แต่งงาน = เพิ่ม งานบ้าน ให้ ผู้หญิง

อ่าน 11,716

สาว ๆ คนไหนที่อยากแต่งงานอาจต้องพิจารณาข่าวนี้เป็นพิเศษ เมื่อมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนชี้ว่า หลังแต่งงานไปแล้ว ผู้หญิงเราจะต้องทำงานบ้านมากขึ้นกว่าเดิม เหตุเพราะต้องทำเผื่อ (ว่าที่) สามีที่อาจจะทำงานบ้านน้อยลงนั่นเอง

แฟรงค์ สตาฟฟอร์ด นักวิจัยจากสถาบันวิจัยด้านสังคม มหาวิทยาลัยมิชิแกน ผู้ทำการวิจัยหัวข้อดังกล่าวให้ความเห็นว่า ? มันเป็นรูปแบบการแบ่งหน้าที่ของสามีภรรยาที่พบเห็นได้ทั่วไปในสังคม โดยจะสังเกตได้ว่า ผู้ชายมักจะชอบงานที่ต้องอยู่นอกบ้าน เช่น ทำสวน รดน้ำต้นไม้ อาบน้ำให้สัตว์เลี้ยง ฯลฯ มากกว่างานในบ้าน เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า และมักจะยกงานเหล่านั้นให้เป็นหน้าที่ของภรรยา ?

แม้จะมีบางครอบครัวที่ประสานประโยชน์กันได้ลงตัว แบ่งงานกันทำไม่เกี่ยงงอน แต่โดยทั่วไปแล้ว ทีมวิจัยพบว่า การแต่งงานหมายถึงภาระงานบ้านที่เพิ่มขึ้นของฝ่ายภรรยา และงานบ้านที่น้อยลงของฝ่ายสามี ซึ่งภาระในบ้านของผู้หญิงจะยิ่งหนักขึ้น เมื่อเธอตั้งครรภ์และมีบุตร โดยในกรณีของสาวโสด ช่วงเวลาการทำงานบ้านอยู่ที่ 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนสาวไม่โสดจะมีช่วงเวลาการทำงานบ้านอยู่ที่ 21 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เลยทีเดียว และถ้าหากมีบุตร งานบ้านสำหรับภรรยาอาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่สามีจะทำงานบ้านประมาณ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น

ตอนเริ่มคบกันยังช่วยบ้าง ทำไม แต่งงาน แล้วไม่ช่วย?

แชนนอน เดวิส นักสังคมวิทยา จากมหาวิทยาลัยจอร์จ มาสัน ในเวอร์จิเนีย อีกหนึ่งนักวิจัยผู้ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของหญิงและชายให้ความเห็นว่า ในช่วงที่ยังไม่แต่งงาน ผู้ชายมักเป็นฝ่ายช่วยเหลืองานบ้านของฝ่ายหญิง แต่ทันทีที่แต่งงาน พวกเขาก็พร้อมจะเปลี่ยนไป ? เมื่อเอ่ยถึง การแต่งงาน มันกลายเป็นสถานะ ๆ หนึ่งที่มีผลต่อการช่วยงานบ้านของทั้งหญิงและชาย แม้แต่คู่รักที่นิยมความเสมอภาค ก็ไม่ต่างกัน ?

นอกจากนี้ นักวิจัยรายนี้ยังระบุอีกด้วยว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ชายส่วนใหญ่ทำงานบ้านน้อยกว่าผู้หญิงก็คือ ปัจจัยเรื่องรายได้ เพราะในปัจจุบัน ผู้ชายยังคงเป็นหัวเรือใหญ่ในการหาเงินเข้าครอบครัวอยู่ และเมื่อผู้หญิงเป็นฝ่ายหารายได้ได้น้อยกว่า จึงทำให้ผู้หญิงมักจะยอมรับภาระในการทำงานบ้านที่หนักกว่านั่นเอง

อย่างไรก็ดี ในประเด็นของ ?รายได้? นั้นมีความพิเศษเพิ่มขึ้น เมื่อผู้วิจัยพบว่า ทั้งฝ่ายสามีและภรรยาสามารถใช้สิทธินี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยใครที่หารายได้เข้าครอบครัวได้มากกว่าอีกฝ่าย จะมีแต้มต่อมากขึ้นเมื่อต้องเจรจาต่อรองเรื่องการทำงานบ้าน

ผลวิจัยชี้ สามี ทำงานบ้าน = สุขภาพดี ชีวิตรักเป็นสุข

อ่านมาถึงจุดนี้ อาจมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่จากงานบ้านที่ฝ่ายชายเคยส่ายหน้าไม่ขอทำ ใครจะทราบว่า ก็ยังมีข้อดีแฝงอยู่ เมื่ออีกหนึ่งผลการศึกษาจากนักวิจัยชาวสหรัฐอเมริกายังพบด้วยว่า การที่ผู้ชายทำงานบ้าน และช่วยเลี้ยงลูกนั้น จะทำให้ชีวิตรักระหว่างสามีภรรยาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ดร.จอห์น ก็อตแมน นักวิจัย และแคลร์ ราบิน นักจิตวิทยา เผยว่า การที่สามีและภรรยาหาวิธีแบ่งเบางานบ้านได้ลงตัวนั้น จะมีผลโดยตรงต่อทั้งคู่ โดยเฉพาะในแง่ความรู้สึก ? การปล่อยให้ภรรยาเกิดความรู้สึกว่าเธอไม่ได้รับความยุติธรรมจากการแบ่งงาน บ้านไม่ลงตัวนั้น ส่งผลต่อสถานะของครอบครัวอย่างลึกซึ้ง และสุดท้ายมันจะย้อนกลับมาทำร้ายสามีในที่สุด ?

โดยงานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า ผู้หญิง จะรู้สึกดี และจะให้เกียรติสามีมากขึ้น เมื่อพวกเขาลงมาช่วยเธอทำงานบ้าน หรือดูแลลูก ๆ และเมื่อผู้หญิงรู้สึกเช่นนั้น พวกเธอก็พร้อมที่จะตอบแทนด้วยสิ่งดี ๆ ความรู้สึกดี ๆ ให้สามีกลับคืน ใน ทางตรงกันข้าม หากผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยนั้น ไม่ยอมช่วยงานใด ๆ จนเธอรู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนคนรับใช้ในบ้าน ผลลัพธ์ที่ตามมาหนีไม่พ้นความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลง

การทำงานบ้านยังส่งผลต่อสุขภาพของฝ่ายชายในแง่ดีด้วยว่าทำให้สุขภาพ แข็งแรง และทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยา ทำให้ภรรยาไม่เหนื่อยมาก และยังช่วยลดข้อขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นภายในบ้าน จึงทำให้ไม่ต้องทะเลาะกัน หรือเกิดความเครียดขึ้นจากความไม่เสมอภาคดังกล่าว

เข้าใจผู้ชาย งานบ้าน ก็ง่ายขึ้น

การเกิดข้อขัดแย้งระหว่างสามีภรรยาเรื่องทำงานบ้านอาจไม่ใช่เรื่อง แปลก แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน Marty Friedman ที่ปรึกษาปัญหาของคู่สมรสให้ความเห็นว่า ? ผู้ชายส่วนมากจะทำงานบ้านก็ต่อเมื่อพวกเขาอยากจะทำ หรือไม่ก็ทำไปเพราะต้องการเอาใจภรรยา แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายมักไม่ค่อยเห็นความสำคัญของงานบ้านเท่าไรนัก แต่กลับมองว่ามันเป็นงานที่น่าเบื่อด้วยซ้ำไป ?

ซึ่งในมุมมองของเขานั้น หากภรรยาต้องการให้สามีช่วยงานบ้าน เธอควรมีวิธีการในการขอร้องที่เหมาะสม ประกอบด้วย

+ ขอร้องอย่างสุภาพและให้เกียรติ+ ใช้ข้อความที่เข้าใจง่าย ไม่สับสน+ บอกในสิ่งที่ภรรยาต้องการให้สามีช่วยทำอย่างตรงไปตรงมา+ หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำประชดประชัน เพราะจะทำให้ผู้ชายโกรธ หรือเสียหน้า แทนที่จะอยากช่วยเหลือ+ ให้เหตุผลว่าทำไมภรรยาจึงต้องการความช่วยเหลือจากสามี (และต้องบอกโดยไม่ทำให้สามีเข้าใจว่าเขาคือต้นเหตุของปัญหา)+ เดินออกจากที่นั้น ๆ ไป ปล่อยให้สามีได้จัดการด้วยตัวของเขาเอง ไม่ต้องลงไปจู้จี้จุกจิก หรือยืนกำกับการทำงาน+ ขอบคุณสามีอย่างจริงใจที่เขาช่วยเหลือ และบอกให้เขารู้ว่า ความช่วยเหลือของเขานั้น ดีต่อคุณมากเพียงใด



บทความแนะนำ


ลุงพลัดตกน้ำข่าวล่าสุดดูดวงความเชื่อพลัดตกน้ำปริ๊นซ์เพลงมันวนในใจทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก