เป็นตัวของตัวเองน่ะ ดีที่สุดแล้ว

?เมื่อเราผูกชีวิตไว้กับใคร...เราจะกลายเป็นคนขี้เกียจ ไม่อยากรับมือกับความท้าทาย พบเจอผู้คน หรือหาประสบการณ์ใหม่ๆ? เมื่อครั้ง Sara Eckel ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อเขียนหนังสือ It?s Not You : 27 (Wrong) Reasons You?re Single เธอมีโอกาสพูดคุยกับผู้หญิงหลายคนถึงชีวิตช่วงหนึ่งที่ยังไม่มีแฟน หรือยึดติดกับใคร...ถ้าถามว่าฉันเรียนรู้อะไรจากพวกเธอ?

คำตอบที่ได้คือ...ชีวิตโสดไม่ได้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ทำให้เรารู้จักตนเองเท่านั้น แต่ยังพัฒนาความแกร่งและความคิดที่ทำให้ชีวิตรักสุขสมยิ่งขึ้นด้วย พูดง่ายๆ สิ่งที่คุณเป็นตอนยังโสดสามารถส่งผลในแง่ดีต่อชีวิตคู่ด้วย หากคุณคิดถึงผู้หญิงบ้าบอสุดโต่งแต่น่ารักโคตรคนนั้น...ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่จะเรียกเธอกลับมากอบกู้ชีวิตคู่ให้แฮปปี้ขึ้น แต่ถ้าคุณเผลอผูกติดชีวิตตัวเองกับใครไปแล้ว นี่คือวิธีกอบกู้ความสุขและชีวิตรักให้กลับคืนมาซู่ซ่าสดใสยิ่งกว่าเดิม?

1. เลิกให้เขาทำทุกอย่างให้...สังเกตสิว่าเมื่อคุณทั้งสองเริ่มใช้ชีวิตคู่ ฝ่ายหญิงมักปล่อยให้แฟนจัดแจงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน งาน บ้าน หรือแม้แต่รถส่วนตัว หารู้ไม่ว่า การพึ่งพิงเขาทุกอย่างเป็นการบั่นทอนความมั่นใจในตัวเองและทำให้อีกฝ่ายแอบขุ่นเคืองที่แบกภาระอยู่คนเดียว ?ถ้าผู้หญิงที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ตัวตนของคุณจริงๆ คุณ (และเขา) อาจจะแอบผิดหวังในตัวผู้หญิงคนนี้อยู่บ้าง?

?หากเขาเคยหลงใหลในความเป็นสาวรักอิสระของคุณ แต่ตอนนี้คุณกลายเป็นสาวชาวเกาะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง คุณคงไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรักแล้วล่ะ!? และเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว...คุณต้องทำอะไรเองบ้าง แทนที่จะพึงพาเขาตลอดเวลา เช่น การโทรจองร้านอาหารหรือเปลี่ยนหลอดไฟเอง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่จะสร้างความมั่นใจให้กลับคืนมา และเป็นโอกาสให้คุณได้ทำอะไรเพื่อตนเองบ้าง โดยไม่ต้องรอฝ่ายชายจัดการตลอด

2. อย่าลืมสิ่งที่ทำให้รักกัน สมัยโสดฉันมักได้ยินเพื่อนที่แต่งงานแล้วบ่นบ่อยๆ ว่า สามีชอบทิ้งของเรี่ยราดตามพื้นบ้าน หรือชอบกวนใจเวลาอ่านหนังสือ...ฉันได้แต่คิดว่าถ้าเป็นฉันจะไม่คิดอะไรเลย! ?ตลกดีที่คุณกลับลืมสิ่งที่ตัวเองเคยคิดเวลาตัดสินใจลงหลักปักฐานกับใคร? ต่อให้เขาทำเรื่องดีๆ อย่างเสิร์ฟกาแฟถึงที่ยามเช้า หรือฟังคุณบ่นเรื่องแม่นานเป็นชั่วโมง แค่เขาลืมเติมน้ำในถาดน้ำแข็งนี่นะ! จำเป็นต้องอารมณ์เสียเหวี่ยงใส่เขา มันขนาดนั้นเลยหรือ

?คุณต้องรู้จักชื่นชมคนรักเหมือนสมัยคบกันแรกๆ เพื่อลดข้อบาดหมางและกลับมาหวานชื่นกันอีกครั้ง? จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ลง Personal Relationships พบว่า ?คู่รักที่มีความสุขมักพึงพอใจในความสัมพันธ์ และอยากขอบคุณสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้ เพราะความชื่นชมเหล่านี้ย้ำเตือนให้รู้ว่าคุณชอบหรือรักเขาเพราะอะไร? หากวันไหนที่รู้สึกว่าจะเสียผู้ชายคนนี้ไปเพียงเพราะความขี้หลงขี้ลืมนิดๆ หน่อยๆ คุณจะระลึกได้เองว่าควรปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านๆ ไป และรู้สึกว่าตนเองโชคดีแค่ไหนที่มีเขาอยู่

3. กล้าที่จะเป็นตัวเอง...จำได้ไหมว่า ก่อนหน้านี้คุณเคยคิดจะหั่นผมจนสั้นกุด หรือไปสักลายเจ๋งๆ ตามตัว ถ้าความอยากเหล่านั้นยังอยู่ แนะให้ไปทำซะโดยไม่ต้องแจ้งหรือขออนุญาตแฟนก่อน ?การเปลี่ยนโฉมเปรียบเหมือนเครื่องยืนยันตัวตน เพิ่มพลังชีวิตและย้ำเตือนให้รู้ว่าตัวคุณเป็นของคุณ? หากคุณปรึกษาแฟนก่อน เขาอาจหว่านล้อมให้คุณเปลี่ยนใจ แต่ถ้าคุณตัดสินใจทำเลย เขามีหน้าที่ต้องรับมือกับมัน และถ้าเขารักคุณจริง เขาต้องปรับตัวได้?

จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยไม่ต้องบอกกล่าวให้อีกฝ่ายรู้ เขาอาจช็อกหรืออึ้งชั่วขณะ การทำสิ่งแปลกใหม่ให้ชีวิตเป็นเหมือนการประกาศให้อีกฝ่ายรู้ว่า ?ฉันต้องการปลุกตัวเองและมันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก และหวังว่าคุณคงจะชอบมากเช่นกัน? สิ่งเดียวกันนี้อาจปลุกเขาให้นึกย้อนไปถึงตัวเอง...ชายหนุ่มที่คุณเคยหลงรักเช่นกัน

4.ทำอย่างที่ใจอยาก...หลังจากย้ายไปอยู่กับแฟนหนุ่มของเธอ ราเชล มาชาแสก เกิดอยากเข้าคอร์สเรียนโยคะนาน 3 สัปดาห์ แต่ตัดสินใจไม่สมัครเพราะเกรงใจที่ต้องทิ้งแฟนให้อยู่บ้านคนเดียว เธอได้แต่เก็บงำความอยากเอาไว้ จนวันหนึ่งรวบรวมความกล้าเอ่ยปากถามแฟน ปรากฏว่าเขายินดีเป็นอย่างยิ่ง ?ฉันรู้สึกดีมากๆ ก่อนหน้านี้ชั่งใจเพราะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ แต่เขากลับสนับสนุนเต็มที่? ผลที่ได้คือการคุยครั้งนี้ ปลุกให้ความรักกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ดังนั้น จงกล้าที่จะพูดหรือเอ่ยปากบอกอีกฝ่าย แต่คุณต้องรับฟังสิ่งที่เขาพูดด้วย นี่ยังไม่รวมถึงการมีสังคมส่วนตัวที่คุณออกไปพบเจอผู้คนซะบ้าง ?ความสัมพันธ์จะเริ่มน่าเบื่อถ้าคุณขลุกอยู่กับเขาตลอดเวลา เหมือนใส่ชุดอึดอัดไม่สบายตัวและไม่มีความสุขเอาเสียเลย? ลองให้เวลาตัวเองและอีกฝ่ายได้ทำสิ่งที่น่าสนใจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการกลับไปทำตัวเหมือนสมัยตอนยังโสด เที่ยวบาร์นู้นออกบาร์นี้ ออกงานคนเดียวโดยไม่ต้องควงเขาไปด้วย เวลากลับมาอยู่ด้วยกัน คุณจะเห็นคุณค่าของกันและกันและคุณทั้งคู่จะเต็มไปด้วยความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น