อย่ารอให้แก่ก่อน! 3 ข้อ เตรียมตัวสำหรับวัยเกษียณ ที่ผู้ใหญ่อยากบอกเรา รู้ไว้ได้เปรียบ
ไม่มีสาวๆ คนไหนอยากพูดเรื่องแก่กันหรอกค่ะ ยิ่งพูดถึงการเกษียณ
เชื่อว่าสาวออฟฟิศหลายคนคงมองเป็นเรื่องไกลตัว
ยังมีเวลาเตรียมตัวอีกหลายสิบปี หรือเป็นเรื่องที่ไม่อยากคิดถึงเลย
เพราะไม่อยากนึกภาพตนเองในวัยชรา แต่วันนี้
มีสิ่งที่คนเกษียณแล้วอยากบอกให้หนุ่มสาวได้รู้กันไว้เพื่อ
เตรียมตัวสำหรับวัยเกษียณ จะได้ไม่มานึกเสียดายในภายหลัง1. 60 ยังแจ๋ว
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่คนวัยทำงานมีต่อวัยเกษียณ คือ
เมื่อเกษียณแล้วนับเป็นการเข้าสู่ ?วัยชรา?อย่างเป็นทางการ
ซึ่งเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ เช่น สุขภาพที่เสื่อมถอย มีอาการหลงๆ ลืมๆ
ทำอะไรเชื่องช้าลง และอาจเป็นจุดสิ้นสุดของความรื่นเริงและความกระฉับกระเฉง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว จากผลสำรวจคะแนนสุขภาพและความเป็นอยู่แบบ 360? ของ ?ซิกน่า?
บริษัทประกันสุขภาพระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา กลับพบว่า
คนไทยในวัยเกษียณ คือผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปนั้น
ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองแก่เลยแม้แต่น้อย และยังต้องการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น
เดินทางท่องเที่ยว ทำกิจกรรมเพื่อสังคม
หรือแม้แต่การทำงานต่อหลังวัยเกษียณอีกด้วย โดย 69% ของคนไทยที่มีอายุ 60
ปีขึ้นไปบอกว่า การทำงานหลังวัยเกษียณเป็นเรื่องที่พวกเขาทำได้และอยากทำ
โดยมีเหตุผลหลักคือ
เพื่อทำให้ความคิดและร่างกายรู้สึกกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ข้อมูลจากผลสำรวจฯ
ยังพบว่าผู้สูงอายุในประเทศไทยใช้เวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมากกว่าคนที่ยังอายุน้อยอีกด้วยทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวยังตรงกับรายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO)
ที่ระบุว่า การที่ผู้สูงอายุมีความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา
โดยมีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารถูกต้องตามหลักโภชนาการ
และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนรอบข้างนั้น จะสามารถช่วยชะลอ ?ความแก่?
ทำให้สุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจไม่โรยราไปตามอายุได้เป็นอย่างดีอีกด้วย2. ยิ่งสูงวัย ยิ่งจ่ายมาก
ในวันที่เรายังแข็งแรง ยังสามารถทำงานได้
เราอาจรู้สึกว่าการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด
โดยจากผลสำรวจคะแนนสุขภาพและความเป็นอยู่แบบ 360? ของ ?ซิกน่า? พบว่า
คนไทยวัยทำงานส่วนใหญ่เลือกที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตนเอง
เช่น การซื้อยาจากร้านขายยามากินหรือพักผ่อนให้เพียงพอมากกว่าจะไปพบแพทย์
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแผนประกันสุขภาพที่เป็นสวัสดิการของบริษัทไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง
โดยนอกจากการรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตนเองแล้ว
คนไทยในวัยทำงานถึง 40%
ยังต้องควักกระเป๋าตัวเองเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนต่างที่เกิดขึ้นแทนการวางแผนค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในระยะยาวแม้การรักษาไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉงเมื่อเรามีอายุมากขึ้นจะช่วยชะลอความเสื่อมถอยของร่างกายและจิตใจได้ก็ตาม
แต่ความซับซ้อนของปัญหาสุขภาพก็ยังคงเพิ่มขึ้นตามอายุ
ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น โดยจากผลสำรวจฯ
พบว่าคนไทยในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป
เลือกที่จะไปพบแพทย์เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย
แม้ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยมากกว่าการรักษาด้วยตนเองที่บ้าน
นอกจากนั้นคนไทยในช่วงอายุ 50?59 ปีมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลราว 11,000
บาทต่อปี แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป
ค่าใช้จ่ายดังกล่าวกลับเพิ่มสูงขึ้นราว 23,000 บาทต่อปี
ซึ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัวเลยทีเดียวดังนั้น
คนหนุ่มสาววัยทำงานอาจต้องกลับมาพิจารณาถึงการเตรียมพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพระยะยาวให้ถี่ถ้วน
หากเราไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะมีเงินเพียงพอเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นหรือไม่
การมองหาหลักประกันด้านสุขภาพเพิ่มเติมนอกเหนือจากสวัสดิการที่บริษัทให้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณา3. รีบเตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้ เพราะเวลาโบยบินไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งสำคัญที่สุดที่คนวัยเกษียณอยากบอกกับหนุ่มสาววัยทำงานในตอนนี้คือ
?อย่าชะล่าใจ เพราะเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว? โดยผลสำรวจฯ
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาจะพบว่า สิ่งที่คนไทยมีความกังวลมากที่สุดคือ
?ความมั่นคงทางด้านการเงิน? ของตนเอง อย่างเช่น
ขาดรายได้เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้และจากสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน
โดยมีคนไทยวัยทำงานเพียง 1 ใน 10
เท่านั้นที่บอกว่าตนเองมีความพร้อมทางด้านการเงินแม้จะไม่ได้ทำงาน
และมีผู้สูงอายุเพียง 25%
เท่านั้นที่คิดว่าตนมีเงินออมเพียงพอสำหรับการเกษียณ
ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้คนไทยจะมีความกังวลเรื่องความมั่นคงด้านการเงิน
แต่คนไทยส่วนใหญ่กลับยังไม่รีบเตรียมตัวและไม่มีความพร้อมด้านการเงินเพื่อการเกษียณอย่างมีคุณภาพ
และความไม่พร้อมที่สั่งสมมาตั้งแต่วัยทำงานนั่นเอง
ที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ต้องติด ?กับดักอายุ? (Age Trap)
เมื่ออายุล่วงเลยมาถึงวัยเกษียณดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเกษียณอย่างมีคุณภาพ
สิ่งที่คนวัยทำงานควรเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้คือ
การวางแผนด้านการเงินเพื่ออนาคต รวมถึงการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
ซึ่งจะสามารถป้องกันไม่ให้เราติด ?กับดักอายุ?