เช็คด่วน!! 20 สัญญาณมะเร็งที่สาวๆมักมองข้าม

อ่าน 11,120

แม้ว่าการตรวจคัดกรองมะเร็งด้วยวิธีต่างๆ จะมีความสำคัญและสามารถช่วยให้เรารู้ทันมะเร็งร้ายได้ แต่การสังเกตสัญญาณเตือนและการใส่ใจกับอาการผิดปกติของร่างกาย

อาการเตือนของโรคมะเร็งที่มักถูกมองข้าม ได้แก่

1. หายใจมีเสียงหวีดหรือหายใจไม่ทัน หนึ่งในอาการแรกของโรคมะเร็งปอดที่ผู้ป่วยนึกออกเมื่อมองย้อนกลับไปดูก็คืออาการหายใจไม่ทัน

2. ไอเรื้อรังหรือเจ็บหน้าอก มะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งปอดอาจทำให้มีอาการคล้ายกับไอเรื้อรังหรือหลอดลมอักเสบได้ แต่การไอของโรคมะเร็งจะมีความแตกต่างคือเป็นเรื้อรังหรือเป็นๆ หายๆ นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดบางรายยังมีอาการปวดหน้าอกที่ลามไปยังไหล่หรือแขนอีกด้วย

3. มีไข้หรือติดเชื้อบ่อย อาการนี้อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำให้ไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติและจะไปเบียดเบียนเซลล์เม็ดเลือดขาวปกติ ทำให้ร่างกายขาดความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรค แพทย์มักตรวจพบมะเร็งเม็ดเลือดขาวในผู้ใหญ่ที่ป่วยและมาพบแพทย์ซ้ำๆ ด้วยอาการไข้ ปวดเมื่อยตัว และอาการคล้ายไข้หวัดเป็นเวลานาน

4. กลืนลำบาก แม้อาการนี้จะสัมพันธ์กับมะเร็งในหลอดอาหารหรือลำคอที่สุด แต่บางครั้งอาการกลืนอาหารลำบากก็เป็นสัญญาณแรกของมะเร็งปอดได้เช่นกัน

5. ต่อมน้ำเหลืองโตหรือก้อนที่คอ รักแร้ หรือขาหนีบ ภาวะต่อมน้ำเหลืองโตบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงในระบบน้ำเหลืองซึ่งอาจจะเป็นอาการของโรคมะเร็ง เป็นต้นว่า ก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองโตที่ใต้รักแร้อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งเต้านม ขณะที่ก้อนที่ลำคอ รักแร้ หรือขาหนีบที่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

6. รอยฟกช้ำหรือเลือดออกไม่หยุด อาการนี้มักชี้ถึงความผิดปกติของเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดแดงซึ่งอาจเป็นอาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางรายพบรอยช้ำที่บริเวณแปลกๆ เช่น ตามนิ้วและมือ ทั้งยังมีรอยแดงที่ใบหน้า ลำคอ และหน้าอก หรือมีอาการเลือดออกที่เหงือก เนื่องจากเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้นจนไปเบียดเบียนเซลล์เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือด ทำให้ความสามารถในการนำส่งออกซิเจนและแข็งตัวของเลือดลดลง

7. อ่อนเปลี้ยเพลียแรง หากรู้สึกเหนื่อยโดยไม่มีสาเหตุ และแม้จะนอนพักเพิ่มแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าเป็นอาการของโรคมะเร็งหลายชนิด ซึ่งต้องอาศัยอาการอื่นประกอบในการวินิจฉัย

8. ท้องอืดหรืออ้วนลงพุง (?ใส่กางเกงตัวโปรด? ไม่ได้แล้ว) อาการนี้อาจจะดูธรรมดาเกินกว่าจะเป็นอาการของโรคมะเร็ง แต่ผู้หญิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งจำนวนมากบอกว่าอาการท้องอืดโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งเกิดขึ้นโดยฉับพลันและเป็นๆ หายๆ เป็นเวลานานคือหนึ่งในอาการที่เตือนว่ามีบางสิ่งผิดปกติ (ซึ่งต่างจากอาการที่เกิดขึ้นเพียงเดือนละไม่กี่วันของภาวะก่อนมีประจำเดือน)

9. รู้สึกอิ่มและไม่อยากอาหาร ผู้หญิงคนใดก็ตามที่รู้สึกไม่อยากอาหารและทานอะไรไม่ลงแม้จะไม่ได้ทานอะไรมานานแล้ว รู้สึกท้องอืดและน้ำหนักเพิ่มบ่อย (เกณฑ์ในการวินิจฉัยโรคอยู่ที่ 13 ครั้งในเวลาหนึ่งเดือน) นั่นเป็นอีกอาการนำของโรคมะเร็งรังไข่ ยิ่งถ้ามีอาการปวดท้องน้อยหรืออิ่มผิดปกติร่วมด้วยแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อขอทำอัลตราซาวนด์ตรวจท้องน้อย

10. ปวดท้องน้อยหรือปวดท้อง อาการปวดท้องน้อยเพียงอย่างเดียวอาจหมายถึงได้ทั้งภาวะพังผืดในมดลูก ซีสต์ในรังไข่ และความผิดปกติในระบบสืบพันธุ์อื่นๆ แพทย์จึงมักไม่สงสัยเรื่องโรคมะเร็ง ดังนั้นคุณจึงควรขอให้แพทย์ตรวจร่างกายโดยละเอียด เนื่องจากอาการปวดและตะคริวที่ท้องน้อยหรือช่องท้องอาจเกิดร่วมกับอาการท้องอืดซึ่งเป็นอาการของโรคมะเร็งรังไข่ได้ นอกจากนี้การขยายตัวของม้ามในผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวก็อาจก่อให้เกิดอาการปวดท้องเช่นกัน

11. อาการเลือดออกที่ทวารหนักหรือถ่ายปนเลือด หลายคนอาจคิดว่าอาการถ่ายปนเลือดเป็นแค่ริดสีดวง แต่เมื่อไปพบแพทย์กลับตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

12. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ้าพบว่าน้ำหนักตัวลดลงทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการกินอาหารหรือการออกกำลังกาย ก็อาจสงสัยได้ว่าเป็นอาการเบื้องต้นของมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งอื่นๆ ในทางเดินอาหาร และยังอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่ามะเร็งได้ลามไปถึงตับแล้ว จึงส่งผลต่อความอยากอาหารและความสามารถในการขจัดของเสียออกจากร่างกาย

13. อาหารไม่ย่อยหรือปวดกระเพาะ อาจฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็ช่วยให้แพทย์สั่งตรวจอัลตราซาวนด์และสามารถพบมะเร็งตับได้แต่เนิ่นๆ อีกทั้งอาการปวดเกร็งช่องท้องหรืออาหารไม่ย่อยเป็นประจำอาจแสดงถึงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

14. เต้านมบวม แดง หรือเจ็บ อาจบ่งชี้ถึงโรคมะเร็งเต้านมชนิดอักเสบ (inflammatory breast cancer) ซึ่งมีอาการบวม ร้อนที่เต้านม สีที่เปลี่ยนไปเป็นแดงหรือม่วงก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาการที่ควรระวังไม่ต่างจากพบรอยบุ๋มคล้ายผิวส้มที่ผิวเต้านม นอกจากนี้โรคมะเร็งเต้านมชนิดอักเสบยังอาจก่อให้เกิดอาการอื่นๆ ที่หัวนม เช่น อาการคัน ผิวลอกเป็นแผ่น หรือแตกเป็นสะเก็ดได้อีกด้วย

15. หัวนมผิดปกติ หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นก่อนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมคือ จู่ๆ หัวนมก็เริ่มบอด แบน หรือเบี้ยวไปด้านข้าง คุณจึงควรใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงที่หัวนม

16. ประจำเดือนมามากหรือปวดประจำเดือนผิดปกติ หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย นี่คือสัญญาณของโรคมะเร็งที่เยื่อบุโพรงมดลูกหรือมดลูก หากคุณสงสัยว่าอาการประจำเดือนออกมากของคุณมีสาเหตุแอบแฝง ก็ลองขอให้แพทย์ทำอัลตราซาวนด์ผ่านช่องคลอดดูได้ค่ะ

17. อาการบวมที่ใบหน้า ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดบางรายมีอาการบวมหรือแดงที่ใบหน้า ซึ่งเป็นเพราะมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (small cell lung cancer) มักจะไปกดเส้นเลือดแดงในหน้าอก ทำให้เลือดไหลเวียนจากศีรษะและใบหน้าไม่สะดวก

18. แผลหรือตุ่มที่ผิวหนังซึ่งไม่ยอมหาย ตกสะเก็ด หรือเลือดออกง่าย เราส่วนใหญ่รู้เพียงว่าการเปลี่ยนแปลงของไฝฝ้าอาจเป็นอาการบ่งชี้ของโรคมะเร็งผิวหนัง แต่การที่มีตุ่มซึ่งดูเงามัน หรือสะเก็ดแห้งที่ผิวหนัง ก็เป็นลักษณะของมะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีหรือมะเร็งไฝ (melanoma) มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้า (basal cell carcinoma) มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (squamous cell carcinoma)

19. ความผิดปกติที่เล็บ จุดหรือเส้นสีดำใต้เล็บบ่งถึงอาการของโรคมะเร็งผิวหนัง ขณะที่อาการ ?นิ้วปุ้ม? ซึ่งปลายนิ้วมือพองนูนและปลายเล็บงุ้มลงเข้าหานิ้ว อาจเป็นอาการของโรคปอด เล็บที่มีสีซีดหรือเปลี่ยนเป็นสีขาวอาจมีสาเหตุมาจากการทำงานของตับที่ลดลง ซึ่งอาจหมายถึงโรคมะเร็งตับได้

20. อาการปวดหลังหรือบั้นเอวด้านขวา นั่นคืออาการแรกของโรคมะเร็งตับ นอกจากนี้อาการปวดหลังยังอาจนำไปสู่การวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมได้ ในกรณีที่ก้อนมะเร็งในเต้านมกดเข้าไปในทรวงอก หรือมะเร็งลามไปยังกระดูกสันหลังหรือซี่โครง

เครดิต: healthtoday.net



บทความแนะนำ


มอเตอร์ไซด์วินเสื้อวินแอมไฟน์ฝ้ายพิซซ่าฮัทโปรโมชั่นมอเตอร์ไซด์รับจ้างทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก