ความรัก กับ การให้ ..
เมื่อเรายังคงวนเวียนอยู่ในวงเวียนของความรัก รอบแล้วรอบเล่าก็ยิ่งจะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงมากขึ้น เกิดพลังดึงดูดความรักแรงขึ้น รักอะไร รักใครก็จะพยายามดึงดูดสิ่งนั้นเข้าหาตัวเองอย่างไม่มีแรงผ่อนจึงถูกสายใยแห่งรักนั้ดึงรัดให้ต้องเจ็บปวดไปตามๆ กัน
เหมือนกับกีฬาชักกะเย่อ ที่ผู้เล่นต่างดึงเชือกเข้าหาตัวเองแล้วออกแรงดึงให้มาก นั่นหมายถึง ...เขาต้องเจ็บมือมากขึ้น...
ฝ่ายใดไม่อยากถูกเชือกรัดมือให้เจ็บปวด เขาก็ผ่อนเชือก หรือปล่อยเชือกนั้นเสีย แน่นอนว่าเขาจะไม่ได้รับเสียงปรบมือจากแรงเชียร์แต่เขาได้รับความปลอดภัยเป็นรางวัลสำหรับตัวเอง
ใครต้องการชนะในเกมรักนี้ ก็จะยึดความรู้สึกนั้นเอาไว้ให้แน่นออกแรงดึงให้มากความรักของคนประเภทนี้มักจะอึดอัด เจ็บปวดกันทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายรักและฝ่ายถูกรัก ยิ่งผูกพันกันนานวันเข้า ก็ยิ่งถูกเกลยวรัก เกลียวเสน่หาเกลียวแห่งความหึงหวง บีบรัดจนรู้สึกอึดอัด บางคนขาดใจตายด้วยแรงบีบรัดนั้นบางคนแม้จะไม่ขาดใจตาย แต่ก็มีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวด ทรมาน ทุรนทุรายด้วยแรงบีบรัดจากเส้นใยแห่งความรักอย่างน่าเวทนา
ถ้าใครต้องการมีสวัสดิภาพจากความรัก จึงควรมี "รักคือการให้" จะเป็นทุกข์น้อยกว่า ความรักประเภทรอรับอย่างเดียว
รักคือการให้ จะทำให้อบอุ่น ไม่ร้อนรน จนแทบจะถูกเผาไหม้รักคือการให้ จะทำให้รู้สึกปลอดภัยไม่ใช่รู้สึกหวาดระแวงกังวลไปต่างๆ นานา และอ่อนใจรักคือการให้ จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย ไม่เหน็ดเหนื่อยจนเหนื่อยหน่ายและอ่อนใจ
อย่าลืมว่า...ไม่ควรให้รักบีบรัดเรามากจนเกินไปต้องรู้จักผ่อนคลายความรักบ้างเพราะนั่น ...จะเป็นอิสรเสรีภาพที่แท้แห่งใจ
อย่าฝั้นเกลียวแห่งความรัก ให้รัดแน่นเกินไป จนยากแก่การผ่อนคลายอย่าดึงเส้นใยแห่งความรักให้ตึงเกินไปจนขาดผึงไปในที่สุด
มิฉะนั้น... คุณจะมีความรักอยู่อย่างอึดอัดทรมานหรือไม่ก็ต้องสูญเสียความรักไปอย่างน่าเสียดาย