วิธีดีๆ ดูแลความรักให้สดใสอยู่เสมอ ให้ความรักของคุณกลับมาสวยงามได้อีกครั้ง?

อ่าน 9,356

ใครรู้สึกว่าเรายังรักกันอยู่ แต่แค่รู้สึกว่าความรักของคุณชักเริ่มไม่เข้าท่า ลองหยิบเคล็ดลับดีๆ ไปใช้กันดู แล้วจะรู้ว่ามีอีกตั้งหลายวิธีที่ทำให้ความรักของคุณกลับมาสวยงามได้อีกครั้ง?

12 วิธีดีๆ ดูแลความรักให้สดใสอยู่เสมอ

1. รู้จักให้อภัยอยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ก็ต้องมีบ้างที่ความเห็นและการกระทำที่แสดงออกมาจะไม่ถูกตาต้องใจคนรัก ฉะนั้นต่างฝ่ายต่างก็ต้องรู้จักให้อภัยกัน และอย่ามองในข้อเสียของเขาให้มาก (โดยเฉพาะก่อนแต่งงาน ให้มองหาข้อเสียของเขาให้มากที่สุดและดูว่าคุณรับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ก็ให้ลืมมันไปเลย) พยายามมองในแง่ดี ใช้เหตุผล ยอมรับในสภาพที่เขาเป็น แล้วเวลาเขาทำอะไรผิด อย่ามองว่าเป็นความผิดของเขาคนเดียว บางทีเราอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เขาทำผิดได้เหมือนกัน อย่างบางครั้งเขาทำงานหนักกลับมา เรามีเรื่องไม่สบายใจต้องเก็บไว้ก่อน เราต้องมีเหตุผลและเขาก็ต้องดีจริงๆเหมือนกันเราถึงให้อภัยเขาได้

2. แชร์ความรู้สึกระหว่างกันมีอะไรต้องพูดคุยกัน ไม่โกหกกัน แต่ต้องรู้จักวิธีพูดกับเขา โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้หญิงแล้วพูดจาดีๆอ่อนหวานนิดๆ ผู้ชายทุกคนแพ้หมด และถ้าเขารู้ว่าอยู่ตรงไหนแล้วเขาสบายใจ เขาก็จะอยู่กับเรานานๆ เวลาที่เรารู้สึกไม่พอใจอะไรให้บอกเขาไปเลย เพราะผู้ชายไม่เข้าใจธรรมชาติของผู้หญิง แล้วโดยธรรมชาติของผู้ชาย เขาจะสนใจเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว แต่อย่าไปพูดว่าเขาผิด จะทำให้เขารู้สึกโกรธเรา อาจบอกเขาแทนว่าเขาทำแบบนี้รู้มั้ยว่าเรารู้สึกยังไง แสดงความเป็นห่วงเป็นใยให้เขาเห็น เขาจะค่อยๆเรียนรู้ ถ้าไม่บอกเขาก็ไม่รู้ ถ้าไม่ใช่ผู้ชายละเอียด เขาก็ไม่รู้ว่าเรางอนอะไร ไปๆมาๆอาจรำคาญเราแทนซะอีก ผู้ชายเขาชอบให้เป้งเดียวจบ แล้วอย่าขุดเรื่องเก่ามาว่ากัน

3. มีเวลาให้กันและกันบางคู่อยู่กันนานๆอาจหมดเรื่องคุยกันได้ ลองหากิจกรรมอะไรที่ทั้งสองคนชอบเหมือนกัน มันจะทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่นขึ้น ต้องจัดเวลาให้ถูก มีเวลาให้อยู่ด้วยกัน อย่างชวนกันไปเล่นกีฬา วิธีนี้จะทำให้เรากับเขาหายเครียด เวลาออกกำลังกายพอได้เหงื่อก็จะรู้สึกสดชื่น สบายใจ ทีนี้ตอนกลางคืนก็ไม่มีแรงจะมานั่งทะเลาะอะไรกันแล้ว อีกอย่างก็คือกีฬาจะทำให้เรารู้จักอดทน ทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น อารมณ์ก็จะเย็นลงด้วย แต่ต้องออกกำลังกายแบบต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป เราจะรู้สึกว่านิสัยตัวเองเหมือนจากที่เคยใจร้อน ขี้หงุดหงิดก็จะหายไป ทีนี้จะคุยกันดีๆ ใจเย็นๆและข้อคิดอีกข้อก็คือช่วยรักษาสุขภาพให้เราไปด้วยในตัว

4. ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะทั้งสองคนมาจากต่างครอบครัว ถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน แล้วถ้าเราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเราก็ทำให้เราไม่ทะเลาะกัน บางครั้งอาจจะมีเรื่องให้เราเซอร์ไพรส์ทั้งร้ายและดี แต่ถ้าเรารู้ว่าทำไมเขาทำแบบนี้ เป็นแบบนี้เพราะอะไร รู้ที่มาที่ไปของพฤติกรรมของเขา เราก็จะไม่โกรธ และในขณะเดียวกันเขาเองก็ควรเข้าใจตัวเราให้มากๆด้วย ต้องเป็นความเข้าใจที่เกิดจากคนสองคน

5. ยอมกันบ้างเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตัดสินปัญหาแบบคนละครึ่งทางเสมอ บางครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันก็ต้องยอมๆกันบ้าง บางครั้งเรายอม บางครั้งเขายอมจได้ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน

6. รู้จักสังคมของทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะคนสนิทที่อยู่แวดล้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นสังคมเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว ควรทำความรู้จักไว้ ต่างคนต่างจะได้รู้ว่าสังคมของกันและกันเป็นยังไง ถ้าเราไม่สนใจเลย เราไม่รู้จักเพื่อนเขา อาจทำให้ความรู้สึกระหว่างกันมันขาดๆหายๆไป เวลาคุยกันเรื่องเพื่อนก็จะต่อกันไม่ค่อยติด เวลาเขาไปไหนกับเพื่อนก็ไม่อยากให้เราไปด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตามไปซะทุกครั้ง ไม่งั้นจะทำให้เขาอึดอัดแทน

7. ยอมรับในความแตกต่างคนเราไม่มีใครคิดเหมือนกันได้ทุกอย่าง ในความเหมือนก็ต้องมีความแตกต่าง เขาอาจคิดไม่เหมือนเรา เป็นเพราะเขามีลักษณะแตกต่างกัน บางคนใช้คววามคิดเป็นหลัก บางคนใช้ความรู้สึกตัดสิน บางคนใช้สัญชาตญาณเพราะฉะนั้นทุกคนมีความแตกต่างกัน เราต้องรู้จักเรียนรู้และยอมรับความแตกต่างตรงนี้ให้ได้ โดยเฉพาะต้องยอมรับในข้อเสียของกันและกันได้ ถ้าเรายอมรับได้เรื่องร้ายๆก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะจริงๆแล้วคนเราไม่เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนให้เราได้ ไม่งั้นจะทำให้เราเป็นฝ่ายเสียใจ ทุกข์ใจเสียเปล่าๆ

8. อิสระและความเป็นส่วนตัวเพราะคนเรามีความสนใจหลากหลาย ถ้าเราไม่ปล่อยให้เขามีอิสระเวลาอยู่กันไปนานๆก็จะทำให้ชีวิตคู่เบื่อ เซ็ง และอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องรู้จักหาความพึงพอใจในชีวิตของตัวเองด้วย อย่าคาดหวังว่าอีกคนจะมาเติมเต็มในส่วนที่ขาดให้กับเรา คิดแค่ว่าเรามีอีกคนเป็นเพื่อนที่รักกัน ดูแลกันก็พอแล้ว อย่างอื่นถ้าเราอยากได้อยากเป็นอะไรก็ต้องหาเอาเอง ไม่งั้นเราก็จะคาดหวังทำให้เราเสียใจ

9. ข้อบกพร่องของตัวเองต้องรู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ถ้าเราเป็นคนหงุดหงิดง่าย บางครั้งถ้าเขาทำอะไรไม่เป็นไปตามที่เราคิดก็จะทำให้หงุดหงิดใจ มานั่งนึกว่าทำไมเขาไม่ได้ดังใจ ทำไมเขาไม่เข้าใจ ถ้าเราเข้าใจว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เราต้องยอมรับว่าบางครั้งเราก็ทำอะไรแย่ๆได้ เขาเองก็เป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน อย่างถ้าเราเป็นคนขี้ระแวง บางครั้งเราก็ไปแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์ ถ้ามีสติเราจะเริ่มรู้สึกว่าเราระแวงไปเอง บางทีเราเอาเรื่องมาปะติดปะต่อแล้วก็คิดไปเอง ทั้งๆที่ในความเป็นจริงอาจจะไม่มีอะไรแต่ความระแวงจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆตามมาได้

10. เอาใจเขามาใส่ใจเราหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นจากคนสองคน ทั้งเรื่องงาน เพื่อน ครอบครัว เราต้องมองว่าถ้าเราทำแบบนั้นเขารู้สึกยังไง ถ้าเราทำอะไรไม่ดีออกไป เราก็ต้องเข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธ ไม่ได้มองตัวเองเป็นศูนย์กลางไปซะทุกอย่าง

11. เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่เอาเรื่องเครียดๆมาโยนใส่กัน เวลาเจอกันก็จะเล่าแต่สิ่งดีๆให้เขาฟังหรืออาจปรึกษาเขาว่าควรทำยังไงดี ไม่ใช่เจอกันทีก็บ่นใส่เขา จะทำให้เขารู้สึกว่าเจอคุณทีไรก็มีแต่เรื่องเครียดๆตลอด คุยกันเรื่องสนุกๆจะทำให้เขารู้สึกสุขใจ สบายใจ วิธีนี้จะทำให้เขาอยากเจอเรา อยากมาหาเรา เพราะรู้ว่าอยู่กับเราแล้วมีความสุข เขาก็ไม่อยากไปไหน แล้วก็จะไม่ไปจุกจิกใส่เขา ให้คิดตลอดว่าชีวิตมันสั้น ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข

12. รู้จักดูจังหวะและสถานการณ์อย่างถ้าเขาทำงานมาเครียดๆแล้วเราก็มีเรื่องเครียดอยู่ เราก็ต้องดูอารมณ์เขาหน่อย อย่าเพิ่งไปคุยเรื่องเครียดๆกับเขา ถ้าเขาร้อนมาเราก็ต้องเย็นเข้าไว้ เอาใจเขาหน่อย ดูก่อนว่าเขาหิว เหนื่อย เครียดหรือเปล่า ถ้าใช่ทำอะไร หาอะไรที่เขาชอบ พอเขาอารมณ์ดีเราค่อยคุยกับเขา แต่ถ้าวันนั้นเขาปกติ ก็ต้องดูอารมณ์ว่าควรจะพูดควรจะฟังตอนไหน

หากคุณอ่านจนจบและคิดว่ามีประโยชน์แน่ๆสำหรับคู่ของคุณ แนะนำว่าให้ส่งหน้านี้ต่อให้คนรักของคุณได้อ่านด้วย เพราะความรักจำเป็นต้องทำความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย และเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน เพื่อความรักที่จะอยู่ไปอีกนาน



บทความแนะนำ


มรดกโลกทะเลสาบFacebookไซบีเรียเทคโนโลยีความทรงจำวัยรุ่นวัยเรียนสาขาวัยรุ่นเที่ยวรัสเซียMoneypennyท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก