อยากรักกันให้ยืด.. ควรมีช่องว่างระหว่างกัน

อ่าน 14,972

...อารมณ์ที่ดึงดูดผู้หญิงกับผู้ชายเข้าหากัน เกิดขึ้นแล้วก็สลายไป เกิดขึ้นจริงแล้วก็สลายจริง เมื่อมันมาควบคู่กับความหลง แต่ถ้าเป็นความรักด้วยความเข้าใจแล้วนี่มันยากที่จะสลาย เขาอยากจะไปหลงคนอื่นบ้างก็เรื่องของเขา เพราะเขาจะต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ในที่สุดเขาควรจะคิดได้เองว่า เขาสามารถอยู่กับความหลงใหลได้จริงๆ หรือ...

คำพูดข้างบนนี้เป็นของ คุณเป็กก์ ? ศิเรมอร อุณหธูป นักเขียนชื่อดัง

อ่านแล้วอาจรู้สึกแปลก แต่เพราะความแตกต่างนี่เองที่เราอยากชวนให้คุณมาแลกเปลี่ยนความคิด ความเห็น ในมุมมองต่อความรักที่คุณเป็กก์เล่าให้เราฟัง โดยบอกว่าเหตุการณ์ช่วงต้นของชีวิตคู่นั้นผ่านมานานเหลือเกินจนไม่น่าจะหยิบยกมาพูดถึง แต่ถ้าหากพอมีประโยชน์ต่อชีวิตคู่อื่น ๆ บ้างก็ปฏิเสธยาก

เริ่มต้น : วัยของการเรียนรู้

"เริ่มชีวิตคู่เมื่ออายุ 26 ปี สามีอายุเท่า ๆ กัน เป็นสจ๊วร์ตเนื้อหอมหวนทวนลม มีแอร์โฮสเตสมาติดพันเป็นระยะ กระทั่งคนหนึ่งเป็นแอร์รุ่นน้อง มาแสดงตนที่บ้าน เราก็ต้อนรับดี แต่หลัง ๆ ชักหนักขึ้น เช่นเธอนั่งคล้องแขนเขาในบ้านของเราบ้าง เขาก็ทำหน้าปูเลี่ยน ๆ หายขึ้นไปบนห้องของเราบ้าง ว่าไปฟังเพลง ปล่อยเพื่อนของเธอที่มาด้วยนั่งอยู่ข้างล่าง เราคุยจนไม่มีเรื่องจะคุย รู้สึกนานเกินไป จึงขึ้นไป ปรากฏว่าเปิดไม่ได้ ประตูล็อค

เราให้อิสระทั้งคู่ แต่ถ้าต่างควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยหันมาจาบจ้วงเราเพราะความเหิมเกริม โดยเฉพาะไม่รู้จักคำว่า'กาลเทศะ'และ'มารยาท'เรารู้สึกทันทีว่าต่างไม่ให้เกียรติเราแล้ว โดยเฉพาะสามี อยู่ในห้วงอารมณ์หลงเลยเถิดอย่างน้อยต้องตระหนักได้ว่านี่มันคือบ้านของเราอาจเพราะดิฉันคิดว่าเขาเติบโตทางความคิดเท่าเราหรือมากกว่าเรา...แต่ไม่ใช่ จึงเก็บของกลับไปบ้านแม่ สุดท้ายเขาโทรมา บอกว่ากลับบ้านเถอะ ทุกอย่างจบแล้ว

เราก็ไม่ได้ถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ได้สติ ดิฉันคิดว่าผู้ชายทุกคนถ้าตกอยู่ในอารมณ์หลง แล้วถ้าผู้หญิงไปพูดอะไรผ่าซาก ก็ยากที่อีกฝ่ายจะรับฟังแล้วถ้าไปกระชากหรือจัดการความรู้สึกกัน มันยิ่งเท่ากับไปโหมอารมณ์ให้กลายเป็นโทสะ ซึ่งจะมีแต่โมหะที่ฟัดอยู่กับโทสะของผู้หญิง ก็จะยิ่งอุตลุด มุทะลุไปกันใหญ่ จะกลายเป็นสงครามในบ้านโดยที่ไม่จำเป็น

"เขาเป็นคนอ่อนไหว ชอบอารมณ์รักช่วงดึงดูดถ้าเราไม่เป็นคนขี้หึง เราจะมองทะลุอะไรหลายอย่างได้เรียนรู้ ได้เห็นอกเห็นใจ เขาอ่อนแอกว่าเราในเรื่องอารมณ์เหล่านี้"

เขาเป็นคนอ่อนไหว ชอบอารมณ์รักช่วงดึงดูด นั่นก็คือช่วงที่ยังเป็นความหลง ดิฉันพยายามเข้าใจสิ่งที่เข้ามาสู่ชีวิต ถ้าเราไม่เป็นคนขี้หึง เราจะมองทะลุอะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ได้เห็นอกเห็นใจ เขาอ่อนแอกว่าเราในเรื่องอารมณ์เหล่านี้ ก็ปล่อยไป เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้ในฝั่งของเขาเอง บางครั้งเราก็ขำ แต่ถ้าล้ำเส้นเกินไป ขำไม่ออกก็มีเหมือนกัน

คือแทบจะทุกคู่ มีความหลงรักเป็นตัวดึงดูดให้สองคนเข้ามาใกล้ชิดกัน แต่เมื่อได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว จะมีรายละเอียดมากขึ้นเริ่มเห็นว่าทั้งสองฝั่งต่างก็มีทั้งภูมิหลัง นิสัยใจคอ ความคิดเห็น รสนิยม ฯลฯ ซึ่งมันไม่มีทางที่จะกลมกลืนกันได้ทุกเรื่อง เราถึงต้องมีช่องว่างให้กัน ไว้หายใจตามลำพัง

ดิฉันคิดว่าผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ คิดว่าร่วมหัวจมท้ายแล้วตัวต้องติดกันเป็นปาท่องโก๋ แต่สำหรับดิฉันควรต้องมีช่องว่างให้ฝ่ายหนึ่งเติบโตในฝั่งของเขา ในฝั่งของเรา และเติบโตร่วมกันในชายคาเดียวกันของชีวิตคู่นั่นละค่ะ

อารมณ์ที่ดึงดูดผู้หญิงกับผู้ชายเข้าหากัน เกิดขึ้นแล้วก็สลายไป เกิดขึ้นจริงแล้วก็สลายจริง เพราะมันมักมาควบคู่กับความหลงแต่ถ้าเป็นความรักด้วยความเข้าใจแล้วนี่มันยากที่จะสลายดิฉันคิดว่าเราต่างก็ต้องการเวลาที่จะเข้าใจชีวิต ทั้งของตนเอง และของคนคู่ ดังนั้นเขาอยากจะไปหลงคนอื่นบ้างก็เรื่องของเขา เพราะเขาจะต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ในที่สุดเขาควรจะคิดได้เองว่าเขาสามารถจะมีชีวิตอยู่กับความหลงใหลได้จริง ๆ หรือ...

ดิฉันอาจจะเป็นคนที่ชอบมี space ระหว่างกัน จะได้ไม่อึดอัด ชีวิตมันจะได้หลวมๆ space ของดิฉันใช้หมดไปกับการเดินทางในธรรมชาติ ส่วนของเขาก็เป็นสิทธิที่เขาจะเลือก มีข้อแม้ที่ควรจะรู้ได้เองว่าควรให้เกียรติและรู้กาลเทศะ ไม่จำเป็นต้องคุยกันเป็นข้อตกลง

แต่เรียนรู้ซึ่งกันและกันไปตามธรรมชาติ หรือไปตามที่ธรรมชาติของแต่ละคนเป็น ตามประสบการณ์และวิธีแบบนี้ที่ดิฉันมอง ถ้าเป็นคนอื่นคงบ้านแตกไปแล้ว ด้วยความคิดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จึงมีอารมณ์หวงหึงนำหน้าตะพึดจนมักมืดทึบทุกด้าน"

วัยทอง : หลุมพรางกลางชีวิต

"เมื่อเราอยู่ด้วยกันมาจนกระทั่งต่างคนต่างเข้าสู่วัยทอง ฮอร์โมนเปลี่ยนในช่วงเลข 5 น่ากลัวค่ะ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง ตอนนั้นคิดว่าไม่ทนแล้ว ทุกนิสัยที่เราเคยเข้าใจได้ เข้าใจไม่ได้ก็มองข้ามได้ พอฮอร์โมนเปลี่ยน ทนไม่ได้ทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องผู้หญิงอื่นแต่เป็นปัญหาสำหรับคนสองคนที่อยู่ชายคาเดียวกันแล้วเวลาเป็นนี่ไม่รู้ตัวนะคะ เพราะหน้าที่ของฮอร์โมนคือดูแลรักษาจิตใจกับร่างกายเราให้สมดุล ดิฉันถูกตัดมดลูกกับรังไข่ตั้งแต่ปี 2533 ทานฮอร์โมนวิทยาศาสตร์แค่ 2 ปีเอง

สภาพที่ดิฉันขาดฮอร์โมนมานาน โดยที่ไม่รู้ตัวว่ามันจะมีผลมากขนาดนั้น ทั้งมาเจอในฝั่งอารมณ์ของเขาที่ไม่สามารถควบคุมความมุทะลุร้าย ๆ ได้ จึงเก็บของหายไปจากชีวิตเขา 3 ปี ทำให้เขาและเราได้อยู่กับตัวเองนานมาก ตอนนั้นเพื่อนบอกว่าเธอทำผิดพลาดที่เก็บของออกไปหมด คือวันนั้นไม่ได้คิดจะกลับไปอีกแล้ว

วันหนึ่งเขาป่วย โทรมาหา ดิฉันไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ และไม่ใช่คนที่มีนิสัยผูกใจเจ็บกับสิ่งใด ๆ ในโลก ก็กลับไปอยู่เป็นเพื่อนเขา ตามกาละโอกาสที่จะเป็นไปได้ เพราะเราก็ชอบที่จะมีชีวิตตามลำพังเหมือนกัน เห็นใจที่เขาไม่มีใครจริง ๆ "

วันนี้ : กลับมาพร้อมความเข้าใจ

"กลับมาครั้งนี้ ชีวิตมันปรับตัวของมันเอง ตามประสบการณ์ ตามการเรียนรู้ อาจมีอะไรสะดุดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับใจของดิฉันเอง วัยทองที่เดินจากไปแล้วเพราะดิฉันเริ่มทานฮอร์โมนธรรมชาติมาได้ระยะหนึ่ง อาการประสาทกินก็หายไปเกลี้ยงแล้ว ส่วนเขาก็เริ่มฟังความเห็นของเราได้โดยไม่ใช้อารมณ์นำหน้า การได้อยู่คนเดียวอาจทำให้มีเวลาคิดไตร่ตรอง ประนีประนอมขึ้น ไม่เอาตัวเองเป็นใหญ่

เป็นความสัมพันธ์อีกแบบที่แข็งแรงขึ้น เพราะมันผ่านวิกฤตต่าง ๆ มาแล้ว มีช่วงที่ได้อยู่คนเดียว เราก็บ้ากับอาการวัยทองของเราเองจนมองไม่เห็นตัวเองเลยตลอด 3 ปี ผอมเหี่ยวแห้งแรงไม่มี ระหว่างนั้นมีผู้ชายเข้ามา...ก็เป็นเพื่อนดีกว่า ดีที่สุด พอกินฮอร์โมนธรรมชาติผ่านไปสัก 3 เดือน (สิ่งที่ทำจากธรรมชาติต้องใช้เวลารอ ตรงข้ามกับฮอร์โมนวิทยาศาสตร์) ก็เริ่มเปล่งปลั่งขึ้นมาเลย หน้าตาเป็นผู้เป็นคนขึ้น มีน้ำมีนวล ใต้ร่มผ้าก็เปลี่ยนแปลงด้วย ฮอร์โมนตัวนี้ช่วยให้กลับไปเป็นสาวอย่างไร ต้องคุยกันนอกรอบค่ะ ดิฉันยังทานยาบำรุงเลือดของบ้านอโรคยาด้วย ชื่อ'ทองเนื้องาม'จิตใจก็เปล่งปลั่งด้วย เหมือนได้ชีวิตคืนมา

...ค่ะ เรากลับมาเป็นเพื่อนชีวิตกันได้ 2 ปีแล้ว แต่แบบไปกลับ 2-3 วันอยู่ด้วย 4 วันกลับ บ้างก็ 7 วัน หรืออาจมากกว่านั้นแล้วแต่เดินทางหรือไม่ห้องส่วนตัวที่เราต่างมีคนละห้องตั้งแต่แรก เพราะเราต่างเป็นนักเขียน ต้องการความเป็นส่วนตัวในการคิด ? เขียน เมื่อดิฉันขนของกลับไปหมดเกลี้ยงคราวนั้น น้องสาวของเขามายึดไปแล้ว เขาบอกกับดิฉันว่าเพราะคุณทิ้งห้องของคุณไปเอง ดิฉันไม่ได้ปรารถนาอะไรกลับมาอะไรที่เกิดขึ้น เดี๋ยวมันก็ต้องผ่านไป เร็วช้า เมื่อไม่มีการคาดหวัง เราก็จะไม่มีเรื่องผิดหวัง สมหวัง ปล่อยให้มันเป็นกลาง ๆ ของมันไป

เขาบอกว่าดิฉันเปลี่ยนไป ความอ่อนหวานก็หายไป กลายเป็นคนทื่อๆ กลายเป็นคนทำอะไรเร็ว เดินเร็ว รีบร้อน พูดเร็ว อยู่บ้านแม่ต้องทำงานแข่งกับเวลา อันตรงข้ามกับนิสัยของดิฉันที่ช้าและประณีต ประสบการณ์บ้านแม่สอนฝั่งที่เร็วรีบแล้วล้มเหลวอย่างไร เพื่อให้รู้จักปรับไปอยู่ตรงกลาง ๆ ให้ได้ เพราะการสุดโต่งทั้ง 2 ด้านไม่เป็นคุณเราควรมีเวลาส่วนตัวเพื่อรื้อตัวเอง และรื้อฟื้นตัวเอง (Reinvention) การได้อยู่คนเดียวคือการได้ชำระสิ่งที่ไม่ดีทิ้ง ที่มันไม่ใช่ตัวเราแต่แทรกอยู่ในตัวเรา มีเวลาสะสางออก และมีเวลาที่จะพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายให้พอเพียงด้วย

"ถ้าสามารถมองมันด้วยสายตาที่ผ่านประสบการณ์จริงก็จะเห็นความงามในชีวิตของกันและกันได้โดยไม่ต้องโทษกันเมื่อมีเหตุการณ์อะไรก็ตามผ่านเข้ามาอีกเราก็จะมองเห็นความธรรมดาของทุกสิ่งแล้วมันก็จะง่ายขึ้นในทุกเรื่อง"

ต่างจากช่วงแรกที่เรายังไม่ลงรอยกันหลายเรื่อง คือพอความรักอยู่ตัวแล้ว จะมีรายละเอียดต่าง ๆ ออกมาเหมือนในห้องน้ำที่มีแค่สบู่ก้อนของเธอก้อนของฉันใช้ร่วมกัน ตอนหลังมีเจลอาบน้ำ แชมพูที่เธอชอบ ฉันไม่ชอบ เคมีสังเคราะห์มั่ง สมุนไพรมั่งรายละเอียดค่อย ๆ โผล่เข้ามาในชีวิต พอไม่เข้าใจรายละเอียดหรือไม่สามารถเชื่อมโยงวิธีคิดให้สัมพันธ์กับวิถีชีวิตคู่ ก็แย่มากแย่น้อยแล้วแต่...ถึงตอนที่ตกผลึกทั้งความคิดที่ผ่าน ทั้งประสบการณ์จริง ก็จะเป็นความเข้าใจที่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองตะพึด กลายเป็นความเข้าใจที่ไม่ได้มีความเห็นว่าถูกหรือผิด

ในวิถีชีวิตคู่จะอยู่บนฐานของคำว่าผิดถูกไม่ได้ ดิฉันเชื่อเช่นนั้น เพราะต่างอยู่ในช่วงที่ต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ซึ่งต้องให้เวลากันและกัน เรียนรู้ช้าบ้างเร็วบ้าง แล้วเราจะรักษาสิ่งที่มันเริ่มตกผลึกเป็นความเข้าใจต่าง ๆ โดยทำให้มันงดงามอย่างไร ไม่ขุ่น ไม่มัวอีก

ถ้าสามารถมองมันด้วยสายตาที่ผ่านประสบการณ์จริง ก็จะเห็นความงามในชีวิตของกันและกันได้โดยไม่ต้องโทษกัน เมื่อมีเหตุการณ์อะไรก็ตามผ่านเข้ามาอีก เราก็จะมองเห็นความธรรมดาของทุกสิ่ง แล้วมันก็จะง่ายขึ้นในทุกเรื่อง

เขาเองก็อาจตกผลึกในส่วนของเขาด้วย ส่วนใดก็แล้วแต่ ไม่ใช่จากเราฝั่งเดียว ต้องมาจากทั้งคู่ เพราะคำว่า'คู่'ไม่ใช่ใครคนใดคนเดียวเมื่อเรารู้จักรักษามัน มันก็ยังคงอยู่ไปได้ ในแบบคู่ใครคู่มันน่ะค่ะ มีอิสระตามธรรมชาติที่ดี ไม่คาดหวังเกินธรรมชาติของแต่ละคน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ความสุขจะเกิดขึ้นได้ในชายคาเดียวกัน"



บทความแนะนำ


โปรโมชั่นFurnitureศูนย์สิริกิติ์SaleGrandพันนาฤทธิไกรสามีภรรยาลูกชายลูกบุญธรรมภาพยนตร์ทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก