กรมอนามัย เตือนผู้ป่วย 4 โรคควรระวัง! กินทุเรียนมากเสี่ยงทำอาการทรุด
นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย
เปิดเผยว่า ทุเรียนจัดอยู่ในอาหารกลุ่มผลไม้ที่ให้วิตามินแร่ธาตุ
และเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตแต่สำหรับกลุ่มผู้ป่วยเป็นโรคไต เบาหวาน
ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบควรระวังเป็นพิเศษ
หากกินทุเรียนในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้อาการเสี่ยงทรุดได้เพราะในทุเรียนมีแป้งและน้ำตาลสูง
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ
ต้องคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดควรกินทุเรียนแต่พอเหมาะ
ไม่กินในปริมาณมากและไม่กินถี่ทุกวัน หากเป็นไปได้กินไม่เกิน 1
เม็ดเล็กต่อวัน และเนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้มีโพแทสเซียมสูง
ผู้ป่วยโรคไตไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติ
ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยง เพราะจะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
"ทั้งนี้ ไม่ควรกินทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
จะทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูง เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการขาดน้ำได้
และจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
มีการย่อยสลายน้ำตาลที่เนื้อเยื่อต่างๆ
ที่กล้ามเนื้อและไขมันเพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นไขมันและไกลโคเจนเก็บไว้ที่ตับ
ทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ
ผลที่เกิดตามมาคือการย่อยสลายทุเรียนและแอลกอฮอล์จะให้ความร้อนและเป็นกลไกที่ต้องใช้น้ำ
เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการขาดน้ำได้
และนอกจากนั้นจะมีผลทำให้เอนไซม์ตัวสำคัญลดลง ส่งผลให้
สารแอลดีไฮด์เกิดการสะสมในร่างกาย
และทำให้เกิดอาการหน้าแดงชาวิงเวียนและอาเจียน? อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ภาพ:Authority Nutrition
ทางด้านแพทย์หญิงนภาพรรณ
วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า ทุเรียน 1 เม็ด เท่ากับ
2 ส่วน ให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรีจึงควรกินไม่เกิน2
เม็ดต่อวันและไม่กินถี่ทุกวันเพราะอาจส่งผลให้ น้ำหนักเกิน ร้อนใน เจ็บคอ
บางรายจึงนิยมกินทุเรียนกับมังคุดเพราะในมังคุดมีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนในและยังมีน้ำในปริมาณมาก
การกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันดีมีใยอาหารสูงนอกจากนี้
ในมื้อที่กินทุเรียนควรควบคุมอาหารประเภทข้าว แป้ง ขนมหวานควบคู่ไปด้วย
เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น
หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ควรลดข้าวให้น้อยลง
รวมถึงไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนบ่อยเนื่องจากมีความหวานมัน
ขอบคุณเนื้อหาจาก:www.anamai.moph.go.th