มุมมองของความรักที่เปลี่ยนไปหลังจากที่คุณแต่งงานแล้ว
ฉันเคยสิ้นหวังกับเรื่องความรักมาแล้วครั้ง
หนึ่งจึงทำให้ฉันไม่เชื่อว่ารักแท้มีอยู่จริง
ทว่าฉันได้กลับมาสู่เส้นทางแห่งรักอีกครั้งและเพิ่งหมั้นไปเมื่อเร็วๆนี้
ฉันตัดสินใจว่าจะแสวงหาความรู้จากคู่แต่งงาน (หรือแต่งแล้วหย่าแล้ว)
เพื่อหาว่าการแต่งงานทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่
และนี่คือข้อมูลที่ฉันได้รับจากคู่สมรสทั่วทวีปอเมริกาเหนือ1. การแต่งงานคือธุรกิจอย่างหนึ่ง
เออร์วิน อายุ 74 ปี
เมื่อคนเราแต่งงานกันก็เหมือนกับการก่อตั้ง
บริษัทในรูปแบบเชิงพาณิชย์ขึ้น
การตัดสินใจแต่ละครั้งจะส่งผลกระทบต่ออีกฝ่าย
ขณะที่การตัดสินใจก่อนแต่งงานส่งผลกระทบแค่ผมคนเดียวเท่านั้น
ผมไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้เพราะผมต้องพิจารณาชีวิตของคู่สมรสด้วย
ยกตัวอย่างเช่น
เราตัดสินใจที่จะสละความสุขบางอย่างออกไปและนำเงินออมของเราไปลงทุนในธุรกิจ
ใหม่ของภรรยา
นอกจากผลประโยชน์ที่ได้รับจากธุรกิจของภรรยาแล้วท้ายที่สุดผมยังมีบทบาท
สำคัญในธุรกิจซึ่งสร้างสรรค์ที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาเพราะการตัดสินใจของเรา
ทั้งคู่นั่นเอง
หากคุณมองว่าการแต่งงานเป็นการร่วมทุนกันก็หลีกเลี่ยงการทำร้ายซึ่งกันและ
กัน ทั้งนี้ควรช่วยกันคว้าโอกาสต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วย2. การแต่งงานคือความผูกพันและจริงจังมากขึ้น
ทีซาร่า อายุ 42 ปี
การแต่งงานเป็นสิ่งที่มีความหมายเนื่องจาก
ฉันเป็นผู้ตัดสินใจเอง
ช่วงที่ยังเป็นแค่แฟนกันฉันเหมือนกับว่าต้องลองผิดลองถูกเพื่อดูว่าแบบไหน
จึงจะเหมาะสม แต่ทันทีที่เราแต่งงานกันฉันรู้สึกมีความสุขและผูกพันมากขึ้น!
สามีกับฉันมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่การแต่งงานสอนให้ฉันรู้จักแสวงหาความเหมือนกันที่ซ่อนอยู่
การเคารพซึ่งกันและกัน
รวมถึงความปรารถนาที่จะรักและเป็นผู้ถูกรักในสิ่งที่เราเป็น3. การแต่งงานทำให้คนเราเปลี่ยนไป
ซีร่า อายุ 27 ปี
ฉันอายุ 27 ปีและปัจจุบันก็หย่าแล้ว
ความผิดพลาดในชีวิตแต่งงานของเราคือการเปลี่ยนแปลงของทั้งสองฝ่าย
(โดยไม่ทราบสาเหตุ) ทันทีที่แต่งงานกัน
ก่อนแต่งงานทุกสิ่งสวยงามและเขาก็เป็นผู้ชายที่วิเศษที่สุด
ทว่าหลังแต่งงานเขากลับโรแมนติกน้อยลงและไม่เห็นคุณค่าของฉัน
เขาเริ่มกระแทกประตูและชี้นิ้วใส่หน้าฉันเวลาที่ทะเลาะกัน
ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่สนใจความรู้สึกของฉันและทำให้เราห่างเหินกัน
ฉันคงเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่เร็วเกินไป
ฉันเรียกร้องความสนใจจากเขาและคิดว่าเราควรแสดงความรักต่อกันให้มากขึ้น
ฉันอยากมีลูกและกดดันเขาหนักเกินไป4. คนเรามีมุมมองในเรื่องชีวิตคู่ที่ ?เหมาะสม? แตกต่างกัน
เดย์น่า อายุ 48 ปี
ในช่วงเริ่มต้นหลายคนเชื่อว่าพวกเขาต้อง
ละทิ้งทุกอย่างเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ฉันเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างความไม่พอใจ
ในกรณีของฉันเราคนสองมีมุมมองเกี่ยวกับการแต่งงานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เขาอยากได้การแต่งงานแบบดั้งเดิม ส่วนฉันอยากได้แบบทาร์ซานกับเจน
ทุกสิ่งแย่ลงเมื่อฉันเริ่มทำงานได้เงินมากกว่าเขาเพราะหนึ่งในกฎของเขาคือ
?คนที่ทำเงินได้มากกว่าคือเจ้านาย?
เขากลายเป็นคนขี้อิจฉาและเริ่มกล่าวหาว่าฉันมีชู้ ตอนนี้เราหย่ากันมาได้ 9
ปีแล้วและเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน!5. การแต่งงานคือความมั่นคง
เอลิซาเบธ อายุ 50 ปี
ฉันเคยแต่งงาน หย่าร้าง และแต่งงานใหม่
จากประสบการณ์ฉันพบว่าการแต่งงานคือการลงหลักปักฐานของฉัน
การแต่งงานกับสามีคนที่ 2 ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย เขาจะหย่ากับฉันได้ไหม?
ได้ค่ะแต่สำหรับฉันการแต่งงานคือการค้นหาความสุขแทนที่จะเป็นทางออก6. การแต่งงานทำให้ทุกสิ่งสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ลอรี่ อายุ 28 ปี
จริงๆก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ
ตอนนี้ฉันใช้ชีวิตสมรสมา 8 ปีแล้ว
ฉันรู้สึกว่ายิ่งได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อผ่านช่วง 7
ปีแรกไปแล้ว7. บทบาททางเพศกลายเป็นความคาดหวัง
บริทนีย์ อายุ 26 ปี
ดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในบทบาทที่มีความ
สุข แม่บ้านที่น่ารักกับสามีที่ไปทำงานและกลับมาบ้าน
นั่งอยู่บนโซฟาขณะที่ภรรยาก็ทำอาหาร ทำความสะอาด และทำงานบ้าน
แต่แท้ที่จริงชีวิตแต่งงานของเรากำลังถูกทำลายเพราะเราทั้งคู่เป็นผู้หา
เลี้ยงครอบครัวอย่างเท่าเทียมกัน (ฉันต้องทำงานพาร์ทไทม์ 2
แห่งและเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย)
สุดท้ายงานบ้านก็กลายเป็นภาระของฉันเพียงคนเดียว เขาบอกว่านี่คือ ?หน้าที่?
ของภรรยา8. หลังจากแต่งงานคนก็อยากให้คุณมีลูก
แคท อายุ 28 ปี
สิ่งที่ฉันสังเกตคือทุกคนจะตั้งคำถาม
เกี่ยวกับลูกหมด คำถามแรกคือ ?มีลูกหรือยัง?? ?ท้องหรือยัง?
ลูกกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนคาดหวัง ฉันรำคาญมากเพราะเรายังไม่พร้อม
เมื่อเราแต่งงานกันทุกอย่างก็จะเริ่มจริงจังมากขึ้น
รวมถึงความสัมพันธ์ของเราด้วยBlogger : Bobby Box
Source : elitedaily.com