7 วิธี เปลี่ยนนิสัยไม่ให้เป็นยัยขี้บ่น
ใคร ๆ ก็ชอบบอกว่าผู้หญิงขี้บ่น
โดยเฉพาะพ่อหนุ่มข้างกายของคุณ แล้วเคยได้ยินคุณผู้ชายเขาคุยกันบ้างไหมคะ
ที่ว่าเขาอยากมีแฟนไม่ได้อยากมีแม่อีกคน แหม...สาว ๆ
คนไหนได้ยินแบบนี้กับตัว คงหน้าเหวอกันไปเลยทีเดียว
ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบให้มีคนมาจู้จี้ขี้บ่นใส่
เพราะฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าจะทำตัวอย่างไรไม่ให้โดนหาว่าเป็นยัยจู้
จี้ขี้บ่นกัน
1. ปล่อยให้เขามีอิสระบ้าง
คุณผู้ชายของคุณเขาไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะ
แล้วคุณก็ไม่ใช่ผู้ปกครองของเขาด้วย
ที่เขาจะต้องมาบอกกล่าวทุกครั้งที่จะทำอะไร
หรือออกไปเที่ยวตามประสาผู้ชายกับเพื่อน ๆ บ้าง คุณทั้งคู่ต่างก็โตแล้ว
และมีอิสระในการตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำสิ่งใด
ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตของเขาเอง โดยที่ไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายดีกว่าค่ะ
2. อย่าพูดอะไรซ้ำ ๆ พร่ำเพรื่อ
ใคร ๆ ก็ชอบใจที่มีคนคอยเอาอกเอาใจ อยากได้อะไรก็มีคนคอยตามใจทุกอย่าง
หลาย ๆ คนเลยเคยชินกับการพร่ำบอกแฟนหนุ่มซ้ำ ๆ ว่า "ทำอย่างนี้สิ",
"อยากได้อันนี้จัง", "พาไปที่นี่ที" ฯลฯ
ยิ่งตอกยิ่งย้ำมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายเอือมระอาได้มากเท่านั้นนะคะ
เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ถึงคุณจะไม่ได้สิ่งที่เรียกร้องนั้น
คุณก็ไม่ได้ลำบากสักเท่าไรเสียหน่อย เปลี่ยนจากการพูดพร่ำซ้ำ ๆ
เป็นการบอกว่าคุณชอบใจและขอบคุณจริง ๆ ที่เขาได้ทำหรือให้สิ่งนั้น ๆ
ให้กับคุณ เมื่อยามที่เขามอบหรือทำอะไรเพื่อคุณ
วิธีนี้ได้ผลกับผู้ชายหลายคนเลยนะคะ
เขาจะจดจำว่าคุณชอบอะไรและจะทำเรื่องนี้เองโดยที่คุณไม่ต้องกระตุ้นเลยล่ะ
3. คิดก่อนที่จะพูด
สาว ๆ คนไหนที่ยังเถียงหัวชนฝาว่าไม่จริง ฉันไม่ใช่คนขี้บ่นเสียหน่อย
ลองค่อย ๆ คิดดูอีกทีนะคะ เพราะบางครั้งสิ่งที่เราพูดออกไปนั้น
เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันเข้าข่ายจู้จี้ขี้บ่น
จากนี้ไปก่อนพูดอะไรออกมาก็ใจเย็น ๆ แล้วหยุดคิดสักนิดหนึ่ง
เราสามารถสื่อความที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันได้
โดยเลือกใช้คำพูดและโทนเสียงที่น่าฟังกว่า เพียงแค่นี้คำพูดของคุณ
ก็จะไม่ทำให้คุณผู้ชายรู้สึกว่ากำลังโดนบ่นอยู่แน่นอนค่ะ
4. อย่าบ่นเขาในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของคุณ
หากคุณและเขาแบ่งหน้าที่กันชัดเจนแล้วว่าใครจะรับผิดชอบทำงานอะไร
ก็อย่าได้บ่นจู้จี้จุกจิกกับเขาเชียวนะ
ว่างานคุณมันทั้งเหนื่อยทั้งหนักทำไม่ไม่ช่วยคุณบ้าง เช่น คุณกำลังรีดผ้า
ในขณะที่เขากำลังนอนดูทีวีอยู่
หากหน้าที่นั้นเป็นของคุณก็อย่าไปบ่นเสียดสีอีกฝ่าย
ถ้าหากคุณรู้สึกว่างานที่อยู่ในมือคุณนั้นหนักหนาเกินไปจริง ๆ
อย่าหาทางระบายด้วยการบ่นเลยค่ะ นั่งลงแล้วคุยกันดี ๆ ดีกว่า
ไม่ต้องอารมณ์เสียแล้วก็ได้ข้อสรุปที่เป็นเรื่องเป็นราวด้วยค่ะ
5. ทำให้เขารู้ว่าเมื่อไม่ได้สิ่งที่ขอร้องจะรู้สึกอย่างไร...โดยไม่ใช้การบ่น
ข้อนี้สาว ๆ สามารถใช้คำพูดที่ฟังดูแสนธรรมดา
แต่ทว่าสามารถบาดลึกกระทบความรู้สึกได้ดียิ่งกว่าการบ่นอีกค่ะ เช่น
คุณขอร้องให้เขาช่วยล้างจาน แต่เขากลับนอนดูทีวีเฉย
คราวนี้เขามาขอให้คุณชงกาแฟให้สักแก้ว คุณก็ตอบเขาไปได้เลยว่า
"โทษทีนะคะที่รัก ตอนนี้ฉันกำลังล้างจานอยู่
ถ้าคุณล้างแต่แรกฉันก็ว่างพอที่จะทำให้คุณได้แล้วล่ะ"
อย่าลืมใช้โทนเสียงธรรมดาไร้ซึ่งการแฝงอารมณ์ประชดประชันนะคะ
คุณผู้ชายน่ะเข้าใจแน่ ๆ ว่าอะไรเป็นอะไร
พูดแบบนี้ทำให้เขารู้ตัวได้ดีกว่าการบ่นแน่นอนค่ะ
เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณเริ่มบ่น ผู้ชายแทบทุกคนก็พร้อมที่จะทำตัวหูทวนลม
พูดเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาคำพูดผ่านหูไปแต่ไม่กระทบความรู้สึก
เปลี่ยนจากการบ่นมาเป็นวิธีแบบนี้ได้ผลกว่ากันแน่นอนค่ะ
6. จงแน่ใจว่าคุณไม่ได้เป็นในสิ่งที่คุณบ่นเสียเอง
ถ้าคุณเป็นคนประเภทเห็นอะไรไม่ถูกใจก็บ่นไปหมด บ่นทุกเรื่อง บ่นทุกสิ่ง
จนบางครั้งคุณเองก็ลืมมองไปว่าบางทีสิ่งที่คุณบ่นก็เป็นสิ่งที่คุณทำเหมือน
กัน คุณผู้ชายเห็นคุณทำได้ แล้วทำไมเขาจะทำไม่ได้บ้าง คุณทำไม่เคยโดนบ่น
ทำไมเขาทำแล้วถึงโดนบ่น
กรณีแบบนี้นี่แหละค่ะที่ทำให้คำบ่นของคุณกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญและไม่มีความ
หนักแน่นใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นก่อนจะตั้งท่าบ่นอะไรออกมา
นึกย้อนดูสักนิดว่าคุณเองเคยทำสิ่งนั้นหรือไม่
ถ้าใช่ก็กลืนสิ่งที่คุณกำลังจะพูดกลับไปเถอะค่ะ
7. หาทางคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราว
หลังจากพร่ำบอกในสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง
ในที่สุดสิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นการบ่น
หรือกลายเป็นคำพูดที่ไร้ความหมายไปในที่สุด
ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหรือช่วยให้คุณได้อะไรตามแบบที่คุณอยากให้เป็นเลย
เปลี่ยนจากคำพร่ำบ่นซ้ำ ๆ เป็นการนั่งคุยกันดี ๆ ดีกว่าค่ะ บอกเขาตรง ๆ
ว่าอยากให้ปรับเปลี่ยนแก้ไขอะไร
จูนความคิดให้ตรงกันจะได้ไม่ต้องมาจ้ำจี้จ้ำไชบอกกันอยู่บ่อย ๆ อีกนะคะ
ถึง
แม้จะไม่อยากยอมรับว่ามีนิสัยขี้บ่น แต่บางครั้งเราก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
อยู่เหมือนกัน
ถ้าไม่อยากโดนหาว่าเป็นป้าแก่จู้จี้ขี้บ่นก็ลองทบทวนตัวเองดูสักนิด
ยิ่งบ่นยิ่งเสียสุขภาพจิตแล้วจะแก่เร็วนะ เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่เตือน ^^