รักก็รักอยู่ แต่อยู่ก็ไม่ไหว ทำไงดี

ไม่ต้องแปลกใจหากคุณเคยรู้สึกอย่างนั้นเพราะจากการศึกษาเผยให้เห็นว่าความรักและเกลียดเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับบุคคลเดียวกันนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคู่รักที่ดูรักกันดีมีความสุขถึงได้ทะเลาะกันอยู่เรื่อยๆบางคนบอกว่ายิ่งทะเลาะกันสิดีเพราะนั่นหมายความว่าคุณทั้งสองยังคงมีเยื่อใยรักต่อกันอยู่ ?การทะเลาะกันเป็นสัญญาณดีแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์เราสองยังคงแข็งแรงและยังมีความต้องการกันอยู่เพราะคุณทั้งสองพร้อมที่จะแสดงความรู้สึกในแง่ลบออกมาโดยไม่เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะทอดทิ้งไป? อันนี้คุณหมอบอนนี่เอกเกอร์วีล (Bonnie Eaker Weil) เจ้าของหนังสือ Make Up, Don?t Break Up แนะนำมาแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถเปิดศึกสงครามกับคนรักได้เต็มที่เพราะแม้การทะเลาะกันจะไม่ใช่ตัวชี้ชัดว่าคุณทั้งสองไม่รักกันแล้วแต่อันตรายซ่อนเร้นที่คุณไม่รู้คือมันเป็นตัวบั่นทอนความสัมพันธ์ดีๆนี่เองดังนั้นหากข้อดีของการทะเลาะคือการเผยความต้องการเพื่อนำไปสู่ข้อยุติงั้นเราลองมาดูกฏกติกากันหน่อยดีไหมว่าทะเลาะกันอย่างไรให้สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์จะได้ไม่ต้องเสียทั้งเวลาและเงินบูรณะตัวเองในภายหลัง

ฟังให้มากขึ้นพูดให้น้อยลง

ระหว่างการโต้เถียงหากรู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดจาซ้ำไปซ้ำมาหรือตะโกนสุดเสียงเหมือนนักร้องวงเฮฟวี่เมทัลเราแนะนำให้ปิดไมค์และหยุดเพื่อสงบสติอารณ์สักครู่เพราะคุณกำลังทำให้ทุกอย่างแย่ลงการค้นคว้าพบว่าคู่รักที่ไม่มีความสุขมักพูดเรื่องเดิมๆหรือขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆมาต่อว่าไม่จบไม่สิ้นแทนที่จะคุยกันดีๆกลับกลายเป็นหาเรื่องทะเลาะกันไม่หยุดหย่อนจำไว้ว่ายิ่งคุณพูดมากยิ่งไม่ได้ยินอะไรจากปากของเขาเลย

อย่านอกเรื่อง

ตอนของขึ้นสุดขีดจู่ๆก็มีคำพูดร้ายกาจพรุ่งพรูหลุดออกมาเหมือนคนไม่เคยรักกันขอบอกว่านี่เป็นการกระทำที่ไม่น่ารักเอามากๆไม่ว่าจะจากคุณหรืออีกฝ่ายผลศึกษาของ University of Chicago ค้นพบว่าสมองของคนเราถูกฟังชิปที่มัก ?โน้มเอียงไปในทางลบ? อยู่แล้วมันเลยทำให้เรายิ่งตอบสนองต่อเรื่องร้ายๆหรือคำพูดแย่ๆได้ง่ายยิ่งนักหากมองย้อนกลับไปสมัยยุคหินมนุษย์เป็นเผ่าพันธ์เดียวบนโลกที่อยู่รอดเนื่องจากมนุษย์เรียนรู้ที่จะอยู่ให้ห่างจากภัยอันตรายสมองของคนเราเรียนรู้ที่จะพัฒนาระบบป้องกันตัวเองจนยากที่จะเพิกเฉยต่ออันตรายที่เข้ามาใกล้ตัว

รู้อย่างนี้แล้วควรระมัดระวังผลกระทบจากคำพูดของคุณให้ดีจำไว้ว่าเป้าหมายของการเข้าหน้าเข้าหากันครั้งนี้คือการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่หาเรื่องทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายคราวหน้าแทนที่จะบอกเขาว่า ?เลิกขี้เกียจเสียทีนะ? ลองเปลี่ยนเป็น ?ฉันต้องวางแผนทุกอย่างอยู่คนเดียวคุณน่าจะมีส่วมร่วมกับกิจกรรมของเราบ้าง? แบบนี้เข้าท่ากว่าเยอะ

พยายามหาผู้ชนะ

คู่รักทะเลาะกันก็เหมือนสงครามภายในประเทศที่ไม่ว่าใครชนะก็เสียหายด้วยกันทั้งคู่คนส่วนใหญ่ชอบเถียงเพราะต้องการเอาชนะจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรอันที่จริงความขัดแย้งมักได้รับการไกล่เกลี่ยได้ในเวลาอันสั้นเมื่อต่างฝ่ายต่างหยุดจ้องหาคนชนะหรือผู้แพ้หรือตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายว่าเธอนั่นแหละผิด!

คราวนี้มาเริ่มค้นหาว่าอะไรคือปัญหาอาจเป็นคุณที่ส่งข้อความจิกเขามากไปหน่อยในคืนที่เขาออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือ whatapp หาเขาตลอดเวลาแถมยังคาดหวังว่าเขาจะตอบกลับมาทุกครั้งอันนี้เป็นเรื่องแน่ลองโฟกัสว่าอะไรคือจุดตรงกลางที่แฮ้ปปี้กันทั้งสองฝ่ายเช่นคุณอาจส่งข้อความหาเขาน้อยหน่อยแต่เขาเองก็ควรตอบกลับมาบ้างไม่ใช่ปล่อยให้รอนานๆคนมันฟุ้งซ่านเข้าใจไหม

จำไว้ว่าคุณน่ะคู่กัน

เรารู้ว่าเรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยากไม่มีใครก่อสงครามหรอกแต่จงจำไว้ว่าอย่างไรคุณก็เป็นคนรักกันพึงระลึกไว้เสมอว่าถ้าเป็นไปได้อย่าทำร้ายจิตใจกันนักเลยลองมองไกลๆว่าหากเราผ่านจุดนี้ไปได้คุณกับเขาอาจเดินเคียงข้างกันไปอีกหลายปีจากหนังสือ Journal of Marriage and Family เมื่อใดที่คู่รักเรียนรู้ที่จะทะนุถนอมความรักแม้ยามทะเลาะเบาะแว้งหรือสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดแสดงความรักต่อกัน (สัมผัสเบาๆบริเวณแขนหรือใบหน้า) รวมถึงแสดงอารมณ์ขันเล็กๆน้อยๆระหว่างการโต้เถียงการกระทำนี้ชี้ให้เห็นว่าคุณทั้งสองยังคงรักและอยากอยู่ด้วยกันแม้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอยู่ก็ตามที

การหยอกล้อหรือปล่อยอารมณ์ขันเล็กๆน้อยๆช่วยคลายความตึงเครียดไม่ก็ลองพูดจาจิกกัดตัวเองบ้างเพื่อลดอีโก้ของตัวเองลงหากทำได้คุณทั้งสองจะรู้ว่าการทะเลาะกันไม่ใช่ว่าเราหมดรักกันแล้วเสมอไปแม้จะทะเลาะกันบ่อยๆแต่ท้ายที่สุดคุณก็รู้ว่าลึกๆเรายังรักและต้องการกันมากขนาดไหนคราวหน้าเมื่อฟ้าฝนตั้งเค้าว่าจะมีพายุเทอร์นาโดซัดกระหน่ำลองทำใจเย็นๆและยอมๆกันไปเถอะรักกันขนาดนี้สู้เอาเวลาทะเลาะกันไปทำอย่างอื่นดีกว่า