ชีวิตเรา เราเลือกได้

อ่าน 9,777

เราอยากมาเล่าเรื่องชีวิตของเราเพื่อให้ใครหลายคนที่กำลังท้อแท้ ในเรื่องต่างๆ ชีวิตของเราถือว่ามีต้นทุนชีวิตที่ต่ำ (แต่ไม่ได้ต่ำมากเพราะมีครอบครัว มีแขน มีขา ได้เรียน) ตอนนี้เราอายุเข้า 20 ปีนี้ อายุเราอาจไม่เยอะที่จะเอาชีวิตที่ผ่านมามาสอนใครได้ แต่เราเชื่อว่าคนบางคนที่อายุเยอะกว่าเรายังไม่เคยผ่านเรื่องมากมายขนาดนี้มาด้วยซ้ำตอนเป็นเด็กคือช่วงเวลาที่เรามีความสุขที่สุด เรามีทุกอย่างพร้อมครอบครัวมีความสุข ทุกๆอย่างกำลังไปได้ดี จนวันหนึ่งวันที่โรคร้ายเข้ามาหาพ่อ พ่อป่วยเป็นโรคติดเชื้อในกระแสเลือดจากการเป็นแผลในลำไส้ พ่อต้องทุกข์ทรมานกับโรคนี้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ เงินเก็บที่ใช้รักษากำลังจะหมดไป แม่ต้องรับภาระหาเงินเพิ่ม ออกไปทำงานไกลบ้านเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย แม่เหนื่อยจนตัดสินใจทิ้งเรา น้องและพ่อไว้ ชีวิตเริ่มจากเต็ม 100 ลดลงจนเกือบถึง 0 จนสุดท้ายยื้อเขาไม่ไหว พ่อจากไปไวกว่าที่ทุกคนคิด เราอายุแค่ 9 ขวบ ตอนนั้นเราคิดว่าสมควรแล้วหรอว่ะที่เด็กแค่นี้ต้องรับความเจ็บปวดที่เสียพ่อ แม่ทิ้ง ไม่เหลือใครมีแค่น้องชาย ( มันสอนเราว่าไม่ว่าจะทุกข์จะสุขเราจะไม่ทอดทิ้งน้องชายเราเพราะเรารู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ในวันที่ไม่เหลือใคร เราสัญญากับตัวเองเสมอมา ) แต่เรายังโชคดีหลังจากงานศพพ่อเสร็จเราได้เจอกับยาย พ่อเคยบอกไว้ก่อนจากไปว่าให้เราและน้องไปอยู่กับยาย เราดีใจมากที่ยายมารับอย่างน้อยเราก็ได้ทำตามคำขอครั้งสุดท้ายของพ่อตอนนั้นเราคิดได้แค่นี้ หลังจากมาอยู่กับยายเราทำทุกอย่างซักผ้า ทำกับข้าว แม้กระทั่งทำงานหาเงินเพราะเราคิดว่าถ้ามีเงินเราจะมีทุกอย่าง แม่จะกลับมาหา เราคิดแบบนี้เพราะเราเสียพ่อไปเพราะไม่มีเงินรักษา เราเสียแม่ไปเพราะเราจนแม่ไม่อยากลำบาก เราไม่เคยโกรธแม่เลยเราเฝ้าแต่เรียกหาทุกวัน ยายและคนอื่นๆช่วยกันตามหาแม่ จน 4 ปีผ่านไปหลังจากเสียพ่อ แม่กลับมา กลับมาพร้อมกับแฟนใหม่ แม่ถามเราว่าให้เขาเป็นพ่อได้ไหม เรียกเขาว่าพ่อได้ไหม เราทำไม่ได้ เราบอกแม่แค่ถ้าแม่มีความสุขหนูยอมให้แม่มีเขาแต่หนูเรียกเขาว่าพ่อไม่ได้หนูมีพ่อคนเดียว จากนั้นแม่คอยดูแลส่งเงินให้เสมอแต่แม่ก็ยังไม่มาอยู่ด้วย เรายิ่งทำงาน ทำงานทุกวันหลังเรียนเสร็จ เก็บเงินทุกบาทที่ได้แม้กระทั่งค่าขนมยอมอด เพื่อพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าเรามีเงินเราอยากเลี้ยงแม่ อยากให้แม่กลับมาอยู่กับเรา วันนึงแม่เห็นถึงความพยายามที่เราทำ แม่จึงกลับมาอยู่กับเราอีกครั้งรวมๆแล้วเราใช้เวลาอีก 2 ปีแม่ถึงกลับมา ชีวิตเหมือนจะกลับมาเต็มร้อย อาจจะเหนื่อยที่ต้องเรียนและช่วยแม่ทำงานทั้งที่เด็กวัยเรา เพื่อนๆได้เที่ยวได้สนุก เรายอมก้มหน้าทำงาน แต่หนี้สินที่มีแต่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆจากการขาดทุนจากการค้าขายก็มากขึ้นเรื่อยๆ ทำงานมากขึ้นแต่ไม่ได้ใช้เงิน เพราะความใจดีที่แม่มีต่อคนอื่นเมื่อแม่เห็นคนอื่นเดือดร้อนแม่ไม่เคยช้าที่จะช่วย แม่ช่วยได้ทุกอย่างแม้แต่ตัวแม่จะลำบากเอง สุดท้ายชีวิตเราจากพอมีพอกินก็กลายเป็นไม่เหลืออะไร แม่ต้องเลิกกับพ่อเลี้ยงเพราะทะเลาะกันเรื่องเงิน จากที่แม่ไปช่วยคนอื่นแล้วไม่ได้บอก ทำให้สร้างหนี้เพิ่มขึ้น แม่และเราต้องรับผิดชอบในการหาเงินไปคืนเจ้าหนี้ที่ยืมมา แม่กู้หนี้นอกระบบเพื่อใช้จ่ายภายในบ้าน จนสุดท้ายก็สู้ดอกไม่ไหวแล้วยังต้องส่งเราเรียนมหาลัย เราเคยท้อ ท้อมากจนไม่อยากเรียนกลัว กลัวแม่เหนื่อย แต่แม่คอยบอกเสมอแม่ไม่มีอะไรให้ แม่อยากส่งให้เรามีความรู้ติดตัวสักวันหนึ่งหากไม่มีแม่ให้เราเอาตัวรอดได้ เราจึงพยายามทำทุกอย่างที่จะเรียนต่อให้ได้เพื่อแม่ เพื่อตัวเราเอง จนแม่ประคับประคองเรามาเรื่อยๆ ผ่านไป ปี 1 เข้าปี 2 แม่เริ่มป่วยเป็นโรคปอด ติดเชื้อในปอด จนปอดซ้ายใช้ไม่ได้ ภูมิแพ้เริ่มเล่นงานแม่หนักขึ้นจากที่แม่เป็นไซนัดอยู่แล้ว แม่เหนื่อยง่ายหายใจไม่ออกบ่อย และหยุดหายใจนับครั้งไม่ถ้วน เราเจ็บเจียนตายทุกครั้งที่เห็นแม่เจ็บปวด ความรู้สึกเดิมก็เข้ามาความกลัวที่ต้องเสียแม่ไปมันทำให้เราท้อ อยากออกมาทำงานหาเงินดูแลแม่ แต่แม่ก็ห้ามและยืนยันให้เรียนให้จบให้ได้ แม่อาการดีขึ้น จนเราใกล้จบปี 2 อาการแม่เริ่มหนักขึ้นเข้าโรงบาลทุกเดือน กลายเป็นทุกอาทิต แต่แม่ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเงินให้ เราบอกเสมอให้แม่พัก แต่แม่ไม่เคยฟังฝืนทำจนไม่ไหวถึงจะหยุด จนอาการที่หนักเป็นอาการเตือนสุดท้ายคืออาการปวดหัวขั้นรุนแรง แม่เจ็บเจียนตายให้ออกซิเจนหายใจเองไม่ได้ กินอาหารไม่ได้เลย แต่ยังคงมีสติ สติที่รับรู้ความเจ็บปวด เราโทหาแม่เกือบทุกชั่วโมง โทรถามอาการตลอดเวลาได้คุยกับแม่บ้างไม่ได้คุยบ้าง พอได้คุยแม่จะถอดสายหายใจออกเพื่อคุยกับเรา แล้วบอกเราว่าเขาโอเค เขาดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ตั้งใจเรียน เดี๋ยวแม่ก็หาย เรารู้ว่าแม่ไม่ได้ดีขึ้นแต่แม่พูดเพื่อให้เราเข้มแข็ง เราจึงต้องเข้มแข็งเราไม่เคยร้องไห้ให้แม่ได้ยิน เราจะบอกรักแม่ทุกครั้งที่ได้คุยและแอบมาร้องไห้ร้องอยู่คนเดียวเสมอ มันเจ็บ เราสวดมนต์ทุกคืนเพราะเชื่อว่าพระจะคุ้มครองแม่ จริงๆเราทำใจไว้แล้วว่าเรารักษาแม่ไว้ได้ไม่ตลอดไปหรอก แม่เคยขออย่ารั้งเขาไว้หากเขาไปแล้ว เราได้แต่ร้องไห้ปลอบใจตัวเองทุกวัน จนวันหนึ่งแม่อาการทรุดหนักต้องย้ายโรงบาลเราติดต่อใครไม่ได้เลยหลังจากนั้นจนเราแทบบ้า เพราะเรากำลังจะสอบครั้งสุดท้ายแม่บอกให้สอบให้เสร็จก่อนจะไปหาแม่ เราอยากกลับ กลับไปดูแลท่านแต่ไม่อยากผิดสัญญากับแม่จึงต้องสอบให้เสร็จ ทุกคนยายและน้องไม่มีใครกล้าบอกว่าตกลงแม่เป็นอะไร เราทนไม่ไหวที่จะไม่รู้อะไรเลยเพราะแม่เป็นหนักขนาดที่ไม่สามารถพูดได้ เราจึงตัดสินใจโทรถามอาการจากทางโรงพยาบาล คำตอบที่ได้รับมันโคตรฆ่าเราทั้งเป็นเลย แม่ติดเชื้อราในสมองจาการสำลักน้ำมูกขึ้นไปในสมอง เชื้อรารุกรามทำลายเซลล์สมองอย่างรุนแรงเพราะแม่ฝืนไม่มาหาหมอเพราะทำงานหาเงินส่งให้เรา มันยิ่งทำให้เราโทษตัวเองมากขึ้นที่เป็นสาเหตุให้แม่เป็นแบบนี้ แม่ต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด อาการแม่เริ่มจากปวดหัวรุนแรง เพราะน้ำที่อยู่ในสมองมีมากเกินไปต้องทำการระบายออก ยิ่งระบายออกก็ยิ่งเพิ่มขึ้น อาการยิ่งหนักขึ้น แต่แม่กลับมาพูดได้แม้จะไม่ชัดแต่ฟังออกแม่อยากคุยกับเราอยากได้ยินเสียงเรา พอไม่ได้ยินแม่อาการทรงตัวไม่ทรุดแต่ไม่ดีขึ้นเลย อาการที่ตามมาคือตาเบลอ เริ่มที่จะมองไม่เห็น ( เชื้อราทำลายเส้นประสาทตา ) ต่อให้แม่หายแม่จะไม่กลับมามองเห็นอีก แต่เราไม่สนใจเรายอมทุกอย่างแค่แม่กลับมา อาการต่อมาก็หูอื้อ ได้ยินไม่ชัดเวลาคุยแม่จะตะโกน นี่เป็นอาการก่อนเราจะกลับหนึ่งวัน ช่วงวันที่เรากลับไปหาแม่อาการดีขึ้นเหมือนรอเรากลับไป และเมื่อเราเดินทางไปถึงแม่ อาการแม่ตอนนั้นคือแยกไม่ออกแล้วว่าใครเป็นใคร ไม่ได้ยินเสียง มองไม่เห็นเอาแต่เรียกหา เราไม่กล้าเดินไปจับตัวแม่ด้วยซ้ำ ครั้งแรกที่เราเห็นแม่กับตาเราแทบไม่เชื่อว่านั่นคือแม่เรา แม่ผอมไปมากจากที่เคยเห็นไม่ถึงเดือน มันทำให้แม่ทรมานได้ขนาดนี้ ใจลูกแทบสลายที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย เรียกให้ตายเขาก็ไม่ได้ยิน แม่ใช้การสัมผัสว่าคนที่แม่จับคือใคร หลังจากแม่จับตัวเรา แม่จำได้ว่าคือเรา แม่เรียกชื่อเรานั้นคือครั้งสุดท้ายที่แม่พูด แม่หลับตาหายใจขัด หายใจดังถี่ขึ้น และเบาลงเรื่อยๆ จนแทบไม่ได้ยินเสียง เราพร่ำบอกรักแม่ บอกทุกสิ่งทุกอย่าง บอกขอบคุณ บอกคิดถึง เรียกแม่ อยากให้อยู่ต่อพยายามไม่ร้องไห้ เราหอมแม่ เรากอดแม่เอาหน้าไว้ที่อกแม่เรายังได้ยินเสียงหัวใจแม่แต่อ่อนลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเราไม่ได้ยิน พยาบาลเอาเครื่องตรวจมาตรวจว่าแม่ยังมีลมหายใจแต่อ่อนมาก เขาถามเราให้ต่อเครื่องช่วยหายใจไหม ใจเราอยากที่จะรั้งแม่ไว้ แต่ที่แม่ขอแม่ขอให้ปล่อยเขาไป รั้งเขาไว้มีแต่ทรมานสักวันเขาก็ไปอยู่ดี รอกอดแม่จนหัวใจแม่หยุดเต้น คำพูดทุกท้ายก็คือบอกรักแม่ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าแม่รอเราก่อนเขาจะจากไปแม้แม่จะไม่ได้พูดก็ตาม เราอาสาที่จะขอไปซื้อชุดสุดท้ายที่ใส่ให้แม่ พอเราเดินไปถึงร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เราเห็นเสื้อที่แม่มี ตัวที่แม่ชอบ แบบที่แม่ชอบมาก สีต่างๆที่แม่เลือกใส่ ทุกๆอย่างที่แม่ชอบเราจำได้หมด เราซื้อทุกอย่างที่เป็นของชอบของแม่ เราแต่งหน้าให้แม่ด้วยตัวเราเอง ใครๆก็บอกว่าแม่เหมือนคนนอนหลับ แม่แค่หลับไป แม่เหนื่อย แม่ต้องผักผ่อน เราร้องทุกวันเกือบตลอดเวลาที่อยู่คนเดียว เราไม่กลับบ้านเราเฝ้าแม่ทั้งกลางวัน กลางคืน เราเรียกแม่กินข้าวทุกมื้อ เราคิดถึงทำไมต้องเป็นเราที่ต้องเสียคนที่เรารักไปอีกแล้ว เราไม่อยากเข้มแข็งเลย แม่สอนว่า " ทุกการสูญเสียจะสอนให้เราเข้มแข็ง " เราอยากอ่อนแอ เราขอทุกคนคืนมาได้ไหมเรายังมียาย มีน้อง และมีแฟนที่เรารัก คนที่คอยดูแลเราช่วงที่เราทำใจเรื่องแม่ คนที่ไม่เคยทิ้งเราไปไหนคือ 3 คนนี้ คนที่เรารักสุดดวงใจ คนที่เราสัญญาจะดูแลด้วยชีวิตเราขอจบเท่านี้ นี่เป็นบางส่วนในชีวิตเราที่เราเจอมา เราขอเตือนนะ ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน อยากทำอะไรให้รีบทำ อย่าช้าที่จะทำสิ่งที่ดีกับคนที่เรารัก ทำไปเลยอย่าไปกลัว การโตมาสอนให้เรารู้ว่าการดูแลคนที่เรารักคืองานที่มีความสุขที่สุด อย่าปล่อยให้สายไป กลับไปรักษาความรักที่ดีที่สุดไว้กับตัวให้นานที่สุดเช่นกันอย่าใช้ข้ออ้างว่ามีไม่เหมือนคนอื่นเพื่อทำเลว คนที่เขาลำบากกว่ามีเยอะแยะไป จงมีกำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อคนที่ยังอยู่ อย่าทำลายโอกาสที่จะได้ดูแลพวกเขาด้วยการตาย เราก็รู้ดีความตายพรากชีวิตใครคนที่ยังอยู่และรักเราเจ็บปวดแค่ไหน ดังนั้นอย่ามีความคิดนี้เด็ดขาด ใช้ชีวิตให้คุ้มกับที่แม่เจ็บ



บทความแนะนำ


ผู้ชายผู้หญิงภรรยาความรักPowerBuyหินปะการังสาธารณรัฐMaldivesโปรโมชั่นทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก