7 เรื่องต้องเห็นพ้องก่อนจัดงานแต่ง
คู่รักทั้งหลายที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ต่างรู้กันดีอยู่แล้ว
ว่า อะไรบ้างที่จะต้องเตรียม ต้องจัดหา
แต่เรื่องหนึ่งที่มักจะลืมและเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องไหนๆ คือ
ความเห็นพ้องต้องกันในการเตรียมตัวในแต่ละขั้นตอนว่าจะเห็นชอบไปในทิศทาง
เดียวกันก่อน เรื่องที่ว่ามีไม่กี่อย่าง
แต่เชื่อไหมคะว่าทำให้หลายคู่เกิดอาการขัดใจกันระหว่างเตรียมงานมานักต่อนัก
เรามาดูกันค่ะว่า เรื่องไหนบ้างต้องเซย์เยสไปในทิศทางเดียวกันบ้าง
1. งบประมาณ
เรื่องสำคัญมากสุดๆ คือเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่แหละ
แต่คุณเชื่อไหมว่า การจะตกลงเรื่องนี้มันยากแสนยาก
แต่ถ้าคุณตกลงกันได้เมื่อไหร่ การเตรียมการทุกขั้นตอนจะไหลลื่นไม่มีสะดุด
ซึ่งงบประมาณที่เราขอให้คุณตกลงมีทั้งงบประมาณก้อนใหญ่ที่ครอบบคลุมค่าใช้
จ่ายทั้งงาน จากนั้นตั้งงบประมาณให้กับหัวข้อการใช้จ่ายรายย่อยๆ
อย่างละเอียด
เพื่อที่เวลาเลือกซื้อเลือกหาของมาใช้ในงานแต่งจะได้รู้ว่าควรคุมเงินอยู่
ที่เท่าไหร่
และสามารถโยกย้ายหรือผันเงินที่ตั้งไว้ไปตรงจุดไหนได้แบบไม่เกินงบ2. ลำดับความสำคัญของการใช้จ่าย
แน่นอนว่าคุณก็ฝันว่าอยากจัดงานแต่งงานแบบที่ชอบ
อีกฝ่ายก็ฝันเหมือนกัน
ซึ่งไม่รู้ว่าหน้าตาของงานในฝันของคุณจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันไหม
ซึ่งนั่นส่งผลให้การให้น้ำหนักในค่าใช้จ่ายแต่ละส่วนที่ให้ความสำคัญนั้น
ต่างกัน
สาวบางนางซีเรียสเรื่องชุดเจ้าสาวมากถึงมากที่สุดก็อาจทุ่มงบไปกับเรื่องชุด
แต่ขณะเดียวกันหนุ่มๆ อาจมองว่าชุดใส่ไม่กี่ชั่วโมง
แต่เรื่องอาหารการกินสำคัญกับแขก คุณก็จะต้องมาจับเข่าตกลงกันแล้วล่ะค่ะว่า
คุณทั้งคู่ (ย้ำว่าทั้งคู่) จะให้ความสำคัญกับอะไรมาเป็นอันดับ 1, 2, 3?
เพื่อจัดสรรงบประมาณตามความสำคัญไงคะ3. สถานที่จัดงาน
พื้นที่จัดงานเป็นเรื่องแรกเลยก็ว่าได้ที่คุณต้องตกลงกันให้
ลงตัว ยิ่งถ้าคุณเป็นคนต่างจังหวัดแต่มาทำงานในเมืองหลวงด้วยแล้วละก็
เท่ากับชีวิตคุณมีสังคมที่ต้องดูแลอยู่ 2 พื้นที่
ฉะนั้นตกลงกันก่อนว่าจะจัดงานในกรุงเทพฯ หรือกลับไปจัดที่บ้านเกิด
จากนั้นสรุปกันต่อไปว่าจะจัดโรงแรม สโมสรหรือที่บ้าน
โดยต้องไม่ลืมนึกถึงความสะดวกสบายของแขกในการตัดสินใจด้วยนะคะ4. วันที่จัดงาน
คนไทยจะจัดงานมงคลเป็นต้องดูฤกษ์ยาม
แต่สมัยนี้ไม่เคร่งเท่าเมื่อก่อน
บ่าวสาวหลายคู่นิยมยึดฤกษ์มงคลในช่วงประกอบพิธี
แต่งานฉลองส่วนใหญ่เป็นฤกษ์สะดวก
ซึ่งเจ้าฤกษ์สะดวกนี่แหละที่ทำเอาตีกันมาหลายคู่แล้ว
ฉะนั้นก็ต้องตกลงกันให้ดีนะ ส่วนจะเอาเกณฑ์อะไรมาวัดความสะดวก
เราบอกใบ้ให้ว่าลองนึกถึงญาติกับแขกเข้าไว้
ประมาณว่าโหวตกันเองแล้วเสียงส่วนใหญ่น่าจะมากันได้ คุณก็ฟันธงเลยค่ะ5. รูปแบบงาน
เรื่องรูปแบบการจัดงานส่วนใหญ่หนุ่มๆ จะตามใจสาวๆ
กันทั้งนั้น แต่อย่างที่บอกไปแล้วนะคะว่า เมื่อเธอมีฝันได้
เขาก็มีฝันเช่นกัน แม้เขาจะบอกว่าให้สาวๆ ได้สานฝัน แต่คุณสาวๆ
ต้องรู้ไว้นะคะว่า บางครั้งฝันของคุณอาจไม่ใช่ฝันแบบเดียวกับเขา
เพราะเขาอาจไม่ได้อยากได้งานแต่งในโรงแรมหรูที่เสกตัวเองให้สวมบทบาทเป็น
เจ้าหญิงเจ้าชายใน 3 ชั่วโมง
เขาอาจต้องการแค่เป็นพรานป่ารูปหล่อจัดงานในสวนสวยที่รายล้อมไปด้วยสีเขียว
สดชื่นกับเสียงนกร้องก็เป็นได้ ซึ่งถ้าคุณรักเขาจริง
ไม่ต้องทิ้งฝันในการจัดงาน
แค่รู้จักปันพื้นที่ให้เขาได้จัดงานอย่างฝันบ้างก็จะได้แฮปปี้ทั้งสองฝ่ายนะ
คะ6. แขกที่เชิญ
เคยไปร่วมงานแต่งมานับร้อยๆ งาน สิ่งหนึ่งที่สงสัยมากๆ
คือบ่าวสาวรู้จักแขกทุกคนเลยหรือเปล่า (แหมบางงานแขกตั้งพันๆ คน
เพื่อนเยอะเนอะ อิอิ) ในหัวข้อนี้จึงอยากบอกว่าที่บ่าวสาวว่า
ให้ช่วยกันฟันธงว่าจะส่งการ์ดเชิญไปเชิญใครบ้าง
ซึ่งอาจจะต้องสัมพันธ์กับความสนิทสนมส่วนตัว
และงบประมาณในการจัดงานด้วยนะคะ
แถมบางคนที่เชิญคุณต้องคิดให้นักว่าเขาจะสะดวกมาร่วมงานด้วยไหม
หรือบางทีคนๆ นั้นอาจเป็นคนที่เจ้าบ่าวไม่อยากให้เชิญ แต่เจ้าสาวอยากให้มา
ถ้าเชิญไปแล้วเขาจะลำบากใจหรือเปล่า
เรื่องแบบนี้ต้องช่วยกันคิดและร่ายรายชื่อแขกก่อนจะร่อนการ์ดค่ะ7. เวลาที่ใช้ในการวางแผน
แน่นอนว่าคนที่จัดงานแต่งงานไม่ว่าจะจ้างแพลนเนอร์หรือจัด
เองล้วนต้องมีเวลาในการเตรียมงาน ฉะนั้นอย่าลืมตกลงกันไปเลยว่า
ในหนึ่งสัปดาห์จะมีช่วงเวลาไหนบ้างที่จะใช้ร่วมกันในการเตรียมจัดงาน
เพราะแม้เรื่องนี้จะสำคัญที่ต้องโฟกัสร่วมกัน
แต่คุณก็ต้องไม่ลืมนะคะว่าต่างคนต่างก็มีภาระและหน้าที่ประจำวันที่ยังต้อง
ทำ ไม่ใช่ต้องทุ่มเวลาทั้งหมดมาเตรียมงาน คุณจึงควรจับเข่าคุยกัน
นัดแนะเวลาเหมาะๆ ที่จะช่วยกันเตรียมงาน
ดีกว่ามางอนกันว่าชั้นเตรียมอยู่คนเดียวส่วนเธอก็เอาแต่ทำงานไม่สนใจเลย
แบบนี้ไม่ดีแน่ จริงไหม