8 สิ่งที่ย้ำเตือนว่าเราเข้าสู่ชีวิตแต่งงานอย่างเต็มตัวแล้วสินะ!

อ่าน 11,918

ฤดูกาลแห่งการแต่งงานยังมีให้เห็นเต็ม feed ใน facebook ทุกวัน

ในฐานะของคนที่มีประสบการณ์ในการแต่งงานมาก็มีทุกข์และสุขเป็นธรรมดา

เหมือนตอนที่ยังโสดนั่นแหละ เป็นอีกบทเรียนโหดๆ

ในชีวิตที่ได้เข้าใจถึงความเป็นมนุษย์เมียว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ

ถ้าเราได้ผ่าน 8 ข้อนี้แล้วถือว่าเรามีชีวิตคู่เต็มรูปแบบแล้วล่ะ

1.วันนี้จะกินอะไรดี?

เมื่อก่อนสมัยที่ยังอยู่ตัวคนเดียว มีแฟนแต่ก็ยังอยู่คนละบ้าน

เราเคยลงมาที่โต๊ะกินข้าว แม่ก็เตรียมอาหารเอาไว้ให้หมด

หรืออยู่ห้องคนเดียว ลงมาสั่งกะเพราไก่ไข่ดาว มื้อนั้นก็จบแล้วแต่พอแต่งงาน

มนุษย์เมียก็ต้องมีห่วงอีก 1 ท้อง ถ้าเขาไม่ได้ไปไหนอยู่บ้าน

เราก็ต้องคอยถามแล้วว่าจะกินอะไร และถ้าเขาตอบกินอะไรก็ได้

เราก็ต้องคิดว่าเขาชอบอะไร ไม่กินอะไร จริงๆ ก็ขี้เกียจแหละ

แต่มันทำไปเองตามสัญชาตญาณเมีย

2. มีคนให้แชร์เรื่องต่างๆ ตลอดเวลา

อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงตัดสินใจแต่งงานอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้

เพราะเป็นแฟนกันยังมีความเกรงใจอะไร เอ๊ะ! เขานอนแล้วมั้ง ไม่กล้าโทรไป

แต่พอแต่งงานแล้ว

ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นก็มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งมองหน้าตลอดเวลา

มีอะไรก็ต้องหันไปเล่า ถึงบางทีเขาจะทำหน้าลอยๆ เล่นมือถือ

แต่เราก็ยังมีความสุขที่ได้เล่าเรื่องขำๆ (ที่เขาไม่เห็นขำ)

กลับบ้านไประบายความทุกข์ที่เจอในออฟฟิศ เม้าท์คนที่นั่งกินข้าวโต๊ะข้างๆ

แล้วเวลาเขามีอะไรเราก็ร่วมจอยแบบมีอินเนอร์ ไอ้นั่น ไอ้นู่น ไอ้นี่

เพลินดีนะ

3. เพื่อนไม่ค่อยนัดเราเหมือนเมื่อก่อนตอน

เป็นสาวโสด วันเสาร์วันอาทิตย์เพื่อนสาวโทรมาปุ๊บออกจากบ้านไปช็อปปิ้ง

ไปกินข้าวด้วยได้ทันที แต่พอแต่งงานแล้วโดยเฉพาะช่วงแรกๆ

เพื่อนก็เริ่มตีตัวออกห่าง

อารมณ์ประมาณไม่อยากเข้าไปแทรกกลางระหว่างข้าวใหม่ปลามัน และถ้าห่างปุ๊บ

เพื่อนก็จะค่อยๆ หายไปสนิทกับคนอื่น เหลือแค่ไลน์คุยกันเป็นบางเวลา

แต่จะให้ไปเจอ เราก็ไม่อยากทิ้งสามีเอาไว้ที่บ้านเหมือนกัน

สุดท้ายเลือกผู้ชายมากกว่าเพื่อน ยิ่งถ้ามีลูกเมื่อไหร่

สังคมแฮงเอาท์จบกัน!

4. ทะเลาะกันแบบระวังตัวมากขึ้น

ตอกย้ำตัวเองรัวๆ ว่า ?เราแต่งงานแล้ว? จะมาสวยใสเชิดใส่สมัยเป็นแฟนไม่ได้

และเมื่อเราโกรธ เขาก็ไม่ได้มีความกระตือรืนร้นใดๆ ที่จะมาง้อเราเป็นร้อยๆ

สายเหมือนเมื่อก่อน เพราะคำว่าสามีภรรยาตอกหน้าให้เราต้องมีสติมากขึ้น

ไม่ใช่จะพูดว่า ?งั้นเราก็เลิกกันเลยมั้ย?? มันไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้วล่ะสิ

5. เป็นทั้งภรรยาและเลขา

เมื่อก่อนมีพ่อแม่ทำให้ ไม่เคยสนใจอะไรเลย มิเตอร์น้ำอยู่ตรงไหนยังไม่รู้

พอแต่งงานแล้วเราต้องแอคทีฟขึ้นมาเลย

เพราะรู้สึกว่าสามีเขาใช้สมองกับการทำงานหาเงินนอกบ้านมาเยอะแล้ว

บางอย่างในบ้านผู้หญิงต้องเป็นผู้นำคิดแทนเลย ค่าน้ำ ค่าไฟ

ค่ากับข้าวเราก็แบ่งเงินส่วนกลางจ่ายให้เรียบร้อย

หรือถ้าสามีเป็นคนจ่ายก็คอยเตือนเขาก่อนถึงดิว

6. งานมุ้งมิ้งต้องมา

อยู่ด้วยนานๆ เราจะเริ่มเย็นชากันมากขึ้น เพราะว่าเมื่อก่อนตอนเป็นแฟน

มีช่วงเวลาให้คิดถึงกัน ตอนกลางคืนก่อนนอนก็นึกถึง เลยส่งคำหวานๆ

ไปให้เขาว่า ?คิดถึงนะ? ?Good Night ค่ะ? แต่อยู่ด้วยกัน จะพูดไปทำไม

ไม่มีโอกาสให้พูดหวานๆ ซึ้งๆ ด้วย พอจะทำทีก็เขิน

แต่ความโรแมนติกขาดไม่ได้เลย ทำบ่อยๆ พูดอ้อนเขาเป็นประจำ

ให้เขารู้สึกว่าอยากตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ทุกวัน

7. การตื่นสายทำให้เรารู้สึกผิด

สมัยที่ยังเป็นสาวโสด แม่มาเรียกเป็นสิบรอบก็ไม่มีตื่นหรอก ไม่ตื่นสายนะ

ตื่นบ่ายเลยจ้าาา แต่พอแต่งงาน เราอาจไม่ใช่คนตื่นเช้าตี 5 แต่ตื่นไม่เกิน

9-10 โมงก็ถือว่าไม่น่่าเกลียดเท่าไหร่แล้วล่ะ ไหนจะต้องทำอาหารเช้าอีก

ขอให้ตื่นก่อนแฟน อย่าให้เขาหน่ายในความขี้เซาของเรา

ยิ่งถ้าแต่งแล้วอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่สามี นี่ห้ามตื่นสายเลยนะ!

เราจะกลายเป็นสะใภ้ขี้เกียจ โดนไม่ปลื้มได้เลยล่ะ

8. ทึ่งในตัวแม่เราสุดๆ รัก

แม่นะ แต่เมื่อตอนที่อยู่กับแม่ทุกวัน เรารู้สึกว่าแม่เจ้ากี้เจ้าการ

สั่งเราตลอดเวลา พอแต่งงานแล้วน่าจะอิสระจากครอบครัวดีเหมือนกัน

แต่เปล่าเลย

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้ย้อนคิดถึงสิ่งที่แม่เราเลยทำและมีคำถามตลอดแม่เราทำ

ได้ยังไง แม่ดูแลบ้าน ดูแลลูก ดูแลพ่อ

และต่อไปเราก็คงต้องตามรอยเป็นมนุษย์แม่ต่อไป

ถึงแม่จะมีสิ่งที่ทำพลาดหรือปัญหาในชีวิตบ้าง

แต่เราก็จำมาปรับใช้กับครอบครัวเล็กๆ ใหม่ของเราได้ดีทีเดียว



บทความแนะนำ


ไนกี้นิธิดลBornEchoesTheBrotherstheChemicalมาทันเวลาพอดีPerfectMatchรักนะเป็ดโง่ข่าวบันเทิงวันนี้ทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก