5 ข้อตกลง "ไม่ควรมี" ก่อนคิดแต่งงาน
เคยแนะนำคุณผู้อ่านที่กำลังจะตัดสินใจแต่งงานกันแล้วว่า
ก่อนที่คุณสองคนจะเซย์เยสใช้ชีวิตคู่
พวกคุณควรจะพูดคุยและมีข้อตกลงกันให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูก
เรื่องเงิน และการวางแผนชีวิตและครอบครัวอีกจิปาถะ แต่!
มันก็ยังมีบางเรื่องที่ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจกันสองคน
ไม่จำเป็นต้องหยิบยกมาให้เป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง
ไม่เช่นนั้นชีวิตคู่ของคุณคงอึดอัดไม่น้อย
1. ตั้งเวลากลับบ้านแบบเป๊ะๆ
เรามักจะเห็นกันตามละครหลังข่าวหรือมุกตลกในหนังสือการ์ตูน
ที่เหล่าภรรยาจะตั้งเวลากลับบ้านให้กับสามี เช่น
เลิกงานปุ๊บต้องกลับบ้านปั๊บ ห้ามเถลไถลไม่เกิน 6 โมงเย็น!
หากกลับหลังจากนั้นคุณภรรยาจะยืนถือสากกะเบือหรือไม้กอล์ฟคอยท่าที่หน้า
ประตู! แหมม?คุณค่ะ สามีก็คนนะคะ ไม่ใช่นาฬิกาปลุกที่จะให้เขาตามเวลาเป๊ะๆ
บางวันเขาอาจต้องทำโอทีหรือสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานบ้าง
ถ้ามัวแต่คอยจับผิด
โทรจิกโทรตามให้กลับบ้านตรงเวลาแบบนี้ก็คงจะอึดอัดและทะเลาะกันได้ง่ายๆ2. ต้องเก็บเงินที่ฉันทั้งหมด เดี๋ยวจะแบ่งให้ใช้รายวัน
ข้อนี้ฮีบินเจอมากับคนใกล้ชิดค่ะ โดยมักจะเป็นการตกลง
(แบบที่สามีรู้เท่าไม่ถึงการณ์) กันก่อนแต่งงานว่า
เมื่อแต่งไปแล้วจะต้องรวมเงินเป็นกระเป๋าเดียวกัน
แล้วต้องให้ภรรยาดูแลเงินทั้งหมด แบบนี้ถ้าภรรยาเก็บเงินเก่ง ใจดี
และไม่ขี้เหนียวจนเกินไป คุณสามีก็ยังพอใช้เงินได้แบบสบายๆ
แต่ถ้าบางบ้านภรรยาขี้เหนียวมากๆ แบ่งเงินให้ใช้วันละ 200-300 บาท
แบบนี้สามีคงต้องส่ายหน้า เพราะแค่ค่าน้ำมันรถไปทำงาน ค่ากิน
ค่ากาแฟก็แทบจะไม่พอแล้ว! ถ้าเป็นแบบนี้นานๆ
คุณสามีคงออกอาการเบื่อหน่ายแน่นอน3. ใจกว้างยอมให้เขาเที่ยวอาบ อบ นวด (นาบ)
อีกหนึ่งวิธีเด็ดที่สาวๆ
หลายคนใช้ปราบพยศผู้ชายเจ้าชู้ด้วยการทำตัวใจกว้างยอมให้เขาเที่ยวกลางคืน
ได้ เพียงเพราะหวังว่าเขาจะเกรงใจและหยุดพฤติกรรมเจ้าชู้ที่เคยทำ
(ทำตัวเหมือนเป็นเมียหลวงที่ดี) โดยยื่นข้อเสนอว่า ?อยากจะเที่ยวก็ได้นะ แต่ต้องใส่ถุงยางทุกครั้ง?
แหม?แล้วจะรู้ได้ยังไงละคะว่าเขาใช้ condom ทุกครั้งจริงเหรอเปล่า!
ฮีบินขอฟันธงเลยว่า 90 %
ของคู่สามีภรรยาที่ตกลงกันแบบนี้ก่อนแต่งมักจะต้องแยกทางกันชัวร์!
เพราะคงไม่มีใครที่ไหนทนเห็นสามีเที่ยวกลางคืน (กับผู้หญิง)
ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรอกค่ะ
เพราะฉะนั้นอย่าคิดจะทำข้อตกลงแบบใจกว้างเป็นแม่น้ำอย่างนี้เลย เชื่อเหอะ!4. กำหนดแบบตายตัวว่าบ้านนี้ 3 วัน บ้านนั้น 4 วัน!
จุ๊ๆๆ บ้านนี้กับบ้านนั้น
ฮีบินไม่ได้หมายถึงบ้านเมียหลวงกับบ้านเมียน้อยนะคะ ฮ่าๆ
แต่กำลังพูดถึงเรื่องที่พักอาศัยในกรณีที่คู่สามีภรรยาต้องแยกบ้านกันอยู่
เนื่องจากเหตุผลต่างๆ อย่างเช่น บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงาน
หรือต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด เป็นต้น
ในกรณีแบบนี้คงต้องอาศัยความเข้าอกเข้าใจและไว้ใจกันให้มาก
อาจไม่สามารถกำหนดตายตัวได้ว่าต้องกลับมาบ้านนี้ 3 วัน
แล้วต้องไปอยู่ที่อีกบ้านหนึ่ง 4 วัน แบบนี้นอกจากจะเหนื่อยกับการทำงานแล้ว
ยังต้องเหนื่อยเดินทางอีกด้วยนะ แต่ก็ใช่ว่าจะกำหนดวันอยู่บ้านไม่ได้เลย
จริงๆ แล้วสามารถกำหนดได้นะคะ แต่ในบางครั้งก็ต้องมีหยวนๆ
กันบ้างถ้าเกิดว่าเขาติดงานหรือติดธุระสำคัญ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ตรงวันเป๊ะๆ
หรือถ้าจะให้ดีก็สลับกันไปสลับกันมา แบบนี้น่าจะเวิร์ก!5. แบ่งแยกอำนาจกันอย่างชัดเจน!
มีหลายครอบครัวที่มักจะตกลงกันว่า เรื่องในบ้านภรรยาเป็นใหญ่
ส่วนเรื่องนอกบ้านต้องยอมให้คุณสามีเป็นใหญ่ แบบนี้ก็คงจะดูแปลกๆ
ไปหน่อยนะคะ เพราะถ้าอยู่ในบ้านคุณสามีอาจจะเกิดอาการอึดอัดขัดใจ
จะทำอะไรแต่ละอย่างก็ไม่สบายตัว
หรือพอออกนอกบ้านคุณภรรยาก็ต้องคอยแต่จะเป็นช้างเท้าหลัง
ออกสิทธิ์ออกเสียงอะไรก็ลำบากเต็มที ถ้าจะให้ดีฮีบินคิดว่ากระจายอำนาจ
50-50 หรือตามแต่ความเหมาะควรของสถานการณ์จะดีกว่า
อย่าลืมนะคะว่านี่คือครอบครัว ไม่ใช่การเมืองนะจ๊ะ อิอิ!
แน่นอนว่าก่อนแต่งงานคุณและคนรักคงมีเรื่องราวมากมายให้ตกลง
และทำความเข้าใจกันเยอะแยะ แต่ 5 เรื่องที่ฮีบินกล่าวมาข้างต้นนั้น
หลายคู่รักมักจะทำไม่ได้ตามที่ตั้งไว้
จนบางครั้งเลยเถิดไปถึงขั้นทะเลาะกันใหญ่โตเลิกราหย่าร้างไปก็หลายคู่
เพราะฉะนั้น
จะตกลงหรือสร้างข้อกำหนดอะไรในการใช้ชีวิตร่วมกันก็ขอให้ดูความเหมาะสม
ไลฟ์สไตล์ และหน้าที่การงานของแต่ละคนด้วยนะจ๊ะภาพจาก : www.kirkcameron.com