ตำนานความรัก 'กำไลมาศ' เรื่องจริงในสมัยรัชกาลที่ 5

อ่าน 3,151

ตอนนี้ละครเรื่อง ?กำไลมาศ?

กำลังเข้มข้นสนุกเลยทีเดียวซึ่งละครเรื่องนี้สร้างมาจากนิยายของพงศกร

นักเขียนนิยายชื่อดัง และเพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า? ?กำไลมาศ?

คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ สมัยรัชกาลที่ 5

กำไลชิ้นนี้เป็นของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์

เจ้าจอมพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงโปรดและรัก

มาก

และเป็นเจ้าจอมคนสุดท้ายของราชวงศ์จักรีที่ยังดำรงชีพและถึงแก่อนิจกรรมใน

รัชกาลปัจจุบัน ไปติดตามตำนานความรักอันแสนเศร้านี้พร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะตำนานความรัก ?กำไลมาศ? เรื่องจริงในสมัยรัชกาลที่ 5

ตำนานความรัก ?กำไลมาศ? เรื่องจริงในสมัยรัชกาลที่ 5

เรื่อง

ราวความรักที่เกิดขึ้นจริงของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับลดาวัลย์ได้ทรงพระ

กรุณาโปรดเกล้าฯ

สถาปนาท่านขึ้นเป็นเจ้าจอมพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่

หัว

เป็นคนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดและรักมากนั่นทำให้

ท่านเป็นที่ริษยาของเจ้าจอมคนอื่นๆ

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับลดาวัลย์เกิดเมื่อวันที่6 มีนาคม พ.ศ. 2433 เป็นธิดาในหม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ กับหม่อมช้อย ลดาวัลย์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม นครานนท์)

เมื่ออายุได้ 11 ปี ได้เข้าถวายตัวเป็นข้าหลวง

เมื่อ

ท่านมีอายุได้ 11 ปี

หม่อมยายได้พาท่านไปถวายตัวเป็นข้าหลวงในตำหนักพระวิมาดาเธอ

กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา

ซึ่งพระองค์ได้ทรงอบรมเลี้ยงดูหม่อมราชวงศ์สดับในฐานะพระญาติ

และยังโปรดให้เรียนหนังสือทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ รวมทั้งหัดงานฝีมือ

ตลอดจนการอาหารคาวหวานจนเชี่ยวชาญ นอกจากความอัจฉริยภาพและความงามแล้ว

เสียงอันไพเราะของท่าน ยังเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกด้วย

ถ่ายเมื่อวันเชิญดอกไม้ธูปเทียนแพขึ้นถวายตัว เป็นข้าใต้เบื้องพระยุคลบาทเมื่อปลายปี พ.ศ.๒๔๔๘

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับลดาวัลย์ได้รับพระราชทาน ?กำไลมาศ?

เมื่อ

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2449

หม่อมราชวงศ์สดับได้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุล

จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันนี้ท่านได้รับพระราชทาน ?กำไลมาศ? จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

กำไลมาศเป็น

กำไลทองคำแท้จากบางสะพาน หนักสี่บาท ทำเป็นรูปตาปูโบราณสองดอกไขว้กัน

ปลายตาปูเป็นดอกเดียวกัน ถ้ามองตรงๆ เป็นอักษร S

(มาจากชื่อย่อของเจ้าจอมสดับ)

หากพลิกข้อมือเพียงเล็กน้อยมองอีกด้านหนึ่งจะกลับเป็นอักษร C (จุฬาลงกรณ์)

สิ่งที่ทำให้กำไลทองวงนี้มีชื่อมากที่สุดในบรรดาเครื่องประดับสูงค่าของรัตน

โกสินทร์ไม่ใช่ราคา

หรือการออกแบบแต่เป็นตัวอักษรซึ่งเป็นบทกลอนพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระ

จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสลักไว้บริเวณด้านบนของกำไลว่า

กำไลมาศชาตินพคุณแท้ไม่ปรวนแปรเป็นอื่นยั่งยืนสี
เหมือนใจตรงคงคำร่ำพาทีจะร้ายดีขอให้เห็นเช่นเสี่ยงทาย
ตาปูทองสองดอกตอกสลักตรึงความรักรัดไว้อย่าให้หาย
แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกายเมื่อใดวายสวาสดิ์วอดจึงถอดเอย

คราว

ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับได้บันทึกไว้ว่า

?ในวันเฉลิมพระที่นั่งนี้ทรงพระมหากรุณาสวมกำไลทองรูปตาปูพระราชทานข้าพเจ้า

ทรงสวมโดยไม่มีเครื่องมือ บีบด้วยพระหัตถ์

รุ่งขึ้นจึงต้องรับสั่งให้กรมหลวงสรรพศาสตร์พาช่างทองแกรเลิตฝรั่งชาติ

เยอรมันนำเครื่องมือมาบีบให้เรียบร้อย?

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้แต่งเครื่องเพชรชุดหนึ่งที่พระราชทาน แล้วให้ช่างถ่ายรูปไว้ เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๐

วันที่สุขที่สุด!

วันที่ท่านได้รับพระราชทาน ?กำไลมาศ? ถือว่าเป็นวันที่ท่านมีความสุขมากที่สุด และทั้งตลอดชีวิตของท่าน เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับมิได้ถอดออกจากข้อมือเลยจวบจนชีวิตท่านหาไม่แล้ว

หม่อมหลวงพูนแสง สูตะบุตร ผู้เป็นหลานสาวจึงเป็นผู้ที่ถอดออกให้

และได้ถวาย ?กำไลมาศ? แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ในงานพระราชทานเพลิงศพของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับนั้นเอง

ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เก็บไว้ที่พระที่นั่งวิมานเมฆสถานที่ที่เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับได้เคยถวายการรับใช้เบื้องพระยุคลบาท

เจ้า

จอมหม่อมราชวงศ์สดับ ได้รับพระราชทานเครื่องยศ ประกอบด้วย

หีบหมากทองคำลงยาราชาวดี พานทอง เป็นพานหมากมีเครื่องในทองคำกับกระโถนทองคำ

และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายใน ชั้น

ทุติยจุลจอมเกล้าฝ่ายใน

ซึ่งเป็นเครื่องยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นพระสนมเอก ท่านจึงเป็น

พระสนมเอก ท่านสุดท้ายในรัชกาล

พระ

ราชทานเกียรติให้นั่งพระเก้าอี้ทองตราแผ่นดิน

ซึ่งเป็นพระเก้าอี้สำหรับพระมเหสีเทวีและพระบรมราชวงศ์ชั้นเจ้าฟ้า

ประทับเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในการพระราชพิธี

(ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ถ่ายเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๐)

วันที่ทุกข์ที่สุด!

วัน

ที่หม่อมราชวงศ์ได้เล่าว่าเป็นวันที่ทุกข์ที่สุดก็คือ

วันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประพาสยุโรป เมื่อปี พ.ศ. 2450

เนื่องจากก่อนรัชกาลที่ 5 จะเสด็จพระราชดำเนินนั้น

มีพระราชดำริที่จะให้เจ้าจอมสดับตามเสด็จไปยุโรปด้วย

ในฐานะข้าหลวงในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล

กรมขุนอู่ทองเขตขัตตินารี

ถึงกับสอนภาษาอังกฤษพระราชทานเองก่อนเสวยพระกระยาหารทุกคืน

แต่มีเหตุขัดข้อง จึงมิอาจเป็นไปตามพระราชดำรินั้นได้

แม้กระนั้น

พระองค์ก็มิได้ทรงเพิกเฉย เมื่อเสด็จออกนอกอ่าวไทยจนไปถึงในหลายๆ ประเทศ

ทรงมีพระราชนิพนธ์กลอนด้วยลายพระหัตถ์รำพึงถึงความในพระราชหฤทัยมาถึงเจ้า

จอมสดับทุกสัปดาห์

เมื่อได้รับลายพระราชหัตถเลขาแล้ว ท่านก็แสดงอาการดีใจออกมาทุกครั้ง แต่อาการนั้นทำให้เกิดความรู้สึกริษยาจากคนรอบข้างโดยที่ท่านไม่รู้ตัว

ทำให้พระวิมาดาเธอฯ ในฐานะผู้ปกครองจึงทรงต้องเข้มงวดกวดขันกิริยาอาการ

ตลอดไปถึงข้อความในจดหมาย ด้วยเกรงว่าจะเขียนกราบทูลในเรื่องไม่สมควรไป

เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ ทรงถ่ายเมื่ออายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์

ความรัก บ่อเกิดแห่งความริษยา

ครั้นพระ

บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับถึงพระนคร

ก็ทรงซื้อเครื่องเพชรมาพระราชทาน

โปรดให้แต่งเครื่องเพชรแล้วให้ช่างถ่ายรูปชาวต่างชาติมาถ่ายรูป

โดยทรงพระกรุณาจัดท่าพระราชทาน และโปรดพระราชทานตู้ที่ระลึก

ยังทรงจัดของตั้งแต่งในตู้นั้นอีกด้วย อีกทั้งยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

สถาปนาท่านขึ้นเป็นพระสนมเอก

อันเป็นตำแหน่งที่แม้เจ้าจอมมารดาบาง

ท่านรับราชการมาช้านานยังไม่ได้รับพระราชทาน

แต่ท่านซึ่งเป็นเพียงเด็กสาวรุ่น

และเพิ่งเข้ามารับราชการไม่นานนักกลับได้รับพระเมตตาไว้ในตำแหน่งที่สูงถึง

เพียงนี้ ยิ่งก่อให้เกิดความริษยาจากคนรอบข้าง ด้วยวัยเพียง 17 ปี

ท่านจึงได้เล่าถึงความรู้สึกครั้งนั้นว่า

?เหลียวไปพบแต่ศัตรู คุณจอมนั้นส่อเสียดว่าอย่างนั้น คุณจอมนี้ว่าอย่างนี้ ตรองดูทีหรือข้าพเจ้าจะย่อยยับแค่ไหน?

ด้วยความอายุยังน้อย ขาดความยั้งคิด ท่านจึงตัดสินใจทำลายชีวิตตนเองด้วยการดื่ม น้ำยาล้างรูป!แต่ว่าแพทย์ประจำพระองค์ช่วยชีวิตไว้ทัน

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับลดาวัลย์คนสุดท้ายที่ได้ร้องเพลง ?นางร้องไห้?

ครั้น

เมื่อท่านมีอายุได้ 20 ปี

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ท่านมีความทุกข์

และเศร้าโศกอย่างยิ่ง

และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจอมสดับได้มีโอกาสสนองพระเดชพระคุณคือ

การเป็นต้นเสียงนางร้องไห้หน้าพระบรมศพ ท่านได้กล่าวไว้ว่า

?ใจคิดจะเสียสละได้ทุกอย่าง จะอวัยวะหรือเลือดเนื้อ หรือชีวิตถ้าเสด็จกลับคืนมาได้

ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นใจที่คิดแน่วแน่ว่าตายแทนได้ไม่ใช่แค่พูดเพราะๆ

คุณจอมเชื้อเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมาให้ข้าพเจ้า บอกว่าท่านได้ประทานไว้ซับพระบาท

ข้าพเจ้าจึงเอาผ้าที่ซับพระบาทนั้นแล้วพันมวยผมไว้ แล้วก็นั่งร้องไห้กันต่อไปอีก ??

เมื่อ

สวรรคตและถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับก็เลิกไว้ผมยาว

เปลี่ยนไว้ผมสั้นตามแบบที่พระราชวงศ์และท้าวนางในพระบรมหาราชวังไว้กัน

?ความรักยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด?

ใน

ปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตนั้น

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับมีอายุเพียง 20 ปี

ทำให้ท่านเป็นที่จับตามองจากคนรอบข้างว่าจะสามารถครองตัวครองใจเป็นหม้ายได้

ต่อไปตลอดหรือไม่

แต่นับตั้งแต่ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า

อยู่หัวเสด็จสวรรคต

ท่านยังจงรักภักดีครองตัวรักษาพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า

อยู่หัว ดำรงสถานะพระสนมเอกอย่างงดงาม

เจ้าจอมท่านยังคงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณลูบคลำกำไลทองแห่งความรักที่สวมใส่

ไม่เคยถอดวาง

ตามคำกลอนพระราชนิพนธ์ที่พระราชทานกำชับไว้ตราบจนวันสุดท้ายแห่งชีวิต

หลัง

จากนั้นอีกไม่นาน

ท่านได้ถวายคืนเครื่องเพชรทั้งหลายที่ได้รับพระราชทานมาแด่สมเด็จพระศรีพัช

รินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จนหมดสิ้น

เหลือเพียงกำไลมาศซึ่งเจ้าจอมสดับได้สวมติดข้อมือตั้งแต่วันแรก

ที่ทรงสวม สมเด็จฯ ก็ได้ทรงรับไว้แล้วโปรดเกล้าฯ ให้นำไปขายที่ยุโรป

แล้วนำเงินมาสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ทั้งสิ้น

นอกจากนั้นท่านยังหันไปยึดมั่นในพระพุทธศาสนา

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอีกด้วย

ท่านเจ้าจอมในวัยชรา

ท่านเจ้าจอมในวัยชรา

จน

เมื่อท่านเจ้าจอมนั้นมีวัยชราแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ได้พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ให้ท่านกลับเข้ามาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง

ในช่วงเวลานี้นี่เอง ที่ท่านได้มีโอกาสทำคุณประโยชน์อีกครั้ง

โดยการถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้แก่ชนรุ่นหลัง เช่น

  • วิธีถักตาชุนหรือ ถักสไบ ที่เรียกกันว่า กรองทอง
  • วิธีทำน้ำอบ น้ำปรุง
  • ยาดมส้มโอมือ ฯลฯ

ตลอด

จนถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆในพระราชสำนักเมื่อครั้งกระนั้น

ให้ชนรุ่นหลังได้ฟังและจดบันทึกไว้ นับเป็นประโยชน์มาก

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2526

สิริรวมอายุได้ 93 ปี

ขอบคุณข้อมูลth.wikipedia.org,www.bloggang.com ขอบคุณรูปภาพประกอบtopicstock.pantip.com



บทความแนะนำ


ครีมตัวขาวWhiteWannaวันนาไวท์โลชั่นตัวขาวบีบีทาตัวทุนการศึกษาในประเทศ(คีย์)Quayมหาวิทยาลัยบูรพาทุนการศึกษาเรียนต่อในประเทศภาพยนตร์ทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก