โศกนาฏกรรม!...ชิงสวาทรักสามเศร้า ของหญิง 3 คน
จากภาพด้านซ้าย
คือภาพการเล่นเพื่อน(สัมพันธ์รักเชิงชู้สาวระหว่างผู้หญิงด้วยกัน)ที่ฝาผนังวัด
คงคาราม จ.ราชบุรี อายุกว่า 200 ปี
สื่อให้รู้ว่าการเล่นเพื่อนนี้มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว
จากภาพด้านบนคือ ตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี สถานที่ที่เจ้ายวงแก้วกระโดดลงมา
จากภาพด้านล่างคือ
ข้าหลวงนางในจากราชวงศ์ฝ่ายเหนือที่ตามเสด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมีมาอยู่
ในพระบรมหาราชวัง (วงกลมสีแดงคือ เจ้าหญิงยวงแก้ว สิโรรส)
ปี
พ.ศ. 2449 ภายในพระบรมหาราชวัง ในสมัยนั้นผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
หากจะยลโฉมหญิงงามจากเมืองเหนือแล้วไซร้
ให้ไปที่ตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี
ผู้เป็นพระมเหสีในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5
ตำหนักหลังนี้นอกจากจะเป็นที่ประทับของพระราชชายาเจ้าฯแล้ว
ยังเป็นที่อยู่ของเหล่าข้าหลวงนางในที่ล้วนแต่เป็นพระญาติ
และเป็นเจ้าหญิงจากพระราชวงศ์ฝ่ายเหนือทั้งสิ้น
จึงทำให้ตำหนักหลังนี้อบอวลไปด้วยขนบธรรมเนียมและราชประเพณีล้านนา เช่น
ทุกคนจะแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสตรีชั้นสูงในคุ้มเจ้าหลวง
เกล้าอวยมวยผมอย่างสาวชาวเหนือ มีดนตรีขับร้องและฟ้อนรำเป็นเอกลักษณ์
อาหารการกินและภาษาเป็นคำเมือง
ความงามของข้าหลวงนางในตำหนักนี้ขจรขจายไปทั่วในราชสำนัก แต่ที่งามสวยรวยเสน่ห์จนลือชื่อนั้นเห็นจะเป็นเจ้าหญิงองค์หนึ่ง นามว่า ?ยวงแก้ว สิโรรส" เจ้าหญิงเมืองเหนือองค์นี้มีอุปนิสัยใจคอเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวและห้าวหาญ มิค่อยจะเกรงผู้ใดนัก ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ เจ้าหญิงยวงแก้วมีคู่รักเป็นผู้หญิง นามว่า ?หม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ? หญิงสาวราชนิกุลผู้นี้เป็นข้าหลวงอยู่ตำหนักของเจ้านายพระองค์หนึ่งในละแวกเดียวกัน แต่หารู้ไหมว่าหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพผู้นี้ก็มีแฟนสาวอยู่ก่อนแล้วคนหนึ่ง ชื่อว่า นางสาวหุ่น เมื่อความเป็นเช่นนี้แล้วจึงเกิดศึกชิงรักหักสามเศร้า
ระหว่างนางสาวหุ่นกับเจ้าหญิงยวงแก้ว ต่างคนต่างชิงดีชิงเด่น
ชิงไหวชิงพริบหวังจะเอาชนะกัน เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่พักหนึ่ง
ไม่นานนางสาวหุ่นจึงปล่อยข่าวเป็นเชิงใส่ไฟเจ้าหญิงยวงแก้ว
ประมาณว่าเจ้าหญิงยวงแก้วนี้หลงใหลใคร่เสน่ห์ในตัวหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ
มากมายถึงขนาดเอาทรัพย์สินมีค่าที่พระราชชายาเจ้าฯประทานให้ไปปรนเปรอหม่อม
ราชวงศ์หญิงวงศ์เทพเสียหมดสิ้น
จน
ในที่สุดเรื่องใส่ไฟนี้ก็แดงขึ้น รู้กันไปถึงไหนๆ
สุดท้ายก็ไปถึงหูพระราชชายาเจ้าฯ
พระองค์ก็ทรงกริ้วเจ้าหญิงยวงแก้วอย่างรุนแรงถึงกับเอ่ยปากให้เอาของประทาน
มาคืนพระองค์ให้หมด
และคาดโทษไว้ว่าจะส่งตัวกลับนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ให้เร็วที่สุด
ไม่
มีใครทราบความรู้สึกของเจ้าหญิงยวงแก้วได้ดีเท่ากับตัวของท่านเองอีกแล้ว
แต่ที่รับรู้ได้ชัดเจนทั่วพระบรมหาราชวังคือ
มันได้สร้างความอับอายให้เจ้าหญิงยวงแก้วเป็นอย่างมาก อายต่อเพื่อนๆข้าหลวง
อายต่อผู้คนและคุณพนักงานในวัง จนไม่กล้าที่จะออกไปไหนมาไหน
ปัญหาต่างๆสั่งสมมากขึ้นจนกลายเป็นความเครียด กลุ้มอก กลุ้มใจ ทุกข์ระทม
อมระทวย 3วันต่อมาในคืนนั้นเองเจ้าหญิงยวงแก้วได้นอนปรับทุกข์กับ
เจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม่ เพื่อนร่วมตำหนักถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เจ้าหญิงยวงแก้วพร่ำรำพันถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นว่าแทนที่ทุกคนจะเห็นใจแต่
กลับเยาะเย้ยเหยียดหยามซ้ำเติม
เจ้าหญิงบัวชุมก็ได้แต่ปลอบใจให้คลายโศกเศร้าลง
แต่แล้วในคืนนั้นเองหลังจากเจ้าหญิงบัวชุมนอนหลับสนิทนั้น...
***...
เจ้าหญิงยวงแก้ว จึงตัดสินใจแอบเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตำหนัก
แล้วกระโดดลงมาจนถึงแก่ความตายโดยไร้คำสั่งเสีย ด้วยวัยเพียง...19ปี
ปิดฉากตำนานรักสามเศร้านี้อย่างค้างคาใจหลายคน
เพราะไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าหญิงยวงแก้วจะเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้