15 เรื่องที่สาว ๆ ทุกคนควรทำก่อนสละโสด
ก่อนที่เราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ใน
วันนี้ เชื่อว่าต่างคนต่างก็มีความฝันและเป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จ
ซึ่งหนึ่งในความฝันหรือเป้าหมายที่ว่านั้น มีอยู่ 2
เรื่องที่ทุกคนน่าจะคิดคล้าย ๆ กัน ก็คือการแต่งงานหรือ
การมีครอบครัวที่สมบูรณ์นั่นเอง
แต่การแต่งงานหรือการมีครอบครัวนั้นมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย
อาจจะทำให้สาว ๆ ไม่มีเวลาทำตามใจตัวเองเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อไม่ให้สาว ๆ เสียดายวันและเวลา เรามาทำให้ชีวิตโสดคุ้มค่าและมีความสุขด้วย 15 เรื่องที่ควรทำก่อนสละโสดกันดีกว่า
1. เดินทางสู่ดินแดนในฝันกับเพื่อนสาว
ชวนพี่สาว น้องสาว หรือเพื่อนสาวคนสนิท
ออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของคุณ
ที่อยากจะลองเดินทางไปเยี่ยมชมความสวยงามของบรรยากาศจากสถานที่จริงด้วยตา
ของตัวเองสักครั้ง
ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกถึงความเป็นอิสระเท่านั้น
แต่ยังช่วยเปิดหูเปิดตาพร้อมกับทำให้คุณเห็นโลกในมุมมองที่ต่างออกไปด้วย
ที่สำคัญคุณอาจจะไม่มีโอกาสได้ออกมาสัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้อีกแล้ว
หลังจากที่คุณแต่งงาน มีลูก มีครอบครัว
2. จัดทริปเล็ก ๆ กับว่าที่คู่หมั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่สาวโสดอย่างคุณจะพลาดไม่ได้เลย ก็คือการออกไปท่องเที่ยวกับว่าที่คู่หมั้นดูสักครั้ง
ซึ่งการท่องเที่ยวในครั้งนี้นอกจากจะได้กระชับความสัมพันธ์ของคุณทั้ง 2 คน
ให้สนิทแนบแน่นยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการพิสูจน์ใจไปพร้อมกันด้วยว่า คุณทั้ง 2
คนนั้นมีความอดทนมากพอที่จะพากันฝ่าฟันต่อสู้ความยากลำบากอื่น ๆ
ไปด้วยกันได้หรือไม่ โดยเฉพาะเวลาที่มีปัญหาหรือเจออุปสรรค
3. ลิ้มรสอาการอกหัก
หลายคนอาจจะคิดว่าหากเป็นไปได้ชีวิตนี้ก็ขอให้ตัวเองอย่าได้เจอะเจอกับอาการอกหักเลย
เพราะรู้ดีว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานจิตใจเอามาก ๆ
และรักษาให้หายขาดได้ยากกว่าอาการใด ๆ
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการอกหักก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย
เพราะหลังจากที่คุณสามารถผ่านพ้นความรู้สึกเลวร้ายมาได้
นอกจากจะทำให้คุณกลายเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งขึ้นแล้ว
คุณก็จะได้เรียนรู้การทำตัวเป็นผู้รับที่ดีและให้อย่างเหมาะสมด้วย
4. หันหลังให้กับคนที่ไม่ใช่
การหักอกหรือลองบอกเลิกใครสักคนที่คุณรู้สึกว่าเขายังไม่ใช่คนที่คุณต้องการจะใช้ชีวิตด้วย อาจจะทำให้คุณดูเป็นคนใจร้ายไปหน่อย
แต่ก็อยากให้มองในอีกมุมหนึ่งว่า การบอกเลิกเป็นการเปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายต่างได้เจอคนที่เหมาะสม
ดีกว่าทนคบกันไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีความสุข
ที่สำคัญยังเป็นประสบการณ์อีกหนึ่งอย่างที่คุณจะไม่มีวันได้ทำหลังจากแต่งงานไปแล้ว
5. จัดระเบียบการใช้เงินของตัวเอง
จัดการการเงินของตัวเองให้ลงตัว
เพื่อจะได้นำวิธีการเหล่านั้นไปใช้จัดการการเงินของครอบครัวในอนาคต
ที่สำคัญจะได้ไม่เป็นการสร้างภาระหนี้สินให้กับครอบครัวในอนาคตด้วย
6. คุยเรื่องการเงินกับว่าที่คู่หมั้น
เชื่อว่าสาว ๆ
หลายคนคงจะไม่สะดวกใจที่จะพูดคุยเรื่องแบบนี้กับว่าที่คู่หมั้นสักเท่าไรนัก
เนื่องจากกลัวว่าเขาจะมองไม่ดีหรือเกิดความเข้าใจจุดประสงค์ของคุณผิดไป
อันที่จริงแล้วการพูดคุยและทำความเข้าใจเรื่องการเงินก่อนแต่งงานเป็นเรื่อง
ที่สำคัญมากทีเดียว
โดยอาจจะลองเริ่มถามไถ่เขาเกี่ยวกับเป้าหมายระยะสั้นหรือระยะยาวในชีวิตของ
เขาก่อนก็ได้
7. ใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวสักครั้ง
หากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายต่อหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
คุณอยู่บ้านกับพ่อแม่หรือแชร์ห้องพักกับเพื่อนมาโดยตลอด
หลังจากนี้ก็ลองปรับเปลี่ยนชีวิตโดยการออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว เช่น
อยู่ห้องคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง
แล้วคุณจะได้รู้ว่าการมีใครสักคนอยู่เคียงข้างกันตลอดเวลานั้นเป็นช่วงเวลา
ที่มีค่ามากแค่ไหน
8. อยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงไม่เห็นด้วยแน่ ๆ กับการอยู่ก่อนแต่งงาน
เพราะดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมสักเท่าไร
ทั้งที่จริงแล้วการอยู่ก่อนแต่งก็มีข้อดีซ่อนอยู่เหมือนกัน
อย่างน้อยก็จะได้รู้กันไปเลยว่าแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์อย่างไร
สามารถใช้ชีวิตและอยู่ด้วยกันได้ไหม
ดีกว่าแต่งงานไปแล้วและสุดท้ายก็ต้องหย่า
เนื่องจากไม่สามารถอยู่ร่วมบ้านกันได้
9. เรียนรู้การทำอาหาร
สาเหตุที่แนะนำให้คุณเรียนรู้หรือเพิ่มประสบการณ์เกี่ยวกับการทำอาหารมาก
ขึ้น
ไม่ได้ต้องการให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการทำหน้าที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนเท่า
นั้น
แต่เพื่อเติมความมั่นใจให้กับคุณว่าคุณสามารถดูแลตัวเองได้เมื่ออยู่ในห้อง
ครัว
10. เผชิญหน้ากับความกลัว
ลองทำกิจกรรมที่คุณคิดว่าตัวเองไม่สามารถทำได้หรือรู้สึกกลัวมาก ๆ
ดูสักครั้ง เช่น หากคุณกลัวความสูงก็ลองขึ้นไปชมวิวบนตึกสูง ๆ
ส่วนคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง อาจจะลองเล่นกีฬาผาดโผน สำหรับคนขี้กลัว
ไม่มั่นใจ ก็อาจจะลองออกไปทำกิจกรรมคนเดียวสักครั้งสองครั้ง ได้แก่ กินข้าว
ดูหนัง หรือช้อปปิ้งคนเดียว เป็นต้น
11. เรียนต่อในสาขาที่สนใจ
หากคุณมีความฝันว่าอยากจะเรียนต่อในสาขาที่สนใจ
หรือมีประโยชน์กับหน้าที่การงาน ก็ควรจะลงมือทำเสียตั้งแต่ตอนนี้
เพราะหลังจากแต่งงานไปแล้วคุณมีภาระมากมายที่จะต้องรับผิดชอบ
ทั้งงานในบ้านและงานนอกบ้าน ดังนั้นจึงอาจจะไม่มีเวลาใส่ใจ เตรียมตัว
และโฟกัสเรื่องเรียนได้อย่างเต็มที่เหมือนกับสาวโสด
12. ทำความฝันให้สำเร็จ
ลองคิดดูว่าคุณมีความฝันที่ยังไม่ได้ลงมือทำบ้างหรือไม่ เช่น
อยากออกเดินทางรอบโลก ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ หรือความฝันอื่น ๆ
ที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลงมือทำ ก็ควรเริ่มต้นลงมือทำเสียตั้งแต่ตอนนี้
จะได้มีเวลาโฟกัสกับความฝันอย่างเต็มที่
โดยไม่มีเรื่องครอบครัวให้ต้องรู้สึกกังวลและรบกวนสมาธิ
13. ถามความเห็นเรื่องลูก ๆ
การถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องลูก ๆ ไม่ได้หมายความว่าการหาคำตอบจากว่าที่คู่หมั้นของคุณเท่านั้น
แต่รวมไปถึงการสำรวจความรู้สึกของตัวเองเกี่ยวกับการมีลูกด้วยว่า
พวกคุณมีความเห็นในเรื่องนี้ตรงกันหรือไม่ อย่างไร
จะได้ทำความเข้าใจกันเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ
ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกันไปแล้วมาทะเลาะกันทีหลัง
14. ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
สำหรับสาว ๆ ที่ชอบไปงานปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจ สนุกสนานกับการช้อปปิ้งมาก ๆ
หรือปล่อยเวลาให้หมดไปกับการนอน
อาจจะต้องลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเองกันบ้าง
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นคู่ชีวิตหรือทำหน้าที่แม่ที่ดีให้กับลูก ๆ
ของตัวเอง โดยการดูแลรักษาร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรง
ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ปาร์ตี้ให้น้อยลง และทำงานให้หนักขึ้น
15. รู้จักตัวเองให้มากขึ้น
ก่อนที่จะทำความรู้จักคนอื่นควรจะทำความรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน เช่น
สำรวจความชอบของตัวเอง ทั้งในเรื่องของไลฟ์สไตล์ หน้าที่การงาน
รวมไปถึงเป้าหมายในชีวิต เพราะหากคุณไม่รู้จักตัวเองดีพอ
ไม่มีจุดยืนที่ชัดเจน เอาอกเอาใจหรือเออออไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาคิด
นอกจากจะนำความอึดอัดมาให้กับคุณแล้ว ยังทำให้ชีวิตคู่จืดชืดน่าเบื่อด้วย
ถึง
แม้ว่าการแต่งงานหรือมีครอบครัวที่มีความสุขจะเป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งใน
ชีวิตของคุณ แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับความฝันอื่น ๆ
ของตัวเองด้วย ชีวิตของคุณจะได้มีความหมายยิ่งขึ้น
และเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับชีวิตคู่
ก็ทำตามความฝันของตัวเองให้เรียบร้อยเสียตั้งแต่ตอนนี้ หรืออย่างน้อย ๆ
ก็สักสองถึงสามข้อที่เราบอกไป จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจภายหลัง