นิสัยเอาแต่ แก้ไขยังไงดี

อ่าน 3,397

คนเอาแต่ใจส่วนใหญ่เป็นคนที่พออกหักจะมีความทุกข์มากกว่าคนอื่นๆ ทราบไหมคะว่าเพราะอะไร

ก็เพราะว่าคนเอาแต่ใจเป็นคนที่ชอบยึด อยากจะให้ได้อะไรอย่างใจ ยึดมากก็จะเป็นคนที่ทุกข์มาก เพราะความจริงกับสิ่งที่เราอยาก หลายเรื่องมากมายในชีวิต มันไม่ได้เป็นอย่างเดียวกัน ความจริงและธรรมชาติ มันไม่ได้เป็นไปตามอยากไม่อยากด้วย มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยถ้าเราอยากด้วยความไม่เข้าใจ ก็เรานั่นแหละที่สร้างทุกข์ให้ตัวเอง ^^

นอกจากคนที่เอาแต่ใจจะเป็นคนที่ชอบสร้างทุกข์ให้ตนเองแล้ว ยังเป็นคนที่มักจะสร้างทุกข์ให้คนอื่นด้วย เช่น อยากให้คนอื่นเป็นอย่างใจ ถ้ามีอำนาจก็บังคับเขา ญเป็นหนึ่งในคนที่เคยเอาแต่ใจมากๆมาก่อน (ตอนนี้ก็ยังเอาแต่ใจนะ อยู่ในกลุ่มคนที่เอาแต่ใจปานกลางละ ลดขั้นลงมา ^^? เดี๋ยวจะเล่าต่อว่ามีทางแก้ไขนิสัยนี้อย่างไร) จะบอกว่าตอนได้รับผลกรรมที่เคยไปบังคับคนอื่นเพราะเอาแต่ใจนี่มัน บีบหัวใจมากเลยนะคะ

ดังนั้นนอกจากกรรมเก่าจะไม่ได้ใช้ ยังสร้างกรรมใหม่เข้าไปซ้ำอีก อย่างนี้ก็ทุกข์นานล่ะ

ถ้าใครอ่านแล้วพอจะเริ่มคล้อยตามละว่า การเอาแต่ใจนี่มันไม่ดีจริงๆ แล้วอยากจะเปลี่ยนนิสัย ญก็มีวิธีที่ทดลองมาแล้ว มาฝากค่ะ

ข้อแรก เห็นโทษของนิสัยตัวเอง หลายๆคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงพอเห็นระดับหนึ่งล่ะ เลยคิดอยากจะเปลี่ยน

การเห็นโทษนี่เป็นขั้นแรกเลยนะคะ ที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ ถ้าไม่เห็น ยังเข้าใจว่า นิสัยแบบนี้ดี หรือไม่ได้มีพิษภัยอะไรก็คงเปลี่ยนยาก พอเริ่มเห็นโทษ อันนี้แปลว่าเริ่มมีปัญญาขึ้นหน่อยนึงละ

ข้อสอง การสร้างปัญญาเพิ่ม

พอเรามีความตั้งใจละว่าอยากจะทำ เราก็มาคิดๆๆนะว่า แล้ววิธีการน่ะ มันมีอะไรบ้าง แล้วก็ค่อยๆปรับ อันนี้พูดเรื่องทริคเสริม คือ เรารวมเรื่องการทำบุญเข้าไปด้วย ลองค้นหาทริคเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วก็บอกต่อคนอื่น เป็นการทำธรรมทานเพราะเข้าใจแล้วว่าสิ่งนี้จะนำทุกข์มาให้แก่ผู้กระทำ ปรารถนาให้ผู้อื่นไม่ต้องเป็นอย่างตนเอง พอทำไปเรื่อยๆ เวลาเราจะเอาแต่ใจ เราจะคิดได้มากขึ้น

ข้อต่อมาคือ การตั้งความปรารถนาดีต่อผู้อื่น

นิสัยเอาแต่ใจเป็นนิสัยการอยากได้อะไรเข้าตัว การจะแก้นิสัยนี้ เราต้องพยายามเพิ่มเหตุด้านที่เป็นบวกด้วยคือ การทำนิสัยในทางตรงกันข้าม คือการเสียสละ

การอยากได้อะไรเข้าตัวเกิดจะทำให้จิตใจคับแคบ เป็นทุกข์ ส่วนการสละออกจะทำให้จิตใจเปิดออก เป็นสุข

การได้ไปทำทาน ทำบุญด้วยใจสละช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์บ่อยๆ จะทำให้ใจเราสามารถเห็นความแตกต่างของใจที่คิดจะเอา กับใจที่คิดสละ ว่าอย่างไหนมันให้ทุกข์ให้สุขมากกว่ากันจริงๆ พอทำไปบ่อยๆ ใจจะเริ่มฉลาดขึ้น เอาแต่ใจน้อยลงได้ค่ะ แล้วก็ฝึกไว้ด้วยว่า ถ้าใครขออะไร ขอให้ช่วยอะไร ถ้าไม่ถึงกับขอขาดบาดตาย ก็ให้ ก็ช่วยนะคะ เป็นการสละความยึดของเราเหมือนกัน :)

ในเรื่องความรัก เมื่อเรารักใคร ตั้งความปรารถนาดีกับอีกฝ่ายไว้ ว่าเราอยากให้เขามีความสุข เราจะไม่เอาแต่ใจกับอีกฝ่ายเลยค่ะ :)

เคยเป็นแบบนี้ไหมคะ?ก็เค้าทำเราก่อน เค้าทำไม่ดี เราก็ต้องโกรธดิ??ก็มันสมควรโกรธนี่ เป็นใครๆก็โกรธ?

ถ้าไม่เข้าใจ ไม่มั่นใจเรื่องกรรม ที่ญเคยเขียนอธิบายไปหลายบล็อกว่า เราเจอแบบที่เราทำมา อย่าโทษคนอื่นเลย

ก็ขอให้ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ด้วยเหตุผลว่า ใครจะทำอะไรไม่ดี มันเป็นเรื่องของเขา ส่วนเราทำอะไรไม่ดีมันก็เป็นเรื่องของเราที่เราต้องรับผิดชอบ ตอนโกรธ ตอนแค้น พยายามเอาคืนนี่สังเกตเห็นใจไหมคะว่า กำลังร้อนๆ ทุกข์น่าดูเลย

อย่าพยายามหาเหตุผลอะไรมาสนับสนุนการใช้อารมณ์ของตนเอง เพราะยิ่งสร้างความชอบธรรมให้กับเรื่องไม่น่าทำ เราจะยิ่งเป็นคนเอาแต่ใจ เอาแต่อารมณ์มากขึ้น เราอาจไม่เห็นผลเสียที่เราแก้แค้นคนอื่น แต่นิสัยใช้อารมณ์ มันเป็นได้กับทุกเรื่องและทุกคน ยิ่งนานไปเราจะยิ่งไม่สามารถเห็นเรื่องราวต่างๆตามความเป็นจริง แล้วเราจะต้องมาเสียใจภายหลังว่าเราทำให้คนที่เรารักเสียใจนะ:)

ข้อสุดท้าย สำคัญที่สุดเลย คือการฝึกสติ

หลายๆครั้งเรารู้ว่าอะไรไม่ดี แต่ถึงเวลาเราก็ทำไม่ได้ มันเป็นเพราะเราชินที่จะใช้อารมณ์ค่ะ ซึ่งก็คือขาดสติ

การฝึกสติคือการย้อนดูตนเองบ่อยๆ เลิกโทษคนอื่น ให้ย้อนกลับมารู้ทันอารมณ์ของตนเองว่า พุ่งแล้วนะ ร้อนแล้วนะ จะทำให้เรารู้ทันตัวเองมากขึ้นค่ะ พอเห็นบ่อยๆว่า ความรู้สึกต่างๆมันเกิดขึ้นจากความเคยชิน จากนิสัยเดิมๆ เราไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด ในภาษาพุทธคือ มันเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา เราจึงสั่งไม่ได้ แต่แค่รู้ทันว่ามันเกิดขึ้น ไม่ไปคิดเอาแต่ใจเพิ่มต่อ ไม่ได้สร้างเหตุให้ใช้อารมณ์เพิ่ม มันก็จะดับไปเอง เห็นยิ่งบ่อยยิ่งเปลี่ยนตัวเองได้มากขึ้นๆ ยิ่งทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น คนรอบตัวเราก็มีความสุขมากขึ้น อยากอยู่ใกล้เรามากขึ้น มีชีวิตรักที่ดียิ่งขึ้นค่ะ



บทความแนะนำ


ความสวยความงามผู้หญิงการแต่งตัวอาเซียนการศึกษาทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก