"ฤทธิ์แห่งความรัก" ทำให้ถึงความเป็นบ้า ยิ่งรักมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก !!

อ่าน 10,194

ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ รักในคน สัตว์ สิ่งของ นั้นเมื่อใดก็ย่อมมีทุกข์ตามมา เมื่อรักมากก็ทุกข์มากและเมื่อใดได้ประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก ก็ย่อมเป็นทุกข์ด้วยเช่นกัน ดังเรื่องราวของพระเถรีอรหันต์รูปหนึ่ง ชื่อว่า พระวาสิฏฐีเถรี

พระวาสิฏฐีเถรีเป็นผู้มีชีวิตที่ผันผวนปรวนแปรอย่างน่าสงสาร เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและรุนแรงในชีวิต จนไม่มีใครสามารถทำนายชีวิตของท่านได้ว่า ชีวิตในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป พระเถรีได้เคยบำเพ็ญบารมีที่เป็นอุปนิสัยแห่งมรรคผลนิพพานมาหลายชาติ ได้เคยทำบุญกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายพระองค์ ได้ท่องเที่ยวเวียนตายเวียนเกิด เป็นเทวดาและมนุษย์มายาวนานเป็นแสนกัป

มาถึงในสมัยพุทธกาลนี้ท่านได้เกิดในตระกูลฐานะดีตระกูลหนึ่งในเมืองเวสาลี มีชื่อว่าวาสิฏฐี เมื่อเติบโตเป็นสาว มารดาบิดาได้ยกให้เป็นภรรยาของกุลบุตรผู้หนึ่ง ซึ่งมีฐานะเสมอกัน หลังจากแต่งงานแล้ว ทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ประหนึ่งว่าเป็นคู่สร้างคู่สม คู่บุญคู่บารมีกัน จนมีพยานรัก คือ ลูกชายหนึ่งคน

เมื่อลูกชายเติบโตวิ่งเล่นได้ พลันเกิดเหตุพลิกผันวิถีชีวิตของนางโดยสิ้นเชิง ลูกชายของนางเกิดล้มป่วยลง และตายจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้นางเกิดความโศกเศร้าเสียใจ อาลัยอาวรณ์ต่อลูกน้อยเป็นอย่างมาก จนไม่เป็นอันกินอันนอน นางไม่สามารถควบคุมสติของตนได้ กลายเป็นคนเสียสติในทันที

พวกญาติและสามีของนางได้ช่วยกันรักษาเยียวยา แต่ไม่ได้ผล นางเดินร้องไห้กระเซอะกระเซิงออกจากบ้านไป โดยไม่มีใครรู้ว่า นางไปทางไหน จนกระทั่งไปถึงเมืองมิถิลา ขณะนั้นเอง บุญเก่าที่นางได้สั่งสมไว้ดีแล้วตามมาให้ผล นางได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเอกของโลก ซึ่งขณะนั้น พระพุทธองค์กำลังเสด็จดำเนินไปสู่เมืองมิถิลา ด้วยพุทธานุภาพ อันไม่มีประมาณ ทันทีที่ได้เห็นพระบรมศาสดา นางกลับได้สติ หายจากอาการเป็นบ้าในที่นั้นเอง

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่า นางกลับได้สติแล้ว จึงแสดงธรรมโปรดนางวาสิฏฐี ให้คลายจากความรักความผูกพัน

ครั้งนั้น พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่นางโดยย่อ นางได้ฟังธรรมอันเป็นเหมือนธรรมโอสถ นั้นแล้วกลับได้ความสังเวช ทูลขอบวชกะพระศาสดา ได้บวชในภิกษุณีทั้งหลายตามพระดำรัสสั่งของพระศาสดา ทำกิจเบื้องต้นแล้ว ก็ได้เริ่มวิปัสสนา พากเพียรพยายามอยู่ไม่นานนัก ก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ เพราะมีญาณแก่กล้า พิจารณาการปฏิบัติของตนแล้ว ได้กล่าวคาถาเหล่านี้เป็นอุทานว่า

"ข้าพเจ้าถูกความเศร้าโศกถึงบุตรบีบคั้น มีจิตฟุ้งซ่านหมดความรู้สึก เปลือยกายสยายผม เที่ยวซมซานไปตามที่ต่าง ๆ ข้าพเจ้าได้เที่ยวไปในถนน กองหยากเยื่อ ในป่าช้าในตรอกใหญ่และตรอกน้อย อด ๆ อยาก ๆ ตลอดสามปี ภายหลัง ได้พบพระสุคตผู้ฝึกบุคคลที่ยังไม่ได้ฝึก ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง หาภัยแต่ที่ไหนมิได้ กำลังเสด็จไปสู่กรุงมิถิลากลับได้สติ แล้วเข้าไปถวายบังคมพระโคดมพระองค์นั้นได้ทรงแสดงธรรมโปรดข้าพเจ้าด้วยพระกรุณา ข้าพเจ้าฟังธรรมของพระองค์ แล้วออกบวชไม่มีเรือน เพียรพยายามในคำสอนของพระศาสดา ได้ทำให้แจ้งซึ่งบทธรรมอันรุ่งเรืองเกษม ข้าพเจ้าถอนและละความโศกอันมีอรหัตเป็นที่สุดได้หมดแล้ว เพราะข้าพเจ้ากำหนดรู้วัตถุที่ตั้งเหตุเกิดแห่งความโศกทั้งหลายได้."

มีวาระพระบาลีใน ขุททกนิกาย อุทานคาถา ว่า

"ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์อันมากมายนี้มีอยู่ในโลก ก็เพราะอาศัยสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก เมื่อไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์เหล่านี้ย่อมไม่มี

ผู้ใดไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รักในโลก ผู้นั้นย่อมเป็นผู้มีความสุขปราศจากความเศร้าโศก เพราะเหตุนั้นผู้ใดปรารถนาความไม่โศกอันปราศจากกิเลสดุจธุลีแล้ว ไม่พึงทำสัตว์หรือสังขารใดในโลกให้เป็นที่รักเลย"

สรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีความทุกข์อยู่นี้ เพราะมี ความผูกพัน ในคน สัตว์ สิ่งของ จึงต้องติดบ่วงแห่งทุกข์ แม้พญาราชสีห์ หากติดบ่วงของนายพรานแล้ว ย่อมสิ้นกำลังและอำนาจ ได้รับแต่ความทุกข์ทรมาน มนุษย์ทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน แม้มียศถาบรรดาศักดิ์มากเพียงใด หากติดบ่วงแห่งความรักและความผูกพัน ย่อมต้องสิ้นฤทธิ์ เพราะตกอยู่ในอำนาจของกิเลสตัณหา ย่อมมีจิตโศกเศร้า เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน

ผู้รู้ทั้งหลายกล่าวไว้ว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์"

ทุกข์ที่เกิดจากการแปรเปลี่ยน หรือพลัดพรากจากคน สัตว์ สิ่งของอันเป็นที่รัก ยิ่งรักมากก็ยิ่งทุกข์มาก หรือทุกข์ที่เกิดจากการพบเจอสิ่งอันไม่เป็นที่รัก สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนทำให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจ คือ มีสภาพจิตที่อับเฉาซบเซา ทำให้มีอาการแห้งใจ เหมือนดินแห้ง ใบไม้แห้ง หมดความชุ่มชื่น ไม่อยากรับรู้อารมณ์อื่นใด ไม่อยากทำการงานอะไร ฤทธิ์เดชของความไม่สมหวังนี้ อาจทำให้คนกลัดกลุ้มจนตรอมใจตายก็ได้

ดังนั้น พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้เรารู้จักพิจารณาปล่อยวาง และคลายจากความยึดมั่นถือมั่นว่า

"เราจะต้อง พลัดพรากจากของรักของชอบใจด้วยกันหมดทั้งสิ้น"

อ้างอิงจาก : www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=452



บทความแนะนำ


หมวกกันน็อคร้อยเอ็ดภาพยนตร์การศึกษาทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก