10 หลักการในการใช้ชีวิตแบบ slow life อยากรู้เป็นยังไงต้องอ่าน!!

ตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์ฮิตอยู่เลยกับการใช้ชีวิตในสไตล์ใหม่ที่คนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก หรือที่เรียกว่าชีวิต slow life ใช้ชีวิตสุดชิล นั่งดื่มกาแฟแบรนด์หรู วันทั้งวันไม่ต้องทำการทำงาน ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยแบบไม่รีบไม่เร่ง นับว่าเป็นชีวิตที่มีความสุขและสงบแบบสุดๆถึงแม้ว่าจะมีหลายกระแสที่ต่อต้านชีวิต slow life เนื่องจากว่าคนที่ใช้ชีวิตแบบนี้ ยังคงเป็นวัยรุ่นเพิ่งเริ่มทำงาน ยังไม่มีรายได้และเงินเก็บที่มั่นคงพอ จนกลายเป็นข้ออ้างแห่งความขี้เกียจ ใช้ชีวิตติดหรูแบบไม่ดูกระเป๋าตังค์ตัวเอง แต่ถ้าใครที่มีทุกอย่างพร้อม และอยากจะใช้ชีวิตแบบช้าๆในสไตล์ slow life บ้าง ก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แล้ววันนี้เราจะมาเจาะลึกความหมายของชื่อแบบ slow life กัน

slow life เป็นการใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไปชะลอตัวเองไม่ให้วิ่งบุญหลายตามกระแสอย่างไรทิศทาง ใช้ชีวิตอย่างมีสาระทำทุกอย่างให้ช้าลง เป็นการดึงสติและซึมซาบความหมายของชีวิตรอบๆ ตัวได้มากขึ้นแต่ถึงอย่างไรก็ตามการใช้ชีวิตแบบ slow life นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทำอะไรเฉื่อยชา และช้ากับทุกสิ่ง ถ้าบางทีเราก็ต้องดูสถานการณ์รอบๆ ตัวเองด้วย บางเรื่องที่ต้องการความเร่งด่วนก็ต้องรีบทำให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดผลกระทบกับเราในด้านลบได้เหมือนกัน หรือจะให้สรุปกันง่ายๆ ก็คือ สิ่งไหนที่ควรรีบก็ให้รีบทำ แต่สิ่งไหนที่สามารถทำช้าๆ ได้ ก็ควรให้เวลากับมันซักนิด ใช้เวลาตัดสินใจอย่างละเอียดละเมียดละไมที่สุดจะดีกว่า

ทำอะไรให้น้อยลง

คนที่ชอบทำอะไรหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน เพราะคิดว่าทุกเรื่องสำคัญเท่ากันหมด จะทำให้ตัวเองหงุดหงิดและเครียดโดยไม่จำเป็น เนื่องจากจัดลำดับไม่ถูกว่าควรจะทำอะไรและเรื่องไหนก่อนดี วิธีแก้ก็คือการตั้งสติแล้วจัดลำดับความสำคัญดู สิ่งไหนควรทำตอนนี้ สิ่งไหนที่สามารถเก็บไว้ทำทีหลัง เพื่อให้เวลากับตัวเองได้หยุดหายใจบ้าง

มีสติอยู่กับปัจจุบันรู้

ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ใส่ใจคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือพูดยังไงว่าให้มีสติอยู่เสมอ เป็นการชะลอจังหวะชีวิตของตัวเองให้ช้าลง เพื่อที่จะได้สังเกตความเป็นไปรับรอบตัวเองให้มากขึ้น

ดึงตัวเองให้ห่างจากโลกออนไลน์

คนสมัยนี้ติดเทคโนโลยี สังคมออนไลน์โซเชียลเน็ตเวิร์ค เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเรามากมายโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว หลายคนเผลอเปิดตัวเองมากเกินไปในการรับข่าวสาร และติดนิสัยชอบติดต่อกับเพื่อนๆ และคนในสังคมออนไลน์อย่างไม่รู้ตัว ถ้าอยากใช้ชีวิตแบบ slow life จะต้องอยู่ห่างจากหน้าจอสักพัก เพื่อสังเกตถึงความเป็นไปในชีวิต และความเป็นจริงรอบๆ ตัวให้มากขึ้นด้วย

หันมาสนใจคนรอบข้าง

เช่นเดียวกันกับข้อด้านบน หลังจากที่โลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของคนเรา ทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างคนน้อยลงไปด้วย เพราะฉะนั้นการใช้เวลาพูดคุยสื่อสารกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ รู้จักทำความเข้าใจอีกฝ่าย และแบ่งปันความรู้สึกของเราให้คนอื่นได้รับรู้ นี่ก็คืออีกหนึ่งความหมายของชื่อแบบ slow life นั่นเอง

อยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น

ถ้าเรารู้จักใส่ใจกับธรรมชาติ เราก็จะสามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้แทบทุกวินาที ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาขับรถไกลๆ ไปถึงนอกเมือง อย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน หลักการใช้ชีวิตแบบ slow life ที่ง่ายที่สุดก็คือ เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และมองออกไปนอกหน้าต่าง ถอดรองเท้าเดินย่ำออกไปบนพื้นหญ้า สูดอากาศสดชื่นให้สายลมปะทะหน้า ตื่นเช้าขึ้นมารับแสงแดดในยามเช้า เท่านี้ก็ได้แล้ว

กินให้ช้าลงบ้าง

ถ้าต้องการใช้ชีวิตช้าๆ ก็ต้องทำอะไรให้ช้าลงตามไปด้วย โดยเฉพาะกับเรื่องการกิน จากเดิมที่เคยรีบกิน ก็ลองกินให้ช้าลง เคี้ยวอาหารช้าๆใส่ใจกับรสชาติอาหารแต่ละจานให้มากขึ้น ดีทั้งกับสุขภาพจิตตัวเอง และยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานยังมีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

ขับรถให้ช้าลง หรือให้เวลากับการเดินทางให้มากขึ้น

ชีวิตที่เร่งรีบในเมืองอาจทำให้คุณต้องเหยียบคันเร่งจนเคยชิน บางครั้งก็ไม่รู้ตัวหรอกว่านั่นคือสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทั้งหลาย ลองหันมาเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง ขับรถให้ช้าลง มีน้ำใจบนท้องถนนให้มากขึ้น ด้วยกันตื่นเช้าขึ้นอีกสักนิดจะได้มีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เพิ่มประสบการณ์ชีวิตของตัวเองที่ไม่เคยได้เห็นอีกหลายอย่าง นับว่าเป็นการเปิดโลกใหม่ๆ ให้กับตัวเองได้เหมือนกัน

คิดบวก

โลกจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่มุมมองความคิดของเราเอง เคยลองคิดบ้างหรือเปล่าว่าสิ่งที่เราเห็นว่ามันไม่ดีก็เกิดมาจากความคิดของเราทั้งนั้น เมื่อชะลอการใช้ชีวิตของตัวเองให้ช้าลง เราก็จะมองเห็นสิ่งสวยงามที่เกิดขึ้นรอบตัวเราได้ชัดเจนขึ้น แล้วก็จะทำให้ความสุขเกิดขึ้นกับเรายังไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ทำอะไรที่ละอย่าง

ให้ตั้งใจทำอะไรทีไรแค่อย่างเดียวเท่านั้น การทำอะไรหลายหลายอย่างไปพร้อมกันเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในชีวิต อีกทั้งยังทำให้งานที่ออกมาไม่ดีเต็ม 100 ทุกอย่างด้วย

หายใจเข้าลึกๆ ให้เต็มปอด

ความเร่งรีบทำให้เรารู้สึกเหนื่อยและหอบจนล้า การใช้ชีวิตแบบช้าๆเพื่อให้ตัวเองได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความเครียดและความกดดันทั้งหลายก็จะผ่อนคลายลง และหายไปในที่สุด

และนี่ก็คือ 10 ข้อของหลักการในการใช้ชีวิตแบบ slow life ใครอยากจะลองเอาไปทำดูก็ไม่ผิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรู้จักคำนึงถึงสถานการณ์รอบตัว กาลเทศะ บทบาทและหน้าที่ของตัวเองในสังคมด้วย รวมไปถึงความพร้อมของตัวเอง ใช้ชีวิตตามเทรนด์อย่างมีสติ ถึงจะเรียกว่าใช้ชีวิตแบบ slow life แบบคนฉลาด