โดนแฟนทิ้งก่อนเรือนหอจะเสร็จ 2 วัน

อ่าน 10,509

ขอกำลังใจเพื่อนๆหน่อยครับ ผมอยากผ่านช่วงเวลานี้จัง ทรมานมาก

แฟนเป็นคนอยากแต่งงานมาก พูดมาตลอดตั้งแต่คบกันมาแรกเริ่ม 2 ปีแรกก็ให้ผมลองคุยกับที่บ้าน ตอนนั้นที่บ้านบอกเร็วไปไหม ตัวผมเองยังตั้งหลักไม่ได้เลยถ้าจะมีครอบครัว จะรับผิดชอบไหวได้ไง ซัก 3 ปี ถ้ายังรักกันจริงค่อยมาคุยเรื่องนี้ใหม่

แต่เป็นเพราะเราเข้ากันได้ดี ดีมากๆ ไม่เคยทะเลาะกันเลย จะมีแค่งอนผมที่มีเวลาขับรถไปหาเธอได้อาทิตย์เว้นอาทิตย์ เพราะผมไม่ได้อยู่ กทม เหมือนเธอ แต่เราก็ต่างเข้าใจกันและกันมาเสมอ แต่ลึกๆยอมรับเลยว่าเครียดเพราะผมก็อยากแต่งงานเหมือนกัน แต่ติดตรงสภาพคล่องผมยังไม่ดีอีกอย่างที่บ้านก็ธุรกิจเกือบล่มประคับประคองกันมาหลายปีแล้ว ที่บ้านก็เลยอยากให้ผมตั้งหลักได้ก่อนและผมเองไม่อยากแบมือขอเงินพ่อแม่ เพราะท่านกำลังลำบากอยู่

เราสองคนคุยเรื่องนี้กันมาตลอดและเข้าใจกันดี แฟนผมอยากมีลูกมากและเธออยากมีทีเดียวไปทำแฝดเลยเพราะเธออายุ 31 แล้ว ผม 33 เธอมักจะจินตนาการเรื่องครอบครัวของเราตลอด ผมเองก็เปิดอกคุยกับเธอเสมอว่าผมเองเข้าใจผมเองก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์หลังแต่ง แต่ขอมีทีละคนคนนึงก่อน หลังจากนั้นหากเราทั้งคู่พร้อมก็จะมีอีก ทางเดียวคือผมต้องดิ้นรนให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นให้ได้

ผ่านสองปีแรกด้วยความสุขมากๆ สภาพธุรกิจของที่บ้านเริ่มดีขึ้น ผมมีรายได้มากขึ้นราว 2 เท่าจากเดิมเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้เธอ ผมพาเธอตระเวนหาคอนโดเพื่อมาเป็นเรือนหอของเราจากน้ำพักน้ำแรงของผมผมเริ่มวาดฝันให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้ครอบครัวของเธอมั่นใจในตัวผมว่าผมไม่ได้มาหลอกคบลูกสาวเค้าโดยไม่มีอนาคต

ผมมีความสุขมาก อะไรทุกๆอย่างเริ่มเป็นรูปร่าง เราคุยกันเสมอว่าเดี๋ยวคอนโดเราสองคนแต่งห้องเสร็จแล้วจะแต่งงานกัน ที่บ้านก็เห็นว่าผมเอาจริงเอาจังก็เปรยไว้ว่าปีหน้าเดี๋ยวจะไปขอให้เพราะธุรกิจของครอบครัวเราหมดหนี้แล้วผมมีความสุขสุดๆเลยครับ เหมือนคนดวงขึ้นสุดๆ

ไม่คิดว่าอะไรๆที่ก่อนหน้าเครียดมา มันคลี่คลายและเป็นไปโครตแบบราบรื่นได้เร็วยังงี๊ แถมมีคนรักที่เข้าใจแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนคู่อื่นๆ แต่เรื่องนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย

ปกติเธอช่วยธุรกิจที่บ้านแต่ด้วยไม่ชอบเลยขอแยกออกมาสมัครงานบริษัทเพื่อจะได้ตรงสายสกิลที่เธอถนัด ตอนแรกผมคัดค้านอยู่นานว่า จะไหวเหรอ ไม่ได้ทำงานข้างนอกมานาน แถมผลตอบแทนก็ได้ไม่คุ้มเหนื่อยเอานะ และเราจะไม่เป็นปัญหาเหรอถ้าเธอทำงาน อิสระในการโทรหากันและกันจะน้อยนะ ผมกลัวเวลาของเราไม่ตรงกันเยอะจะมีปัญหา แต่เธอยืนกราน ไม่มีทางหรอกอย่างน้อย เธอยุ่งผมก็ยุ่ง ต่างทำงานกันและงานนั้นเธอมีความสุขที่จะทำ

จนกระทั่ง...

ความรักของเราเกือบจะครบ 3 ปีแล้วพี่ชายของเธอเสียชีวิตกระทันหัน ครอบครัวเธอสูญเสียเสาหลักของบ้านทุกอย่างในบรรยากาศของครอบครัวเธอเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็พูดกับเธอเสมอว่า ไม่เป็นไรนะเธอยังมีผม ผมจะดูแลเธอเองขาดเหลืออะไรผมจะช่วยดูแลให้ ยังไงการงานผมก็ดีขึ้นมากแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล

ตั้งแต่มีการสูญเสียเกิดขึ้นบรรยากาศต่างๆก็เปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ผมเองเข้าใจดีเพราะถ้าเกิดกับครอบครัวผมก็คงไม่ต่างกัน เธอเริ่มบ่นเหงา งอแงที่ผมทำงานเยอะขึ้น ไม่มีเวลาให้เธอเหมือนก่อนๆ แต่หลังจากผมง้อเธอก็มักจะหายและเข้าใจเหตุผลที่ผมต้องทำงานเยอะขึ้น เพราะธุรกิจที่บ้านขยับขยาย ลงทุนสร้างโกดังใหม่ย้ายบริษัทใหม่ ผมให้เหตุผลเธอว่าอดทนนะ อีกแปปเดียวก็ปีหน้าแล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว เดี๋ยวเราแต่งห้องเรือนหอกันเธอชอบแบบไหน ผมตามใจเต็มที่ออกค่าใช้จ่ายแต่งทั้งหมด

ช่วงนี้ผมไม่รู้สึกเลยว่าเธอมีอะไรแปลกไปรึป่าว..

เนื่องด้วยผมและเธอต่างอายุอานามก็เข้าเลขสามกันแล้ว ดังนั้นคู่ของเราเลยมีความเป็นผู้ใหญ่มากๆ และยังคงสวีทหวานแหว๋วเสมอ เพราะเราไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนคู่อื่นๆ การที่เราได้เจอกันทุกครั้งจึงมีความสุขมาก

ตั้งแต่พี่ชายเธอไม่อยู่แล้ว เธอมักจะพูดเรื่องแต่งงานถี่ขึ้นเพราะคนโน้นถามที ญาติถามที ผมก็จะบอกว่าใครถามก็บอกเค้าได้นี่ว่าใกล้ละ เราต่างรู้กันนี่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ปีหน้าเราจะแต่งแล้วผมทำทุกอย่างมาจนขนาดนี้ไมไม่บอกคนถามไป เธอบอกไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวถึงเวลาก็ไม่มาขอ ไม่อยากพูดก่อน

........

เธอเริ่มงอแงเรื่องผมไม่ค่อยตอบไลน์ได้บ่อยเหมือนก่อนๆ ไม่ค่อยส่งไลน์เล่นกับเธอ ผมบอกให้โทรแทนละกันผมต้องใช้สมาธิและมือพิมพ์คอม งานผมมันพลาดแล้วแก้ลำบาก(เกี่ยวกับตัวเลข) เธอก็จะบอกว่าทำงานโทรไม่ได้ที่บริษัทไม่ให้ใช้มือถือ ได้แค่แอบๆแชท ช่วงนี้เธอเริ่มงอแงเพิ่มเติมจากเรื่องนี้ก็เริ่มมี ต่อว่าผมเรื่องรู้มั๊ยว่าเธอเหงาเช้าพี่ก็ไม่ตื่น (ผมทำงานเที่ยงเลิกงาน 2-3 ทุ่ม) ปกติเราจะคุยกันเมื่อสายๆผมตื่น หรือไม่ก็รอเธอเบรคพักเที่ยงเราก็จะได้คุยกัน และพอเธอกลับเข้าทำงานผมก็จะสามารถแชทกับเธอได้แค่ทางเดียว จะได้คุยอีกทีคือเธอเลิกงานซึ่งผมก็อาศัยทำงานไปคุยไปจนเธอกลับถึงที่พัก ผมก็จะลุยงานจนจบของวันแล้วรีบกลับบ้านเพื่อเฟสไทม์ส่งเธอหลับทุกคืน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เราคบกันวันแรก

ผมเริ่มไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาทำไมเราผ่านช่วงเวลาแบบนี้กันมาได้โดยไม่เป็นปัญหาเลย ผมไม่เคยบ่นเลยบางวันผมเสร็จงานยังไม่ได้กินข้าว ถึงบ้านก็อยากรีบมามีเวลาคุยเล่นเฟสไทม์กับเธอส่งเธอนอนก่อน ผมถึงได้ไปหาข้าวกินผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย

แต่ทำไมช่วงนี้เธอมักจะหาอะไรมาต่อว่าผมมาก มีเรื่องนึงที่ผมน้อยใจมากคือ เธอต่อว่าผมว่าผมไม่ให้ดอกไม้เธอบ้างทำไมคนอื่นน้องๆในที่ทำงาน(โสด) เค้ามีช่อดอกไม้เซอร์ไพรซ์จากหนุ่มนิรนาม ทำไมแฟนพี่สาวเธอชอบซื้อดอกไม้มาให้ตลอด ไม่เห็นต้องรอเวลาเทศกาลเลย ผมบอกเธอว่าอย่าเอา ผช มาเปรียบเลย ต่างคนก็ต่างสไตล์ ผมชอบเอาใจเธอเรื่องอื่นแทนที่จะให้ดอกไม้ เพราะผมมองว่าดอกไม้ช่อละ 600-700 บาท ผมชอบให้เป็นสิ่งของมากกว่า หรือไม่ก็เอาเงินตรงนี้ไปกินขนมด้วยกัน ซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กน่ารักแทนแต่อยู่คงทนไปจนเราแก่ ดอกไม้สวยวันนี้พรุ่งนี้มันก็เฉาละ เปลืองเงิน และอีกอย่างคบกันมาเทศกาลวาเลนไทน์ผมก็ให้ทุกปี ไม่ใช่ไม่เคยมีดอกไม้มาให้เธออยากได้อะไรผมก็หามาให้หมด เท่าที่ผมจะสามารถหาให้เธอได้ นี่ยังไม่เรียกว่าเอาใจใส่อีกเหรอ ผมไม่ใช่ ผช สไตล์ชอบเซอร์ไพรซ์ แต่เมื่อผมรู้ว่าเธอชอบอะไร ขาดอะไร ผมหามาให้เธอหมด

หลังจากที่ผมโดนเธอตำหนิ ทั้งเรื่องผมมีเวลามาเจอเธอน้อยไป แถมเวลาเจอก็ไม่มีดอกไม้หรืออะไรเซอร์ไพรซ์ซึ่งแสดงออกถึงความเอาใจใส่ ผมยอมรับเลยว่า ณ เวลานั้นผมทั้งเศร้า ทั้งน้อยใจที่สิ่งต่างๆที่ผมทำมาทำไมไม่เป็นข้อดีหรือชมเชยบ้าง ผมเคยปรึกษาเพื่อนๆ เพื่อนก็บอกว่าก็งี๊แหล่ะ อย่าไปคิดมากคุยกันให้เข้าใจ ผมเองก็เป็นคนไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ไม่ออกปาร์ตี้ เอาแต่ทำงานและกลับบ้านเป็นยังนี้ตลอด คนอื่นๆเขาปัญหาเยอะแยะ รุนแรง เขายังผ่านมาได้เลย แค่แฟนบ่นว่าไม่มีเวลาเพราะเราทำงานเพื่อจะได้ไปสู่ขอเร็ววันนี้ เค้าน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก

และแล้วถึงวันครบรอบคบกัน 3 ปีผมก็ไปหาอุปกรณ์หาดอกไม้เพื่อมาจัดเป็นช่อดอกไม้ให้เธอ ตามที่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าอยากทำให้ด้วยมือตัวเอง จะไม่ไปหาซื้อสำเร็จมาเพื่ออยากจะเซอร์ไพร์ซ ว่าผมทำเองกับมือเลยนะจากคนที่ไม่เคยจัดดอกไม้มาก่อนก็ลองทำออกมาดูดีเลยทีเดียวพร้อมกับเขียนการ์ด ว่าผมรู้สึกอย่างไร พร้อมข้อความผมขอบคุณเธอที่เธออดทน อยู่เคียงข้างผม เรือนหอเราใกล้จะเสร็จแล้ว และเราก็วางแผนไว้ว่าเราจะมีครอบครัวด้วยกันในเวลาอันใกล้นี้

ผมขับรถไปหาเธอด้วยใจที่ตื่นเต้น เมื่อเจอหน้ากันเธอกลับไม่ดีใจเลยกับดอกไม้ที่ผมตั้งใจทำมาให้ เธออ่านการ์ดและก็นิ่งไปนั่งนิ่งๆบนรถ บรรยากาศมาคุเริ่มก่อตัว ผมพยามหาเรื่องชวนคุย พูดเล่นหยอกล้อตามปกติ เธอกลับไม่ค่อยมีอารมณ์โต้ตอบในสิ่งที่ผมทำ ใจผมเริ่มห่อเหี่ยวแต่ก็ยังพอทำเนา ขับรถไปเรื่อยๆ เธอก็พูดบ้างหลังจากบรรยากาศมาคุไปช่วงหนึ่ง

เธอบอกว่าถ้าผมยังไม่สามารถมีเวลาให้เธอได้ ถ้ามันสายไปผมจะทำยังไง ถ้าเธอเริ่มชินกับการที่ไม่มีผม

ผมอึ้ง...และคิดในใจ อะไรกันเนี่ย

ผมเริ่มอธิบายว่า ที่รักอย่าโกรธกันเลยนะ ผมทำใกล้จะสำเร็จแล้ว อดทนนิดเดียวนะ เราจะได้อยู่ด้วยกันเห็นหน้ากัน นอนข้างกันจนตายจากกันไปข้างนึง ถึงตอนนั้นที่รักอาจจะเบื่อเค้าเลยนะ

ผมรู้ว่าผมไม่มีเวลาที่จะเล่นไลน์ ทักทายตอบเธอหรือตอบเธอๆได้เหมือนสมัยตอนที่การงานผมยังไม่รุ่งเรืองเท่าตอนนี้ปีนี้เป็นปีที่ผมสปีดตัวเองในเรื่องความพร้อม ทั้งฐานะ การงาน แต่เราก็ยังคุยโทรศัพท์กันปกติเมื่อเธอพักเบรคหรือเลิกงานไม่มีครั้งไหนที่เธอโทรมาแล้วผมไม่รับ ยกเว้นยังไม่ตื่นนอนเท่านั้นเอง ผมอธิบายซ้ำๆเรื่องเดิมๆนั่นก็คือเรื่องเวลาการงานของเรามันไม่ตรงกัน แต่ถึงผมทำงานผมก็จะคุยอยู่ในสายเป็นเพื่อนเธอได้เสมอ จนกว่าผมจะยุ่งหรือมีธุระแทรกจริงๆที่ต้องวางไปก่อนแต่ขอให้ที่รักเข้าใจเรื่องไลน์นะที่ผมอาจจะไม่ได้เล่นบ่อยเท่าแต่ก่อน แต่จะพยามเปิดทุกครั้งที่เห็นในจอโทรศัพท์และตอบกลับทันที

เธอดีขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย และจากบรรยากาศมาคุเริ่มสดใสขึ้น เธอกลับมาอ้อนด้วยน้ำเสียงน่ารักตามปกติ เราจับมือหอมแก้ม ด้วยความคิดถึงเหมือนเคยดังเช่นทุกครั้ง เธอเอาช่อดอกไม้ที่ผมให้มาดม มาถ่ายรูป โพสท่า นั่นทำให้ผมมีความสุขและกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผมได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอก็คงเหงา และอารมณ์สูญเสียพี่ชายที่รักเหล่านั้นยังคงอยู่เธอก็เลยเกิดมีอารมณ์เหงา สับสน ว้าวุ่น จึงแสดงออกสิ่งเหล่านั้นเพราะต้องการให้ผมทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เราไปกินข้าวกันตามร้านอาหารที่ได้จองไว้

ผ่านวันครบรอบ 3 ปีของเรา ผมก็กลับมาทำงานตามปกติทุกอย่างดีขึ้นเหมือนเดิม ผมพยามทัก และแชทกับเธอมากขึ้นในขณะที่เธอทำงานและเราก็หยอกล้อ แกล้งกัน ตามปกติ พอตกกลางคืนผมเลิกงานก็จะรีบกลับบ้านเพื่อเฟสไทม์ส่งเธอนอนตามปกติทุกอย่างราบรื่น แฮปปี้ไม่มีความรู้สึกพ่อแง่ยิ้มอนมากวนใจอีก เราพูดคุยกันสวีทหวานแหว๋ว เหมือนกับว่าทุกอย่างได้เคลียร์และทำความเข้าใจกันแล้ว

จนกระทั่ง

ผมงานงอกอีกระลอก เป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนที่ผมจะต้องปิดยอด และเช็คออเดอร์ทั้งหมดของลูกค้า กระดาษ A4 ร้อยเรียงบรรทัดอัดแน่นไปด้วยงานที่ต้องปั่นให้จบเพราะศุกร์นี้ผมมีนัดกับเธอ แน่นอนผมอธิบายเรื่องงานว่าผมยุ่งวีคนี้ทั้งวีคน๊า.. ไม่งอนน๊าาา อาจไม่ได้แชทบ่อยๆผมต้องรีบสะสางงานเพื่อเดี๋ยววันศุกร์เจอกัน ผมจะเข้า กทม ไปหา

เป็นไปตามคาดเธองอน แต่ผมคิดว่าเอาน่าเราต้องเข้าใจกันได้ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ไม่ได้เล่นไลน์แต่ก็โทรหากันตลอด เราพูดคุยไว้ก่อนแล้วนี่ แถมสัปดาห์นี้ที่ไปหาเธอตรงกับวันครบรอบทำบุญให้พี่ชายที่เสียไปของเธอพอดี ดีเลยผมจะได้ไปช่วยงานไปถึงเธอก็เหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีเหมือนงอนๆว่าผมไม่ค่อยมีเวลา ดีหน่อยตรงที่พี่สาวเขารู้ว่าผมโดนงอนก็มีกระเซ้าเย้าแหย่นิดหน่อยให้เธอเลิกงอนผม เราออกไปซื้อของที่จำเป็นในการทำบุญ ระหว่างบนรถเธอก็ไม่พูดไม่จา จนกระทั่งเธอเปิดประเด็น

ถ้าผมไม่สนใจเธอแบบนี้ เธอคิดว่าเธอไม่พร้อมที่จะแต่ง ผมก็ง้อเธอตามปกติทุกครั้ง แต่เธอก็ยังงอนไม่จบ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆที่ผมอธิบายผมบอกว่าผมต้องปิดยอดสิ้นเดือนคีย์งานทั้งหมดให้เสร็จเพื่อจะได้มาหาเธอ พี่ต้องรีบเพราะวันศุกร์พี่หยุดเพื่อมาหาเธอ อย่าโกรธเลยนะ

อีกแล้วที่เธอไม่ฟังผมเรื่องงาน ทำไมเอาประเด็นแค่ผมไม่สามารถคุยไลน์ แชทไลน์กับเธอได้มาชวนทะเลาะกันแบบนี้ ปกติผมเป็นคนเย็นมากส่วนเธอจะเป็นคนร้อน แต่ข้อเสียของผมคือพอเย็นแค่ไหน ซักพักหากอีกฝ่ายยังร้อนต่อ ความเย็นระดับน้ำแข็งของผมก็ละลายได้ กลายเป็นร้อนผมดุเธอเสียงดัง ว่าทำไมไม่หนักแน่น เธอเหนื่อย ผมก็เหนื่อย คบกันมาขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ผมก็ทำทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างเธอควรจะต้องดีใจสิ นี่ไม่ให้กำลังใจกันเลย เอาแต่งอน คนง้อก็ตาย ผมอยากดูแลเธอให้เร็วที่สุดตามที่ผมเคยพูดกับเธอไว้ว่าผมขอเวลาสามปี แล้วเพิ่งผ่านครบรอบไป ผมสร้างทุกอย่างมาได้ไกลขนาดนี้แล้วอดทนหน่อย เธอก็เหวี่ยงต่อ 3 ปีแล้วไงตอนปีที่ 2 ให้ไปคุยกับที่บ้าน ที่บ้านพี่ก็บอกให้รอสามปี นี่ 3 ปีแล้ว แล้วไงถึงเวลาจะบอกปีหน้าอีกงี๊สิ... รอจนไม่อยากจะรอแล้วรู้บ้างมั๊ย!

ผมโมโหบ้าง

ทำไมเป็นแบบนี้ เออ.. ไม่อยากแต่งก็ไม่แต่ง

ผมไม่คิดเลยว่าที่ผมพูดประชดไปจะกลายเป็นชนวนเหตุให้เราต่องจบกันรึเปล่า รู้แต่ว่าหลังจากเราทะเลาะกัน เราต่างสงบลงและปฏิบัติต่อกันปกติ ผมก็นอนบ้านเธอ เราสองคนนอนกอดกันปกติด้วยความคิดถึงจนเช้า จัดเตรียมงานบุญรับแขก ญาติๆของเธอ

จนงานผ่านพ้นไป ช่วงเย็นเรามีเวลาว่างอยู่ด้วยกัน ผมจึงพาเธอไปทำธุระธนาคารที่ห้าง และเราก็หาอะไรกินเป็นมื้อเย็นก่อนกลับบ้านเดินเล่น ช้อปปิ้งกันไปด้วยความสุข เราเดินจูงมือ เธอก็ออดอ้อนตามประสา จนผมรู้สึกผมจะไม่สบาย เวียนหัวมาก จึงตัดสินใจไม่ดูหนังและกลับบ้านเลยเพื่อพักผ่อน ระหว่างอยู่บนรถ เธอพูดว่า...

แม่เธอซีเรียสแล้วนะ งานวันนี้มีแต่คนถามว่าเมื่อไรแต่งๆๆๆๆๆๆๆ ญาติคนไหนเจอก็จะต้องยิงคำถามนี้ผมก็อ่าว...เธอไม่ได้พูดกับคุณแม่บ้างหรือ ว่าเราสองคนเตรียมไปถึงไหนแล้ว บอกญาติๆได้นิว่ารอแต่งเรือนหอเสร็จ แฟนจะเอาที่บ้านมาคุยเธอบอกอะไรๆก็ผ่านเธอ ทำไมผมเป็น ผช ไม่พูดด้วยตัวเอง ผมก็บอกโอเคได้ พี่จะพูดกับคุณแม่เอง

พอถึงบ้านนั่งพักเล่นซักระยะ แม่แฟนก็ถามขึ้นมาว่า ได้คุยกับที่บ้านมั่งรึยังว่าเมื่อไรแต่งดี ผมก็บอกไปตามที่เราแพลนเอาไวคือกะว่าจะให้เรือนหอที่เตรียมไว้แต่งเสร็จแล้วปีหน้าจะให้ที่บ้านมาสู่ขอครับแล้วช่วงไหนดีจ๊ะ? แม่ถาม ผมตอบกลับก็ยังไม่ได้ระบุขนาดนั้น แต่เดี๋ยวกลับไปจะเข้าไปคุยกับคุณพ่อแม่ของผมให้ครับ

จบคืนนั้นไป ก็ปกติดีทุกอย่าง เพราะผมก็คิดไว้แล้วว่า ถ้าฝั่งบ้านแฟนถามมาจริงจังขนาดนี้ ยังไงก็ถึงเวลาแล้วหล่ะ ให้ที่บ้านมาคุยมาเจอตกลงกันไปเลย จะปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่แล้วแต่ตกลง ส่วนผมยังไงก็ได้ผมพร้อมแล้ว การงานผมไม่มีอะไรห่วงแล้วช่วงค่ำผมไปส่งแฟนกลับหอ เธอย้ายมาอยู่หอเพราะใกล้ที่ทำงานรถติด ขี้เกียจตื่นตีสี่มาทำงานเลยเลือกอยู่หอใกล้ที่ทำงานผมก็ขนข้าวของแฟนเข้าห้องตามปกติ เรากอดกัน จูบกัน ร่ำลากันเช่นทุกครั้งที่ผมมาส่งหอ บ๊าย บาย เธอยืนส่งผมขับรถออกจากหอ

ผมรู้สึกตื่นเต้น ความกดดันใดๆไม่มีเลย ผมคิดว่าผมจะเข้าไปพูดคุยกับที่บ้านยังไงดีนะ แล้วก็คิดถึงอนาคตของผมกับเธอพร้อมจินตนาการไปไกลเรื่องลูกๆ ระหว่างทางกลับบ้าน เธอก็คุยเป็นเพื่อนผมจนใกล้ถึง แต่เนื่องจากสี่ทุ่มแล้วเธอง่วง ผมเลยไล่ให้ไปนอนก่อน ไม่ต้องห่วงผมใกล้ถึงบ้านในอีกสิบนาทีนี้ คืนนั้นผมนอนหลับสบายมาก และคิดไว้แล้วว่าจะพูดกับที่บ้านอย่างไร

ก่อนออกไปทำงาน แต่ผิดแผน พ่อกับแม่ออกไปธุระซะได้ กว่าผมจะกลับถึงบ้านพ่อกับแม่ก็คงนอนไปแล้วอีกตามเคยตั้งใจไว้เอาพรุ่งนี้แทนละกัน วันนี้ทั้งวันเลยไม่ได้พูดเรื่องนี้กับแฟน แต่ก็ไลน์หาทักทายเยอะหน่อยเพราะผมคึกคักเป็นพิเศษเธอก็ไลน์เล่นกับผมตลอดบ่าย พร้อมบอกว่าเย็นนี้เธอกับน้องๆในทีมหัวหน้าจะพาไปเลี้ยงข้าว เดี๋ยวค่ำๆกลับละจะรีบโทรบอก

ผมรีบจัดแจงงานของตัวเองยังไม่ทันเสร็จทุ่มครึ่งเธอโทรมาบอกกินเสร็จแล้ว กำลังกลับหอละนะ ผมก็โอเคผมใกล้เสร็จแล้วเหมือนกันเดี๋ยวจะรีบกลับบ้านไปเฟสไทม์กันเหมือนเคย แต่พิเศษตรงวันนี้ผมเสร็จงานเร็วนิดหน่อย ขับรถมาถึงบ้านสองทุ่มเกือบครึ่งหยิบโทรศัพท์จะโทรหาเธอ เห็นไลน์เด้งมาว่า เค้าเหนื่อยจัง วันนี้งานเยอะแถมโดนฝนมาขอนอนก่อนนะ ไม่ไหวแล้วผมก็เลยโทรกลับไปทันทีว่าทานยารึยัง โอเคมั๊ยมีไข้มั๊ย งั๊นนอนนะผมไม่กวน ไม่เป็นไรไม่คุยซักวันก็ได้

เช้าวันรุ่งขึ้นผมเตรียมพูดคุยกับที่บ้านบนโต๊ะอาหารก่อนออกไปทำงาน บรรยากาศเป็นไปด้วยดีแม่บอกไม่เป็นไรถ้าบ้านแฟนซีเรียส เดี๋ยวไปคุยเค้าจะได้เชื่อมั่นว่าเราจริงจังนะ จะดูฤกษ์อะไรก็เดี๋ยวว่ากัน เดี๋ยวไปคุยก่อนที่ผ่านมาเราไม่มีโอกาสไปเพราะพ่อขับรถไม่ได้แล้ว แม่ก็ขับรถไม่เป็น ได้แต่ส่งขนม ของกินไปทักทายบ้านแฟนฝากผมหิ้วไปอยู่เรื่อยๆพ่อผมอายุ 72 แล้วทุกวันนี้ท่านยังทำงานอยู่เลยครับ ส่วนคุณแม่ 66 แล้วก็ยังทำงานเช่นกัน เนื่องด้วยปัญหาธุรกิจที่บ้านเกือบล้มละลายทำให้พ่อกับแม่ผมต้องทำงานอย่างอื่นเพื่อมาประคองธุรกิจให้รอด เชื่อไหมครับทุกวันนี้แม้หมดหนี้สินแล้วท่านยังไม่เลิกทำงานเลยครับบอกว่าทำอะไรได้ก็จะทำ ไม่อยากนั่งเหงาๆ นี่แหล่ะครับแรงบรรดาลใจผม ทำให้ผมไม่เคยคิดจะแบมือขอเงินท่านซักนิดเลย

เพราะผมเห็นท่านฝ่าฟันพาครอบครัวของเราให้รอดมาได้ขนาดนี้ ผมต้องทำให้ได้ด้วยมือตัวเองก่อน หากไม่ไหวค่อยไปยืมมือท่านอย่างน้อยเรือนหอผมก็หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง แม้เงินไปสู่ขอผมมีอยู่ไม่เท่าไร แต่ถึงเวลานั้นพ่อกับแม่ยินดีที่จะออกสินสอดจ่ายให้ผมอยู่แล้ว

ทั้งวันผมนั่งทำงานไป ไลน์หาเธอบ้างอะไรบ้าง แล้วแต่ว่าง

สรุปว่าจะเล่าให้เธอฟังคืนนี้แหล่ะที่ไปคุยกับที่บ้านมาแล้ว เธอคงจะมีความสุข และเธอจะได้ไปบอกแม่ของเธอช่วงบ่ายเธอโทรมาบอกว่าเธอมีเทรนและต่อด้วยประชุมยาวจนค่ำ เดี๋ยวเสร็จจะรีบโทรบอก

ผมทำงานไปตื่นเต้นไป ว่าคืนนี้จะเล่ายังไงดีนะ จนกระทั่งค่ำแล้วเธอก็โทรมาว่ากำลังกลับนะวันนี้ผมเสร็จงานไวสองทุ่มผมถึงบ้าน เธอบอกว่าเธอจะไปอาบน้ำแล้วเดี๋ยวมารอนะ ส่วนผมจะรีบไปกินข้าวแล้วเดี๋ยวเฟสไทม์ไปหา

ผมทำอะไรเสร็จสองทุ่มครึ่ง เฟสไป ไม่รับแหะ เว้นซักพัก ไม่รับอีกน้อ.... โทรดู ไม่รับสายหรือว่ายังอาบน้ำอยู่ หรือซักผ้าผมเลยหนีไปอาบบ้าง สามทุ่มเสร็จลองโทรอีก เฟสไทม์ไปไม่รู้เท่าไร ก็ไม่มีการตอบรับ

คิดว่าหรือว่ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดรึป่าว จิตตกไปต่างๆนาๆ ก็ว่าแปลกมาก ปกติเธอนัดแล้วนี่นา ไม่เคยปล่อยให้ผมรอเลยเพราะทุกวันเราเฟสไทม์กันเป็นปกติทุกคืนอยู่แล้ว

หลังจากเว้นช่วงติดต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งเธอรับเฟสไทม์ผมราว 4 ทุ่มได้ ผมบอกว่าไปไหนมารู้มั๊ยคิดว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นเป็นห่วงแทบแย่ เธอนิ่ง บรรยากาศเข้ามาคุ ผมกำลังเตรียมบอกเธอเรื่องที่ผมไปคุยกับที่บ้านมาแล้ว

เธอสวนขึ้นมาก่อนว่า

เธอรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งที่ผมพยายามไลน์คุยเล่นกับเธอมากขึ้นแล้วเพราะงานผมหายยุ่ง เธอได้แต่บอกว่าเธอไม่พร้อมที่จะแต่งงานแล้ว เธอรู้สึกไม่ได้รักผมเหมือนเดิม

ผมช็อคไปเลย งง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น??? ก็พยามเข้าใจว่าตั้งแต่พี่ชายเธอเสียไป เธออาจเครียดหรือวิตกกังวล หรือว่าที่บ้านเธอมีปัญหาอะไรต่างๆนาๆผมคิดว้าวุ่นมาก ได้แต่พยายามมองโลกในแง่ดี เพราะผมมีคำตอบให้เธอแล้ว เรื่องที่แม่เธอให้ผมมาคุยกับผู้ใหญ่ฝั่งผมผมรู้ว่าแม่เธอเป็นห่วงมาก เหลือเธอเพียงคนเดียว ส่วนพี่สาวก็แต่งงานย้ายไปอยู่กับสามีที่ ตปท บินไปๆมาๆเยี่ยมแม่หากเด็กๆปิดเทอมผมก็ไม่เคยคิดเล่นๆกับเธอเลย จริงจังและก็พยามทำเพื่อให้มีทุกวันนี้มาตลอด ผมค่อยๆอธิบาย เรื่องราวต่างๆ

ว่าทำไมเป็นแบบนี้ เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ทุกช่วงเวลาเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ดีที่สุดที่ผมเคยมีแฟนมาและผมจริงจังกับเธอที่สุดเข้ากันได้ดีที่สุด ชอบสิ่งเหมือนๆกัน ชอบท่องเที่ยวเหมือนกันเวลาผมมีโอกาสเราไปเที่ยว ตปท ด้วยกันหลายที่ชื่อก็คล้ายกัน วันเกิดก็ติดกัน เรากินอาหารชอบเหมือนๆกัน ไม่กินเครื่องในเหมือนกัน พ่อเธอที่เสียไปตั้งแต่เด็กก็เป็นเพื่อนพ่อผม (โลกกลมมาก)ผมรู้สึกจริงจังกับเธอที่สุดเลย ที่ผ่านมาเราผ่านทั้งทุกข์และสุขด้วยกันมามาก แค่เพียงที่ผมทำงานสร้างตัวเพื่อครอบครัวของเราทำไมกลายเป็นเหมือนผมแย่ในสายตาเธอถึงเพียงนี้ เราเคยคุยกันเสมอว่าเราจัไม่มีวันเลิกกัน ถ้าไม่ใช่เธอจับได้ว่าผมมีกิ๊ก หรือโกหกเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เธอเกินรับไหว เธอถึงจะเลิก แต่นี่...

ผมทำอะไรไม่ดีขนาดเธอต้องการหยุด ความสัมพันธ์ ขนาดนี้เชียวหรือ เธอบอกกับผมว่าทรรศนะคติของเราไม่ตรงกันเรื่องมีครอบครัวผมถามว่าเรื่องอะไร เธอบอกว่าเธออยากมีลูกแฝด ผมก็ปฏิเสธเธอ สามปีแล้วนี่ไงครบแล้วก็ผลัดไปปีหน้าอีก ผมบอกว่าใจเย็นๆผมคุยกับที่บ้านแล้วพ่อกับแม่ยินดีจะไปพบพูดคุยกับคุณแม่ของเธอ แต่เธอบอกไม่ต้องให้พ่อแม่พี่มาแล้วค่ะ เธอไม่พร้อมเดี๋ยวจะทำให้ผู้ใหญ่เสียหายไม่ต้องมาคุยแล้ว เราห่างกันเถอะ

เราห่างกันเถอะพี่ แล้วเธอก็ตัดสายผมไป

ในใจผมเคว้งคว้างมาก ไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอยกมาบอกเลิกเลย ผมรู้ว่าเธอเป็นคนเก่งมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากเธอพูดเสมอว่าหากแต่งงานกันแล้ว ถ้าเราทะเลาะกันแม่เธอสอนว่าห้ามไปไหน อย่าประชดหรือเก็บข้าวของหนีออกมา หากไม่เข้าใจกันก็ต้องอยู่บ้านเดียวกันนอนไม่พูดจากันก็ขอให้อยู่ด้วยกัน เดี๋ยวก็จะคุยกันปรับความเข้าใจกันได้ตามประสาครอบครัวเธอพูดกับผมเสมอจะมีแบบนั้นเหรอเพราะเราไม่เคยทะเลาะกันเลย ยิ่งถ้าเธออยู่กับผมเห็นกันทุกวันเธอจะไม่มีทางงอแงแน่ๆ

ผมพยามติดต่อเท่าไร เธอก็หาย ผมคืดว่าทุกอย่างดีขึ้นเดี๋ยวเธอเย็นลงก็คงได้พูดได้คุยปรับความเข้าใจกันได้ เพราะไม่ใช่เหตุการณ์งอนเรื่องใหญ่โต แต่ที่ผมรู้สึกแย่สุดๆคือ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้ แววตาเธอจริงจัง ขึงขังมาก

ผมยังคงติดต่อเธอไม่ได้ ส่งไลน์ไปง้อเธอก็ไม่อ่าน ไม่ตอบถึงขั้นบล็อคเบอร์ผมไปเลย ผมทรมานใจมาก จนผมได้คุยกับเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องเธอที่ผมสนิทว่าผมติดต่อเธอไม่ได้น้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะน้องๆที่บริษัทเธอต่างรู้จักผมดี ยิ่งน้องที่เป็นห่วงถามผม ผมก็กล้าที่จะตัดสินใจเล่าออกไป เพียงเพราะผมเชื่อว่าน้องมันก็สนิทกับผมพอตัว ผมเลี้ยงข้าวน้องหลายครั้งที่ผมไปรับแฟนที่ทำงานในเย็นวันศุกร์ แล้วเห็นน้องเหงาๆแฟนก็มักชวนน้องคนนี้มาทานข้าวด้วย และวันที่น้องมันอกหักผมหยุดงานพามันขับรถเที่ยว พาเลี้ยงข้าว พูดคุยให้กำลังใจ

ผมคิดว่าเรื่องของผมไม่ใช่เรื่องสาหัสอะไร อย่างน้อยน้องเผื่อได้พูดได้คุยหากแฟนผมมาระบาย น้องอาจจะมีเหตุผลหรือทรรศนะอีกมุมนึงให้แฟนผมได้ และน้องมักจะชื่นชมคู่ของผมกับแฟนว่าน่ารัก สวีทกันอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนคนที่เพิ่งคบกันใหม่อยู่ตลอดเวลา

เชื่อไหมครับไม่กี่วันต่อมามีไลน์เด้งขึ้นมาจากเธอ เธอต่อว่าผม ตำหนิว่าทำไมถึงเอาเรื่องของเราไปพูดกับคนอื่นแถมยังมาอวยพรให้เธอเจอคนเลวๆอีกเหรอ

ผมงงมาก.. ไม่รู้น้องมันไปสื่อสารอย่างไร จนเธอเข้าใจเป็นแบบนี้ ผมเพียงแต่คุยกับน้องและบอกว่าตัวแฟนพี่น่ะ เค้าไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักเหมือนคนอื่นๆ เขาเรียน รร หญิงล้วนแล้วก็เคยคบทอมสมัยเด็ก และไม่เคยมีแฟนเลยจนมาเจอผม ผมกลัวว่าถ้าเขาไปเจอคนเลวๆซัก 2-3 คน แล้วถึงจะเข้าใจพี่เหรอ ผมไม่อยาก ห้เธอเป็นแบบนั้น นี่คือที่ผมต้องการจะสื่อ

แต่ช่างเถอะ เวลานี้เหมือนแค่หายใจผมก็ผิดแล้วน่ะ เหตุผลอะไรของผมเธอเลือกที่จะไม่ทำความเข้าใจเลยทั้งๆที่ทุกเรื่องที่เธอว่ามาเราก็เคยปรับความเข้าใจไปหมดแล้ว แต่เหมือน ณ ตอนนี้เธอนำทุกอย่างมาผสมปนเปจนเป็นระเบิดลูกใหญ่ผมก็ไม่รู้จริงๆว่าเธอไปเก็บกดอะไรมา ทุกอย่างมันกำลังเดินไปได้สวย เธอก็รู้ ได้มาเห็น ผมทำงาน เห็นกิจการครอบครัวผม

คอนโดเธอก็ต่อว่าผมว่าที่ผมซื้อน่ะ ไม่ใช่เพราะเธอหรอก ผมซื้อเพราะที่บ้านผมแห่มาซื้อที่นี่ ผมถึงตามมา ซึ่งจริงๆเปล่าเลยมันวกกลับมาที่ซึ่งก่อนหน้าเมื่อปลายปีที่แล้ว ผมตระเวนพาเธอไปหาคอนโดกัน ด้วยความที่ผมต้องการห้องใหญ่ 70 ต.ร.ม ขึ้นไปเพื่อรองรับอนาคตเผื่อมมีลูกและเราชอบท่องเที่ยวกันทั้งคู่ การจะทิ้งบ้านไว้ไม่อยู่เป็นสัปดาห์นั้นน่ากลัวมากเรื่องโดนขโมยขึ้นผมจึงเลือกอยู่คอนโด แต่ตอนนั้นที่เราตระเวนดูกันห้องขนาดนี้ราคาทุกที่ 6-7 ล้านบาทหมด ผมบอกเธอว่าใจเย็นๆนะผมซื้อไม่ไหวงานผมยังไม่ลงตัว จนกระทั่งวันหนึ่งครอบครัวผมได้ข่าวคอนโดกำลังขึ้นใกล้กับโกดังใหม่ของบ้านเรา ที่บ้านจึงแห่ไปซื้อเพราะราคาสวย3 ล้านต้นๆ แถมทำเลอยู่ติดกับออฟฟิสใหม่ที่เรากำลังจะไปสร้างเพียงสามร้อยเมตร ผมสามารถเดินมาทำงานได้เลย ก็เลยตัดสินใจไม่ยาก

ตอนนี้ผมรู้สึกเศร้าใจมากที่อะไรๆ ที่เธอคิดมันสวนทางกันหมดเลย เธอมองว่าผมไม่ได้ซื้อเพราะเธอ ผมซื้อเพราะตามครอบครัวผมซึ่งก่อนหน้าทำไมเธอไม่เห็นเคยบอกว่าคิดยังงี๊ แปลกใจมาก

และมีอีกเรื่องที่ผมนึกได้ก่อนเธอจะวางสายคืนนั้น เธอบอกว่าพ่อแม่ผมไม่ได้ชอบเธอหรอก ผมบอกบ้าเหรอ เอาอะไรมาคิดถ้าเค้าไม่ชอบเค้าคงกีดกันไม่ให้ผมเทียวขับรถไปหาเธอหรอกเค้าก็เป็นห่วง ผมเป็นลูกชายคนเดียวด้วย แถมเวลาออกงานคุณแม่ผมก็ตัดชุดให้เธอด้วย(แม่เป็นดีไซเนอร์ชุดแต่งงาน) ถ้าแม่ไม่รักไม่ชอบเค้าจะทำให้เธอมั๊ย ชุดนึงแม่ทำคนเดียวสองอาทิตย์กว่าจะได้มาเค้าเอาเวลาไปทำชุดให้ลูกค้าไม่ดีกว่าเรอะ เธอเป็น ผญ คนเดียวที่แม่ทำให้ขนาดนี้ แถมเป็นคนเดียวที่ผมเคยพาเข้าบ้านถ้าเค้าไม่รักไม่ชอบไม่มีทางมาด้วยกันได้จนถึงวันนี้หรอก คิดอะไรแปลกๆ

1 สัปดาห์ที่เธอหายไปจากชีวิตผม ผมทุรนทุราย ตัดสินใจติดต่อพี่สาวเธอที่ ตปท เพื่อหวังให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเผื่อว่าพี่น้องเขาคุยกันจะได้มีเหตุและผลกว่าที่เธอไม่รับฟังผมอยู่อย่างนี้ ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดเหมือนที่พิมพ์อยู่นี้ให้พี่สาวฟัง ด้วยเหตุที่ว่าพี่สาวเธออาบน้ำร้อนมาก่อนแต่งงานมาจนมีลูกสองแล้ว ผมน่าจะได้รู้ว่าแฟนผมเป็นอะไรชัดเจนขึ้นผมเองก็สนิทกับพี่สาวเธอเช่นกันเพราะช่วงสองปีแรกที่ผมคบกันกับแฟน พี่สาวยังอยู่เมืองไทย ยังไม่ได้ไปๆมาๆ ตปทเอาง่ายๆผมสนิททั้งบ้านแหล่ะ เพราะตลอดสามปีผมสม่ำเสมอ อาทิตย์เว้นอาทิตย์ ไปทีก็อยู่ศุกร์-อาทิตย์ ส่งแฟนเข้าหอค่อยกลับไม่เคยไปมาหาสู่แล้วจู่ๆหายขาดการติดต่อ ไม่มีเลยซักครั้ง และเรารักกันดีมาตลอด

แต่อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่พี่ชายเขาไม่อยู่ ผมยังคิดเลยว่าถ้าพี่ชายเขาอยู่ ผมกับพี่ชายเธอเราสนิทกันมาก เราชอบคุยเรื่องรถและเรื่องเที่ยว และพี่ชายเขาใจดีมาก อายุไล่ๆกับผมเราจึงเหมือนพี่น้องเลย ถ้าเขายังอยู่ผมเชื่อว่าผมต้องคุยกับเขาแน่นอนเพราะเขาเองก็คบกับแฟนมานานอยากแต่งงานเหมือนกัน แต่ยังเก็บเงินยังไม่พร้อม คล้ายๆผมแหล่ะที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งกำลังสร้างอานาจักรของตัวเอง

ผมบอกแฟนเสมอว่าถ้าผมไปรับเธอมาอยู่ด้วย ผมจะไม่ให้เธอลำบากหลังแต่งงานแน่นอน เราจะช่วยกันสร้างหาอะไรทำเพิ่มเติมเพื่อมีลูกเราจะได้พร้อมเจอทุกภาระและผมเองก็หน้าที่การงานไปได้สวยมากแล้ว

กลับมาหลังจากผมได้พูดคุยกับพี่สาวของเธอไป เธอบอกว่าได้เอาเรื่องราวนี้ปรึกษากับแม่แล้ว และพี่สาวก็ร่ายยาว...

ทุกบ้านต่างก็มีปัญหากันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรื่องการเงินหรือเรื่องการงานแม่คิดว่าผมมีเวลาให้ลูกเค้าน้อยเกินไป ทำไมเล่นเกมถึงมีเวลาเล่น ทำไมต่อโมเดลเป็นวันๆ ทำได้การแต่งงานมันเหมือนเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง แม่โดนใครต่อใครถามแม่ก็ไม่มีคำตอบให้เค้า ตัวน้องเองก็สู้หน้าใครไม่ได้สามปีแล้วก็เงียบ ไม่ใช่อยากไปก็ไป อยากมาก็มา บางครั้งอายุ ผญ การมีลูกมันก็รอไม่ได้ หรือเพราะทางนี้เรื่องการมีครอบครัวเราถือเป็นเรื่องใหญ่ตามประสาคนจีน ตอนพี่แต่งก็แต่งตอนยังไม่พร้อม มีหนี้สินมากมาย ตอนนั้นก็แต่งยังไม่มีบ้านเหมือนกันสุดท้ายแม่อวยพรให้ผมโชคดี มีอนาคตที่ดี เป็นหลักเป็นฐานมั่นคง เจอคนที่ดีและใช่ในวันเวลาที่เหมาะสม พร้อมแล้วก็จะได้เริ่มกับคนใหม่ได้โดยไม่มีปัญหาอีก...

ณ เวลานั้นเหมือนโลกทั้งใบได้พังทลายลง

ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรที่บ้านของแฟนผม ผมบอกประเด็นเรื่องเล่นเกมตัดไปได้เลยผมไม่ได้จับเกมมาปีนึงแล้ว ตั้งแต่งานเยอะส่วนโมเดลที่ผมต่อนั่นก็ซื้อมาดองไว้หลายเดือนแล้วแต่ไม่ว่างต่อเลย เพิ่งจะมามีโอกาสมานั่งทำในวันที่ผมว่างวันอาทิตย์ที่หยุดปกติผมหยุดงานวันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้น และสัปดาห์นั้นผมว่างไม่ได้ไปหาแฟนที่ กทม และตอนต่อคุณแฟนก็ติดงานทำธุระตั้งแต่เช้าถึงค่ำกลับมายังมาเฟสไทม์นั่งคุยกันไป ดูผมต่อโมเดลไป ครื้นเครงปกติดี

ทำไมแม่เข้าใจว่าผมไม่มีเวลาให้ลูกสาวแม่ เพราะผมเอาเวลาส่วนตัวไปลงกับอย่างอื่น ไม่ได้ให้เวลากับลูกสาวแม่เพียงพอเหรอไม่ใช่ละ ดูเหมือนแฟนผมเธอคงไปเล่าให้ที่บ้านมองผมผิดมากๆ จริงๆเธองอนผมเรื่องแค่ผมไม่มีเวลาคุยแชทไลน์กับเธอเพราะผมทำงานยุ่งไม่ใช่เหรอ แต่ประเด็นมันแตกไปมั่วซั่วมากเลยที่ฟังจากที่พี่สาวว่ามา

ทำไมแม่และพี่สาวตั้งใจมองแต่ประเด็นเรื่องผมมัวแต่สร้างความมั่นคง ไม่มาขอซักที และเหมือนท้ายประโยคเหมือนตัดหางไม่สนใจใยดีกับผมเลยไม่ดีใจเหรอที่ผม พร้อมแล้วสามารถดูแลลูกแม่ได้แล้วไม่ต้องมากัดก้อนเกลือกิน ทนลำบากในชีวิตคู่หรือเลี้ยงลูกไปตามยะฐากรรมตามมีตามเกิด ผมไปคุยกับผู้ใหญ่ตามที่ตกลงกับแม่แล้ว เตรียมที่จะมาคุยตามที่แม่ต้องการนะ ทำไมเป็นแบบนี้

ผมเสียใจมาก ผมก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเขาโดนญาติๆกดดันอะไรมารึป่าว หรือมีฝ่ายคอนเซาท์เยอะ มีคนมาทาบทามเยอะรึเปล่า เพราะเห็นผมไม่แต่งซักที ผมได้แต่คิดมาก และทำอะไรไม่ได้

ที่พึ่งสุดท้ายก็คือครอบครัวเธอก็คล้ายปฏิเสธผมกลายๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้าครั้งสุดท้ายสองสัปดาห์ก่อนที่เจอหน้ากันทุกอย่างปกติดี ญาติๆที่มาร่วมงานผมก็ทักทายสวัสดี ยิ้มแย้มแจ่มใสปกติมาก

ผมคิดมากมาตลอด ผมทำอะไรผิดมากมายขนาดนี้เชียวหรือ ผมก็สามารถทำตามที่พูดได้แล้ว ในสามปีผมปฏิญานไว้และสร้างได้มาจนขนาดนี้ บ้านผมธุรกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ผมปล่อยให้แฟนผมรอนานขนาดนั้นเลยเหรอ?เขาเลือกปล่อยมือผมง่ายๆ ด้วยเหตุผลต่างๆที่พรั่งพรูออกมาก่อนตัดสินใจทิ้งผมไว้เดียวดาย

อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยบรรยากาศการสูญเสียคนที่รักในครอบครัว มันทำให้ที่บ้านแฟนผมคิดมากกลัวผมไม่มาขอเหรอ?

ผมคุยแล้วไง

ที่น่าตลกคือหลังจากแฟนผมขอห่าง และไม่ติดต่อกลับอีกเลย สองวันถัดมาผมได้รับ จม.ว่าเรือนหอของผมเสร็จแล้วพร้อมโอนผมกับแฟนนัดกันไว้ตลอดว่าเราจะรีบแต่งห้องให้เสร็จกัน เพราะผมมีเงินเก็บราวสี่แสนกว่า รีบทำเลย จากนั้นจะได้แต่งๆกันซะที

แต่วันนี้เธอไม่อยู่แล้ว

ผมได้แต่งง ว่าเกิดอะไรขึ้น ขนาดยังไม่แต่งกัน ปัญหาแบบนี้ ไอ้ที่เราเคยสัญญาอะไรกันไว้ ผมทำจนจะสำเร็จ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายเดินจากไปจะให้ผู้ใหญ่ไปคุย แม้จะแต่งปีหน้า ผมไม่ได้ให้เธอรอถึง 4 ปีซะเมื่อไร อายุเธอก็จะขึ้น 32 ส่วนผม 34 ปลายปีนี้ เข้าใจอยู่ว่าเยอะแล้วอยากแต่งงานแต่ตอนนี้ปวดร้าวหัวใจสุดๆ หนักที่สุดในชีวิต แฟนเก่าๆที่เคยเลิกไปนั่นเพราะผมเจอแต่คนไม่ดี แอบคบคนอื่นผมจับได้ผมตัดใจได้สบายมาก แต่สำหรับคนนี้ ผมรู้สึกผูกพันธ์มาก เรามีแต่ช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน เราไปด้วยกันในทุกที่

ผมได้แต่คิดว่าผมผิดอะไรมากมาย เพียงแค่ในระยะเวลาที่เธอบ่นว่าผมไม่มีเวลาให้ ไม่กี่เดือนก่อนหน้าทั้งที่ทุกอย่างผมก็ทำเพื่อเธอ เธอเองก็รู้เราพูดคุยกัน วางแผนกันมาตลอด ทำไมถึงเลือกเหตุผลให้ผมดูแย่ในสายตาครอบครัวเธอ

ตอนนี้เธอคงหมดรักผมแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าคนที่รักกันดีกันมาตลอดเหตุผลเหล่านั้นเพียงพอทำให้เธอหมดรักเชียวหรือทั้งๆที่ทุกอย่างก็กำลังไปได้สวยเกือบจนจบอยู่แล้ว เรากำลังจะได้แต่งงานกัน แต่เธอกลับทิ้งผมไป

ถ้าเรื่องของเรามันจบแบบนี้ ผมคงค้างคาใจไปตลอดชีวิต ผมเหนื่อยเหลือเกินกับความรักไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับใครแล้ว พอรักเค้ามั่นใจก็ให้เค้าหมดใจ ขนาดคนนี้ที่ตั้งใจวาดฝันร่วมกัน ลงมือทำจนใกล้ถึงฝั่งฝันแล้วกลับต้องมีเรื่องแบบนี้อย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน เฮ้อ... ขอบคุณที่ทุกคนสละเวลาอ่านนะครับ

สาธยายยืดยาวมาก คิดซะว่าผมขอพื้นที่ระบายละกัน ผมไม่ได้ปรึกษาใครเลย ได้แต่เก็บมาทนทุกข์คนเดียวอีกไม่นานครอบครัวผมต้องรู้แน่ ไม่รู้จะทำยังไงดี เหมือนเค้าชัดเจนว่าจะไม่กลับมาแน่นอนแล้วส่งข้อความมาว่าของที่ผมให้จะทยอยคืนให้

ผมไม่อยากให้ที่บ้านรู้เพราะ พ่อแม่ท่านก็คงจะรู้สึกไม่ดีกับเธอแน่ๆ และเชื่อเลยว่าพ่อผมต้องถามแน่ๆหากเขากลับมา ถ้าแต่งงานกันไปมีปัญหาชีวิตคู่แล้วไม่หนักแน่น หายไปแบบนี้จะทำยังไง ลูกจะรับไหวไหมกับแค่ผมทำงานก็เพื่อเธอจะได้มาอยู่ด้วยกัน ผมสร้างทุกอย่างก็เพื่อให้เธอมาอยู่กับผมได้อย่างมีความสุขไม่ได้ไม่มีเวลาขนาดที่ว่า ติดต่อไม่ได้ หายไป ผลุบๆโผล่ๆ มีลับลมคมใน ผมยุ่งแค่ไหนก็ไม่เคยไม่รับสายเธอเพียงแค่มีเวลาเล่นไลน์กับเธอน้อยนิด ไม่สามารถเล่นกับเธอได้หมือนก่อน อะไรมันจะรุนแรงได้ถึงขนาดนี้

ตอนนี้ก็ยังบล็อคโทรศัพท์ผม มีแค่ข้อความบอกแต่ว่าเค้าอยากให้ผมไปเจอคนที่ดี ที่เหมาะสมกับผม มีเวลาตรงกับผมผมเป็นคนดี แต่เค้ากลับมาก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่ายื้อเค้าอีกเลย

เขาคงไม่กลับมาจริงๆครับ ผมคงต้องทำใจ แต่ยังไม่รู้จะทำยังไงเลย ทำใจไม่ได้

ปล.ผมมั่นใจเลยครับว่าไม่มีเรื่องมือที่สามหรือคนอื่นแน่นอน ตั้งแต่คบมาผมเฟสไทม์ส่งเธอนอนทุกคืนยันตีหนึ่งโน่นกว่าผมจะปิดและอีกอย่างเธอเป็นคนนอนเร็วไม่เกินสี่ทุ่มต้องหลับละ ที่ทำงานก็มีแต่ ผญ เธอเป็นคนดีที่สุดที่ผมเคยพบมา อีกอย่างเธอไม่มีเพื่อนหรือสังคมในเมืองไทยเลย เพื่อนไทยสมัยเด็กๆก็ห่างไม่ได้ติดต่อ เธอเรียนเมืองนอกมาตลอดจนกลับมาอยู่ไทย และผมก็ได้มารู้จักเธอเพราะเพื่อนชาวต่างชาติของผมดันเป็นเพื่อนเธอ เราจึงถูกชะตาและได้คบกัน



บทความแนะนำ


แอดมิชชั่นคะแนนสอบข่าวต่างประเทศข่าวจีนบันไดเลื่อนหนีบแอดมิชชั่น58addmission58การศึกษาทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก