การจดทะเบียนหย่า รู้ไว้ไม่เสียหาย เมื่อชีวิตคู่มาถึงทางตัน
การจดทะเบียนหย่าต้องทำอย่างไร ไม่รู้เรื่องกฎหมาย จะต้องเริ่มต้นที่ตรงไหน อ่านเข้าใจง่าย ๆ ได้ที่นี่ ... เมื่อมีรักมีจดทะเบียนสมรส ก็ต้องมีเลิกรักและจดทะเบียนหย่า ใครกำลังมีปัญหาเหล่านี้เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝาก
ยามรักกันน้ำต้มผักก็ว่าหวาน แล้วกว่าจะผ่านด่านพ่อตาแม่ยายมาได้
จนมาแต่งงาน จดทะเบียนสมรสกัน สิ่งเหล่านี้ว่ายากแล้ว
แต่การหย่าร้างกันนั้นยากยิ่งกว่า
วันดีคืนดีเกิดโป๊ะแตกจับได้ว่าสามีแอบมีกิ๊กขึ้นมา
มีชู้จนชาวบ้านรู้กันทั่วนั่นแหละค่ะ ลูกก็ทิ้งให้เราเลี้ยง
เงินทองก็ไม่เคยมาส่งเสียเหลียวแล น่าเห็นใจคุณแม่นะคะ
อยากจะให้อดทนนึกถึงตอนรักกันและพูดคุยกันดี ๆ ก่อน
แต่ถ้าไม่ไหวจะเคลียร์แล้วจริง ๆ จะทำอย่างไรดี
มาอ่านข้อมูลตรงนี้ไว้เป็นความรู้กันนะคะ
การหย่านั้นสามารถทำได้ 2 แบบ คือ
? 1) การหย่าโดยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย
ต้องนัดกันไปจดทะเบียนหย่า
เพราะกฎหมายกำหนดว่าเมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย การหย่า
โดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อสามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่ากันแล้ว
(ปพพ. มาตรา 1515)
? 2) การฟ้องหย่า
ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้หย่าในเมื่อพยายามหาทางพบปะพูดคุยกันหลายครั้งหลายหน
แล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้
เราก็ต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมให้เข้ามาช่วยเหลือค่ะ
สาเหตุที่เราจะนำมาฟ้องหย่าได้นั้นอยู่ใน มาตรา 1516
เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1)
สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี
เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ
อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ (และสามารถเรียกค่าทดแทนจากชู้ได้อีกด้วย ตามมาตรา
1523)
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร
ในเมื่อเอาสภาพฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบอีกฝ่าย
หนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
? (3) สามีหรือภริยาทำร้าย
หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ
หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ถ้าเป็นการร้ายแรงอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
? (4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกิน 1 ปี
ในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนผิด หรือรู้เห็นด้วย
และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหายหรือเดือดร้อน
เกินควร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(4/2)
สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยา
ได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน 3 ปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกิน 3
ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
? (5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร
หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
? (7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกิน 3 ปี ถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
? (8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9)
สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรค
มีลักษณะเรื้อรัง ไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
? (10) สามีหรือภริยามีสภาพไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
การจดทะเบียนหย่า
ขอให้เป็นขั้นตอนสุดท้ายในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้
เดินมาถึงทางตันของชีวิตคู่แล้ว หากยังพอมีความรักความผูกพัน
ปรับตัวเข้าหากันอีกสักครั้ง
แก้ไขอดีตไม่ได้แต่ทำให้ปัจจุบันและอนาคตดีได้นะคะ :)