ถึงคุณสมบัติของ ?ทอรีน?
นอกจากจะช่วยบำรุงสายตาแล้ว ยังช่วยป้องกันความเป็นพิษของยาที่มีต่อตับ
ซึ่งทอรีนเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย
ควบคุมของเหลวในเซลล์, ควบคุมระดับการเข้าออกของแคลเซียมระหว่างเซลล์
และสามารถป้องกันความเป็นพิษและความผิดปกติที่เกิดกับอวัยวะต่างๆ
และรักษาความเป็นพิษของตับที่เกิดจากการรับประทานยาได้
แต่เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้งค่ะ