จัดงานแต่งอย่างไรให้พอใจกันทุกฝ่าย

โลกเราเปลี่ยนไปมากขึ้น คนหนุ่มสาวเริ่มมีการศึกษา มีอิสรภาพทางความคิดมากขึ้น มันจึงเป็นเรื่องธรรมดามากหากจะพบว่าหลายธรรมเนียมประเพณีกำลังเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะถูกจัดรูปแบบใหม่ให้ร่วมสมัย หรือถูกลดความสำคัญลงในแบบที่ว่า ?จะมีหรือไม่มีก็ได้?

งานแต่งงานเป็นงานที่หลายคู่ หลายคนก็เฝ้าฝันอยากจะเกิดขึ้นกับตัวเองสักครั้ง แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่อยากให้จัดเพราะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และก็ยังมีอีกหลายคู่เช่นกันที่ไม่อยากจัด แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เพื่อเห็นแก่หน้าตาของวงศ์ตระกูลทั้งสองฝ่าย

เลี่ยงไม่ได้ แต่ก็กลัวว่างานจะล่ม ไม่คุ้มค่า เปลืองเงิน แล้วจะจัดอย่างไรให้พอใจกันทุกฝ่าย?

1. คิดภาพรวมไว้ก่อนว่า งานนี้จะเป็นงานเล็ก ๆ

โดยยึด ?ความต้องการของบ่าวสาวเป็นหลัก? ครอบครัวเป็นรอง และเพื่อนสนิทแต่ละระดับเป็นอันดับท้าย ๆ อย่าเห็นแก่คนอื่นให้มาก เพราะสุดท้ายแล้ว คอนเสปต์หลักก็คือ ?ชีวิตของคนสองคน?

2. ?อย่ากู้เงินเพื่องานแต่งในไม่กี่วัน ไม่กี่ชั่วโมง?

งบประมาณควรเป็นไปในทิศทางที่ทั้งบ่าวสาวพอจะจ่ายไหว ไม่สร้างภาระในอนาคต ไม่ว่าบ่าวสาวจะรับผิดชอบภาระเอง หรือญาติเป็นคนช่วยรับภาระก็ตาม จำไว้ว่า ?มันก็แค่พิธี? และ ?หนี้สิน ก่อขึ้นมาง่าย แต่การชดใช้ในภายหลังมันยากลำบากมาก?

3. ?ไม่จำเป็นต้องหรูหรา ราคาแพง แต่ขอให้ครบครัน?

ซึ่งสิ่งที่จะตอบโจทย์นี้ได้ก็คือ ?ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในงานแต่งทั้งหมด? ทางที่ดีที่สุดคือ อะไรที่ทำเองได้ เป็นงานDIY ควรทำให้มากที่สุด ถึงจะเหนื่อย แต่ผลลัพธ์ออกมามันน่าภูมิใจมาก อีกทั้งยังสามารถควบคุมรายจ่ายได้เยอะด้วย (ไอเดียงานแต่งแบบDIY สามารถหาได้ในเว็บทั่วไป หรือแอพพลิเคชันรวมตัวอย่างงานดีไซน์เจ๋ง ๆ อย่าง Pintarest)

4. แต่ก็ไม่ควร ?ถูกเกินไปจนเหมือนดูถูกกัน?

อย่าประหยัดงบมากเกินไปจนไม่ให้เกียรติตัวเอง ครอบครัว และคนร่วมงาน

5. ไม่จำเป็นต้องเชิญเพื่อนก็ได้

เพราะโดยส่วนมาก เพื่อนก็พร้อมที่จะเข้าใจเราเสมอและพร้อมจะแสดงความยินดีได้ทุกที่ ไม่จำเป็นว่าต้องไปร่วมงานเท่านั้น เพียงแต่ต้องอธิบายพวกเขาด้วยว่านี่เป็นงานจัดกันเองเล็ก ๆ ไม่อยากให้วุ่นวายกันมาก แค่นี้ก็แสดงถึงเจตนาที่บริสุทธิ์พอ ไม่หมกเม็ด ไม่ปิดกั้น

6. ไม่จำเป็นต้องมีงานเลี้ยงเอิกเกริก

เอาแค่พิธีที่สำคัญจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เช่น เลี้ยงพระ, หมั้น, เลี้ยงข้าวภายในครอบครัว แค่นี้ก็เป็นอันรับรู้กันแล้วว่าบ่าวสาวได้เข้าตามตรอกออกตามประตูเรียบร้อยดี ชีวิตคู่ไม่จำเป็นต้องมีพยานรับรู้อะไรมากมายขนาดนั้น เลือกเฉพาะคนที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดชีวิตอย่างคู่ชีวิต และครอบครัวทั้งสองฝ่ายเป็นอันพอ

ย้ำกันอีกทีว่าใจความสำคัญของชีวิตคู่คือการที่คนสองคนได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่การให้ความสำคัญกับพิธีเป็นหลัก ถึงแม้เราจะให้เกียรติญาติ ครอบครัว สักขีพยานคนอื่นมากขนาดไหนก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถอยู่กับเราตลอดเวลาได้ดีเท่าคู่ชีวิตที่จะประคับประคองกันไปเรื่อย ๆ จนตาย ... เราให้เกียรติคนอื่นมาเป็นพยานได้ แต่คนอื่นก็ต้องให้เกียรติเราในเรื่องส่วนตัวด้วย : ))