"การวางแผนครอบครัว" เป็นเรื่องที่คิดได้ตั้งแต่ในวัยเรียน!! จริงหรือ??

อ่าน 2,549

เรามักจะได้ยินเสมอว่า ?ให้ตั้งใจเรียนไว้ก่อน ความรักค่อยว่ากันทีหลัง? เพราะผู้ใหญ่มักจะมองว่า หากเรียนเก่ง เรียนดี ก็จะได้งานทำที่ดี แล้วโอกาสทางสังคมอื่น ๆ ก็จะดีตามมาด้วย ผลักเรื่องความรักและเพศออกไปก่อน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ลามก โดยลืมคิดไปว่า ?วัยรุ่นคือวัยเจริญพันธุ์?

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดหากว่าปัญหาท้องก่อนแต่ง ท้องในวัยเรียน หรือกินอยู่ร่วมกันเหมือนคู่สมรสในวัยเรียนจะวนลูปให้เราเห็นอยู่เรื่อย ๆ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ?เหตุใดเราถึงมองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องลามก ไม่สมควร?

ถ้าคุณมีลูกหลานที่กำลังอยู่ในวัยรุ่น มันก็ถึงเวลาแล้วแหละที่เราจะต้องสร้างเกราะให้พวกเขาได้กล้าพอที่จะ ?พูดเรื่องเพศ? ซะตั้งแต่ตอนเรียน ทั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาเสี้ยมสอนให้เห็นว่า sex เป็นเรื่องที่น่าหมกมุ่น แต่เพื่อต้องการให้เห็นว่า ?มันเป็นเรื่องปกติของคนเรา เพียงแต่ต้องมีการควบคุมกันบ้าง? -------------------------------------------------

1. sex ในวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องแปลก ควรทำให้มันเป็นเรื่องง่ายต่อการพูดถึง แต่ยากในการเข้าถึง ยุคนี้สมัยนี้ สื่อลามกหาดูได้ง่านแค่ปลายนิ้วคลิก เด็กหลายคนมักรู้ดีว่าควรหาดูจากที่ไหนบ้าง แต่น้อยคนนักที่จะเลือกวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดให้กับตนเอง

สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรคิดเผื่อไว้ก็คือ ไม่ควรเข้าไปตำหนิโดยตรงว่าsex มันคือเรื่องผิดบาป แต่ควรจะสอนให้เขาคิดได้ว่า ?เลือกจะทำแบบไหน อย่าขาดความรับผิดชอบ? ถ้ามั่นใจว่าคุณปลูกฝังค่านิยมดี ๆ มาแต่ต้น เมื่อปล่อยให้เขาเผชิญโลกกว้าง เขาจะคิดได้เองโดยไม่ต้องบอกสอนว่า แบบไหนดีหรือไม่ดี (เลี้ยงเหมือนไข่ในหิน หรือให้อิสระมากเกินไป ไม่ทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัยแต่อย่างใด บางครั้งมันก็เท่ากับยิ่งห้ามยิ่งยุ)

2. อย่าทำให้เขารู้สึกว่า ผิดจากคู่รักแบบชาย-หญิง, ผิดจากคู่รักวัยไล่เลี่ยกัน = ผิดปกติ ข่าวเดี๋ยวนี้มักจะนำเสนอข่าวที่ฮือฮาเรียกคะแนนความสนใจ เช่น คู่รักที่อายุห่างกันมาก ๆ, คนแก่ที่เพิ่งมาแต่งงานกัน, เพศเดียวกันแต่งงานกัน ?อย่าแสดงความคิดเห็นในเชิงเหยียด? แต่ควรจะปรับทัศนะเสียใหม่ว่า ?ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอไม่ว่ากับคนใด คู่ใดก็ตาม? อีกทั้งควรแสดงความเห็นให้เด็กรู้สึกอุ่นใจว่า ?ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะยังรักกันเหมือนเดิม และพร้อมจะให้การสนับสนุนในสิ่งที่ลูก/หลาน คิดว่าดีแล้ว รักแล้ว?

3. ควรคิดเผื่อ หากว่าในวันหนึ่งเด็กไม่ได้ดั่งใจเรา จริงอยู่ที่ว่า พ่อแม่คือผู้ให้กำเนิดชีวิต แต่อย่างไรก็ดี ชีวิตจะดำเนินไปอย่างไร นั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวเด็กเองเป็นคนเลือกเดิน พ่อแม่ไม่สามารถจูงมือลูกเดินตลอดไปได้

ควรมีการคิดเผื่อไว้ หากว่าในวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกับลูกเราจะได้ไม่เจ็บใจมาก เช่น หากลูกสาวท้องจะทำอย่างไร? หากลูกสาวโดนข่มขืนจะทำอย่างไร? หากลูกชายไปทำคนอื่นท้องจะทำอย่างไร? หากลูกรักเพศเดียวกันจะปรับตัวแบบไหน? มันไม่ใช่การมองโลกในแง่ร้าย หากแต่มองโลกในความเป็นจริงให้รอบด้านมากขึ้น เข้าใจมากขึ้นต่างหาก

4. เรียนไปด้วย รักไปด้วย ก็ทำได้นะ ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องความรักในวัยเรียนบ้าง แล้วแอบมองอยู่ห่าง ๆ ไว้ใจให้มากว่าเขาจะรับผิดชอบทุกอย่างได้ดี ถ้าเขาไม่ไหวค่อยเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ยิ่งถ้าได้สนิทกันก็ควรพูดคุยกันได้เปิดอกเหมือนกับเพื่อนกันที่เล่าสู่กันฟัง แอบแซวบ้างเวลาที่เขาเริ่มจะทำอะไรผิดหูผิดตานิดหน่อย (เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า อะแฮ่ม! ข้ารู้นะ! ) หากมีโอกาสก็ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้พาแฟนมาทำความรู้จักกัน (แต่อย่ากดดันแฟนของลูกมากเกินไป) อย่าทำให้เขารู้สึกเกรงกลัวมากกว่าเกรงใจ เพราะหากเกิดอะไรขึ้น คุณจะเป็นคนสุดท้ายที่รู้ความจริง ซึ่งมันเจ็บปวดกว่าเยอะนะ

5. อย่าเขินอายถ้าจะเล่าเรื่องความรักของตัวเองให้ลูกฟัง บางครั้งเด็กก็มีตัวเราเป็นโลกในอุดมคติ พ่อแม่แต่งงานกันได้ไง รักกันตอนไหน คือภาพจำที่เด็กมักจะซึมซับไว้ในใจเสมอจนนำไปบอกกับตัวเองบ่อย ๆ ว่า ?ต่อไป ถ้าฉันมีคู่ ฉันจะเป็นหรือไม่เป็นเหมือนพ่อแม่ ยังไง? แบบไหน??

แต่กระนั้นก็ตาม อย่าให้เด็กรู้สึกกดดัน แบกรับความคาดหวังมากด้วยการบังคับให้เด็กคิดว่าแบบไหนดีที่สุด หรือเปรียบเทียบชีวิตลูกกับคนอื่น หรือกับตัวเอง เช่น ลูกคนข้างบ้านไม่ดี มีแฟนตั้งแต่ยังเรียนอยู่ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะ พ่อแม่ยังไม่ทำเลย สิทธิในการรัก สิทธิในการเรียนรู้ ควรเป็นของลูกแต่เพียงคนเดียว หน้าที่ของพ่อแม่คือคอยเป็นที่ปรึกษา ทำให้เขาอบอุ่นว่า ?ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เคารพในการตัดสินใจของลูก และพร้อมจะกอดลูกเสมอ?

6. เหรียญมีสองด้านเช่นใด เรื่องท้อง-แท้ง ก็เช่นกัน ยากที่จะยอมรับได้หากว่าลูกสาวตัวเองท้อง หรือลูกชายตัวเองไปทำลูกสาวคนอื่นท้อง เพราะมันเท่ากับว่าจะต้องเลือกระหว่างรับผิดชอบอีก 1 ชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือกำจัดทิ้งเพื่ออนาคตของสองคนได้ดำเนินต่อไป

ในจุดนี้ต้องระมัดระวังและใจกว้างให้มากในการแสดงความคิดเห็น เราควรมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้ลูกได้ตระหนักว่า ?เลือกทางไหนก็ไม่ผิด แต่ต้องรับให้ได้ในด้านที่แย่? เหมือนกับเหรียญทั้งสองด้าน ที่ไม่ว่าจะมองในด้านไหน ค่ามันก็เท่าเดิม เพียงแต่ต้องยอมรับให้ได้หากว่าเราได้เห็นในอีกด้าน

หากเลือกที่จะท้อง ก็ต้องรับให้ไหวในเรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือนตั้งแต่ฝากท้อง โอกาสที่จะเสียการเรียน (และอาจจะเสียโอกาสทางการงานด้วย) โอกาสที่จะทำชีวิตในวัยรุ่นได้ไม่เต็มที่เหมือนคนอื่น

หากเลือกที่จะแท้ง ต้องแยกระหว่างความจำเป็น กับเรื่องบาปให้ได้ จริงอยู่ว่าในทางหนึ่งมันคือการฆ่า แต่หากไม่ทำ ก็จะเสียโอกาสอีกมากในชีวิตของความเป็นหนุ่มสาว (ในต่างประเทศ ถึงแม้ว่าบางแห่งจะเห็นว่ามันคือการฆ่าเด็กเช่นกัน แต่วิธีคิดที่กว้างขึ้นกว่าเราก็คือ เขาไม่คิดว่านั่นคือตราบาป ไม่คิดว่าจะมีวิญญาณหลอกหลอน แต่มันคือความจำเป็นของชีวิตราวกับปิดเครื่องแล้ว restart ใหม่)

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากได้เหรียญที่มี 2 ด้านนี้เกิดขึ้นเป็นเหรียญสุดท้าย ก็ควรจะมอบเหรียญ ?รักอย่างเข้าใจและมีสติ? ย้ำเสมอถึงผลกระทบจาก sex ที่ไม่รับผิดชอบ ไม่ป้องกัน ให้ความรักในฐานะพ่อแม่ให้แก่เขามาก ๆ เพื่อที่จะเป็นเครื่องมือ ?ละอายต่อการกระทำบางอย่าง?

เด็กเมื่อโตขึ้นแล้ว ความคิดอ่านก็ย่อมโตตามวัยไปด้วย การวางแผนครอบครัวโดยการพูดคุยกันเรื่องเพศได้ง่ายขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น ก็เหมือนการติวหนังสือล่วงหน้า เราไม่มีทางรู้หรอกว่าข้อสอบจะออกมาแบบไหน ถ้าอยากสอบผ่าน ก็ต้องพยายามอุดรูรั่ว สร้างความรู้ สร้างเทคนิคให้เจ้าตัวได้แตกฉานเอง คิดเป็น พ่อแม่ไม่อาจเข้าไปทำข้อสอบแทนเด็กได้หรอก โลกนี้มันโหดร้ายและมีโจทย์ใหม่ ๆ มากขึ้นทุกวัน

บทความดีดีจาก:http://www.jeeb.me/653?share



บทความแนะนำ


นอร์มคอร์ผู้หญิงNormcoreแฟชั่นแฟชั่นเรียบหรูโปรโมชั่นAmazingThailandGrandFair2015Saleความสวยความงามทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก