ชีวิตดีขึ้นเมื่อถูกทิ้ง

อ่าน 14,904

เราคบกับแฟนมา สิบกว่าปี ตั้งแต่เรียนจบ เราต่างคนต่างทำงานบริษัท แต่สุดท้ายเราก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวกัน เราออกมาจากงานก่อนมาทำ เค้าทำงานบริษัท แต่เขามาช่วยเมื่อว่าง เงินที่ใช้ในการทำธุรกิจ เราเอามาลงทุนร่วมกัน โดยการเอาเงินเข้าบัญชีเค้า พ่อเราทำธุรกิจรถมือสอง เค้าสนใจเรื่องรถ พ่อเราก็เลยสนับสนุน ด้วยการ เอาที่ค้ำทำโอดีธนาคารให้เป็นชื่อเรากับเค้าร่วมกันเอาพื้นที่ให้วางรถขาย ธุรกิจที่ทำร่วมกันก็เริ่มจากศูนย์จนประสบความสำเร็จ เค้าทำธุรกิจหลายอย่าง หาเงิน ทั้งเล่นหุ้น ซื้อคอนโดเก็งกำไร ปล่อยเช่าคอนโด ปล่อยเช่าพื้นที่

ส่วนครอบบครัวเรามีที่ให้เช่า หลังจากพ่อเสีย แม่เป็นคนเก็บ ค่าเช่าที่ แต่เค้าบอกว่า ให้คนเช่าโอนเงินเข้าบัญชีเค้า เพื่อให้บัญชีดีเงินหมุนวียนดีเพื่อจะใช้การขอกู้ธนาคาร ซึ่งแม่ก็คิดว่า ไม่เสียหายอะไร ให้ลูกหลานไปหมุนดีกว่าฝากธนาคาร เราซื้อบ้านร่วมกันค่ะ โฉนดเป็นชื่อเค้าแต่ตอนกู้ๆร่วม เราอยู่ด้วยกันหลายปี โดยทุกคนเข้าใจว่าเราแต่งงานกันแล้ว เราเคยถามเค้าเรื่องแต่งงาน แต่เค้าบอกว่าอยู่อย่างนี้ดีแล้ว เราก็คิดว่าเราก็ช่วยกันงานหาเงินไว้ยามแก่ เราทำงานทุกวัน ทั้งงานที่ร้านและที่บ้าน ดูแลซักผ้า ตากผ้า เตรียมอาหารเช้าให้เค้า ตอนเย็นเราไปกินข้าวบ้านแม่ทุกวันหลังพ่อเสีย

เค้าไม่เคยให้พ่อแม่เค้ากับพ่อแม่เราเจอกัน เราเข้าใจว่าเพราะพ่อแม่เค้าอยู่ต่างจังหวัด พ่อมีอาชีพไม่ค่อยดีนัก( เจ้ามือหวยใต้ดิน ) ส่วนพ่อเค้าก็มีภรรยาน้อย เลิกกับแม่เค้าตั้งแต่เค้าเด็กๆ เค้าเคยบอกเราตั้งแต่คบกันแรกๆว่าจะไม่มีทำเหมือนพ่อเค้าแน่ๆ เราเลยไม่ระแวงเรื่องผู้หญิง

เหตุเกิดเมื่อปีที่แล้วค่ะ เราจับได้ว่าเค้ามีผู้หญิงอื่น มีอะไรกัน เค้าเอาเวลาที่เราทำงานงกๆ ไปกับผู้หญิง ด่าเราให้ผู้หญิงฟัง เค้าบอกว่าคุยกันถูกคอ ทำงานเก่ง เราไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงกัน เค้าบอกว่าอารมณ์ช่วงวูบ

แต่ช่วงเวลาหลังจากนั้น เราก็เกิดความระแวงตลอด แล้วเค้าก็จะอารมณ์เสียทุกครั้ง เราให้อภัยเค้านะคะในครั้งนั้น แต่เค้าไม่เคยสร้างความมั่นใจ ให้เราเชื่อมั่นว่าเค้ารักเรา ตอนมาสารภาพ ที่เราจับได้เค้าก็บอกว่าจะแต่งงานปลายเดือน เราแอบดีใจ แต่พอประมาณเดือน สค เราก็ถามเค้าว่า จองโรงแรม จัดอะไรรึยัง เค้าทำหงุดหงิดและอารมณ์เสียมากๆ เราเลยงงว่าเค้ายังอยากแต่งกับเราจริงๆ หรอ เราเสียใจ เค้าไม่เคยปลอบ ช่วงที่คบกันเค้าบอกไม่อยากมีอะไรกับเรา เค้าบอกว่าด้วยวัยและความเครียดเรื่องงาน เราก็ไม่ว่าอะไร หลังจากมีเรื่องผู้หญิงเกิดขึ้น เราเลยหยุดเอาเงินค่าเช่าที่ของครอบครัวเราให้เค้าหมุนทำธุรกิจ เพื่อความปลอดภัยของอนาคตเรา ทำให้เค้าเริ่มเครียดเพราะเงินหมุนไม่ทัน

หลังๆ เราจึงมีเรื่องทะเลาะกันบ่อย ครั้งล่าสุด เราทะเลาะกัน เรากลับไปอยู่บ้านแม่ จะเลิกกัน ให้เค้ามาเคลียร์ทรัพย์สิน เค้าเอาทรัพย์สินที่ยกให้เรามาให้ดู แต่ไม่โชว์ของตัวเองว่ามีอะไรบ้าง พอจบการคุย เราถามเค้าว่า อยากจะคบกันต่อมั้ย เค้าพยักหน้า แต่เค้าบอกว่า ขอแยกกันอยู่ก่อนเพราะเค้าทำโปรเจกงานใหม่อยู่ ขอเวลาเดือนนึงค่อยกลับเข้าบ้าน ช่วงเวลานั้นเราก็ไปบ้านไปดูแลบ้านให้เค้า

พอครบเดือนนึง เค้าบอกว่า เค้าอยู่อย่างนี้มีความสุขดีแล้ว เราจะกลับไปทำไมให้เค้าไม่มีความสุข เราเข้าใจว่า เพราะเรามีปัญหาครอบครัวกัน เราจึงชวนเค้าไปพบจิตแพทย์?เค้าไปกับเรา เราแยกกันคุย กับจิตแพทย์คนละรอบ จิตแพทย์บอกเราว่าเค้าอยากจะเลิกกับเรา เราก็ยิ่งงงและสับสนว่าเค้าพามาหาจิตแพทย์ทำไม ถ้าไม่คิดจะคบกันต่อ คุณหมอถามเค้าว่าจะให้เรากลับบ้านได้เมื่อไหร่ เค้าบอกอีกอาทิตย์นึงให้คำตอบ ( พอผ่านไป 1 อาทิตย์ เค้าก็ไม่ไปพบคุณหมอค่ะ เราไปพบเองคนเดียว ) เราได้ยามาทานค่ะ ยาที่เรียกสติเรากลับมา เมื่อก่อนเราร้องไห้ฟูมฟาย แม่เราก็เครียดไปด้วย คิดตอนนี้ก็สงสารแม่ตัวเองมากๆ ยาที่ว่าเหมือนปรับเคมีในสมองค่ะ ทานแล้วไม่รู้สึกอยากร้องไห้ ไม่รู้จะร้องไห้ให้อะไร เพื่ออะไร

ผ่านมา 2 อาทิตย์ เราโทรไปบอกเค้าว่าเราจะกลับบ้านแล้วนะ เค้าบอกว่าเราอยู่กับแม่ดีแล้ว มีคนดูแล เค้าอยู่แบบนี้ของเค้าได้ สุดท้ายเค้าก็บอกว่า ช่วง 1 เดือนที่ไม่ให้เรากลับบ้าน เค้ากลับไปคบกับผู้หญิงคนนั้นอีก เราบอกแม่ว่าเราจะกลับบ้าน แม่ขับรถพาเราไป ( เราทานยาเลยยังขับรถเองไม่ได้ )? แม่เจอเค้าถามเค้า เราทำผิดอะไรนักหรอ ทำไมให้อภัยกันไม่ได้ สร้างเนื่อสร้างตัวด้วยกันมา แม่บอกแมไม่รู้จะอยู่ถึงเมื่อไหร่ก็กะฝากเราไว้กับเค้า เค้าบอกว่า เค้าไปบอกผู้หญิงคนนั้นไว้แล้ว ไม่รู้จะไปบอกเค้ายังไงดี เรากลัวแม่เราเครียด เลยเราบอกเราจะเคลียร์เอง ให้แม่กลับบ้านไป

คืนนั้นเค้าบอกจะไปคุยกับผู้หญิง บอกว่าไม่ไปหาแต่จะขับรถไปคุยข้างนอก ให้เราอยู่บ้าน เค้าออกไป สามทุ่มกลับมาตีสาม.... กลับมาเค้าก็ยังไม่คุยกับเราบอกรอตอนเช้า ตอนเช้าเค้าก็ยังไมให้คำตอบว่าจะเลือกใคร แต่เค้าถามเราว่า เราอยู่คนเดียวได้มั้ย เรารู้แล้วเลยเก็บกระเป๋าออกมาให้เพื่อนมารับ วันนั้นเป็นวันที่ร้องไห้วันสุดท้ายให้เค้า

คือ ตอนเช้าวันนั้น แม่โทรมาถามว่ากินอะไรยัง เพราะ ยาที่เราทานอยู่ต้องทานตรงตามมื้ออาหาร และก็บอกว่าแม่ไม่ค่อยสบาย เมื่อคืนแม่นอนไม่ค่อยหลับ เพราะเครียด ประกอบกับเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เราทานข้าวเที่ยงกับเพื่อนเสร็จก็กลับบ้านมาหาแม่ เพื่อบอกว่า เค้าเลือกผู้หญิงคนนั้น แต่ภาพที่เราเห็นคือ แม่นั่งนิ่ง เหมือนผีเข้าไม่ตอบสนองอะไร หน้าบวม ไม่ทำอะไรทั้งนั้น โชคดีที่เพื่อนที่มาบ้านเป็นผู้ชาย 2 เลยช่วยกันอุ้มแม่ขึ้นรถ

พอมาถึงโรงพยาบาล แม่เข้า icu ,TCscan ค่ะ หมอเชคสมองเพราะ ดูอาการไม่ตอบสนองอะไร สรุปว่าคืนนั้นแม่ดื่นน้ำเข้าไปเยอะมากกกก ทำให้เกลือแร่ต่ำ นอน icu 2 คืน ถ้าเราบ้านไปช้ากว่านั้นอาจจะแย่ได้

แม่ดีขึ้นแล้ว ถึงเวลาแยกย้ายค่ะ สรุปว่า- ธุรกิจที่ทำรวมกัน เค้าบอกว่า ทุกอย่างเป็นของเค้า ทั้งที่เราร่วมทำกันมาก ( คอนโดปล่อยเช่าเราก็เป็นคนไปตกแต่งเลือกเฟอร์เลือกวอล ติดต่อให้ พื้นที่เช่า ป้าย FB เราก็เป็นคนทำ )? ทิ้งธุรกิจไว้ให้เราอย่างนึงที่เป็นธุรกิจที่เราหุ้นกัน บนพื้นที่เช่าของเรา โดยที่แม่คิดค่าเช่าให้เรทต่ำสุดๆ-ในส่วนพื้นที่เช่านั้นบางส่วนเค้าก็เอาไปปล่อยเช่าต่อโดยที่ไม่จ่ายค่าเช่าให้แม่เรา และไม่ได้แบ่งรายได้ให้เรา พอถึงตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันยังจะขอทำต่ออีก เราเลยบอกว่าเค้าก็ต้องจ่ายค่าเช่า เค้าก็ดึงมา 4 เดือนแล้วค่ะ บอกตอนนี้รายไ้ม่พอค่าเช่า

-เราออกมาตัวเปล่าค่ะ ไม่มีเงินในบัญชี ที่ผ่านมา เราทำบัตรเครดิตไม่ได้ ต้องเป็นบัตรเสริมเค้า ไม่มีเงินเก็บ ทุกอย่างชื่อเค้าหมด รถ บ้านวันที่เราไปขนของกลัมาบ้านแม่ เราขนมาเกือบหมดบ้าน เพราะบางอย่างก็เป็นของที่แม่เรายกให้มาให้ เค้าเอาของๆ เรามากองไว้ ให้เราขนเองดีที่เพื่อนเรามาช่วยขน เค้าก็บอกว่าเราเอาเพื่อนมารุม

-อย่างที่บอกว่าเค้าทำธุรกิจคอนโดค่ะ ซื้อมาเก็งกำไร และปล่อยเช่า เค้าเอาชื่อเราไปซื้อคอนโด โดยบอกว่าเค้าจะได้ค่าแนะนำ เราไม่มีความรู้ด้านนี้ เราก็เชื่อเค้า ไว้ใจเค้า ผลของการไว้ใจค่ะ เค้าบอกเค้ายกคอนโดมาให้ 12 ห้องที่ต้องผ่อนต่อเดือนละ แสนกว่า ทั้งหมด 37 ล้าน (?คือผ่อนไปแล้ว 3 ล้าน คือเหมือนเค้ายกเงินให้สามล้าน ) ตอนโอนนิไม่อยากจะคิด ซื่งรายได้ จากธุรกิจที่เราหุ้นกันก็ไม่พอ คือเค้าให้เราไปเอาเงินของแม่มาผ่อนต่อหน่ะค่ะ ( ช่วงที่เราไม่มีสติ เราฟูมฟายถามเค้าว่า เราจะไปทำงานอะไร อายุก็เยอะแล้ว เค้าบอกเราว่า ก็มาช่วยแม่เก็บค่าเช่า กินเงินเดือนแม่ไง ....( คือปกติเราก็เก็บให้แม่อยู่แล้วค่ะ ) )

-เค้ายังติดเงินสดแม่เราอีกหลายล้าน, ติดเงินสดพี่เราอีกหลายแสน , ติดเงินที่ต้องจ่ายโอดีที่พ่อเราเปิดให้อีกหลายล้าน , โอดีที่พ่อเปิดให้ โดยใช้ชื่อพี่เรา แต่เค้าเอาไปหมุน อีกหลายแสน

-เงินที่เค้าควรให้เราเป้นเงินเก็บบ้างในระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา-เค้ามีของสะสมเป็นนาฬิกาเรือนละหลายแสน หลายเรือน ขับรถยุโรปสปอร์ต แต่บอกว่าไม่มีเงินใช้หนี้แม่เราและครอบครัวเรา-เค้าโวยวายที่เราใช้บัตรเครดิตรูดค่ารักษาพยาบาลแม่วันที่แม่เข้า icu-บ้านที่เราซื้อร่วมกันเค้าบอกเค้าจะเอา แต่ไม่บอกยอดที่เรารวมผ่อนกันไปแล้วเท่าไหร่-คอนโดใช้ชื่อพี่สาวเรากู้ เพราะพี่ทำงานประจำ พอเลิกกัน จะเอาเงินที่ผ่อนไปมาหักหนี้กับพี่ แล้วให้พี่ผ่อนต่อ 3 ห้อง พี่ก็เครียดอยู่ดีๆ ต้องมาผ่อนต่อ เพราะความที่คิดว่าเค้าเป็นคนในครอบครัว ( เราเองแหละที่ไปขอให้พี่ทำ )รายละเอียดมันค่อนข้างเยอะนะคะ เพราะอยู่ด้วยกันมานาน อันนี้คร่าวๆ ก่อน

ตอนนี้เรื่องยังไม่จบนะคะ เค้าใช้ชีวิตหลบๆแอบๆ แทบจะปิด fb เค้าบอกเค้าขอมีที่ยืนในสังคมบ้างได้มั้ย มีเพื่อนถามว่าทำไมไม่ใช้ทนายคุยฟ้องศาลให้จบๆไป เราเคยขึ้นศาลค่ะ เรารู้ว่ามันเครียด ยิ่งต้องมาสู้กับคนที่เราเคยคิดจะตายแทนได้ยิ่งเจ็บใจค่ะ ตอนนี้มีคนช่วยคุย แต่ก็ดูเค้าก็ไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่ เวลาเค้าบอกคนอื่นเรื่องเลิกกับเรา เค้าก็จะบอกแค่ว่า เข้ากันไม่ได้ ไม่ได้พูดถึงเรื่อง ผู้หญิงคนนั้นค่ะ ( ส่วนผู้หญิงมีแฟนอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่เราจับได้ครั้งแแรก และก็กำลังจะแต่งงานนะคะ ก็เลิกกันมาคบกับเค้า การงานดี ฐานะดี )

ชีวิตเราดีขึ้น ไม่ได้ทานยาใดๆ จิตใจเข้มแข็งเอง อยู่กับแม่ กับเพื่อนมีความสุขค่ะ ทำในสิ่งที่ชอบ ไปเที่ยว พักผ่อน รักตัวเอง รักคนที่เค้ารักเรา

ฝากไว้ให้อ่านนะคะ สำหรับใครที่คิดว่าชีวิตตัวเองแย่ บางทีมันคิดว่าจะผ่านไม่ได้ แต่มันก็ผ่านได้ คิดว่าชีวิตจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเค้า มันก็อยู่ได้ จริงๆนะคะ

มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่ดีกว่านะคะ



บทความแนะนำ


ข่าวล่าสุดซุปตาร์ชีวิตอับปางความต้องการสามีอยู่คนเดียวทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก