เลิกงมงาย แล้วหันมาเข้าใจอารมณ์ "อกหัก" แบบวิทยาศาสตร์กันเถอะ
คนส่วนใหญ่ยาม อกหัก
ก็มักจะดำดิ่งอยู่กับอารมณ์เศร้า ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาเนอะไม่ว่ากัน
พอสตรองแล้วก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่
แต่ก็มีหลายคนที่ทิ้งตัวยาวกับความเศร้าจนฉุดไม่ขึ้น
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า ไม่เป็นอันเรียนหรือเสียการเสียงาน
หรือที่ร้ายกว่านั้นคือ สูญเสียความอยากมีชีวิตบนโลกใบนี้ต่อไป
ถ้าการนั่งฟังเพลงอกหัก ดื่มเหล้าเมามาย ยืนร้องไห้กลางสายฝน หรือเปิดฝักบัวอาบน้ำทั้งเสื้อผ้านั้นไม่สามารถช่วยเธอได้
ลองมาฟังคำอธิบายสภาวะอกหักแบบวิทยาศาสตร์ดูไหม
มาเข้าใจธรรมชาติของตัวเรากับอาการอกหัก เผื่ออะไรที่เคยยากมันจะง่ายขึ้น
- หงุดหงิดผิดหวัง
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าอาการอกหักในช่วงแรกนั้นเรียกว่าช่วงต่อต้าน
(ยังรับไม่ได้ ปรับใจไม่ทัน) ซึ่งเต็มไปด้วยความผิดหวัง หงุดหงิดใจ
ไม่พอใจ อันเป็นผลมาจากสมองส่วนที่ควบคุมความรู้ความเข้าใจต่าง ๆ
ทำงานผิดปกติไปนั่นเอง ในช่วงนี้ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนโดพามีน และ นอร์อิปิเนฟริน
ในระดับสูงมาก เจ้าฮอร์โมนตัวนี้ปกติจะทำให้เรารู้สึกดีมีความสุข
แต่ในยามอกหักผิดหวังพวกมันกลับทำให้เรารู้สึกแย่มากกว่าปกติหลายเท่าเลยทีเดียว
(สุขมาก?ก็?ทุกข์มาก) อาการที่เกิดขึ้นคือ หมดเรี่ยวแรง
เพ้อถึงแต่ความหลัง นอนไม่หลับกระสับกระส่าย- เจ็บแค้นเคืองโกรธ
ความโกรธเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ
ตราบใดที่เรายังควบคุมตัวเองได้อยู่
แต่ความโกรธในช่วงอกหักนี้เป็นอะไรที่ควบคุมยากกว่าปกติ
ซึ่งเป็นผลมาจากสมองในส่วน Amygdala
ที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องความทรงจำ การตัดสินใจ และการตอบสนองต่ออารมณ์
และในยามโกรธระดับฮอร์โมนเซโรโทนินจะลดลงฮวบฮาบ
ซึ่งมีผลต่อการควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความเจ็บปวด
ความต้องการทางเพศ บลาบลาบลาระดับเซโรโทนินที่ไม่สมดุลทำให้เกิดความเครียด
คิดหมกมุ่น และนำไปสู่การทำอะไรแบบขาดความยับยั้งชั่งใจ หุนหันพลันแล่น
(อย่างเช่น ไปทำร้ายร่างกายคนอื่น หรือตัวเอง)
และยังส่งผลไปถึงระบบการย่อยอาหาร อาจเกิดอาการอาหารไม่ย่อย
หรือคลื่นไส้อาเจียน อีกด้วย- สิ้นหวังเดียวดาย
ความรู้สึกสิ้นหวังเดียวดายเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับคนอกหักเป็นปกติ
เพราะระดับฮอร์โมนโดพามีน เซโรโทนีน และนอร์อิปิเนฟรินที่ไม่ปกตินี่เอง
อาการที่เกิดคือรู้สึกหดหู่ หมดอาลัยตายอยาก หมดสภาพ
จากการสำรวจชิ้นหนึ่งพบว่า 3 ใน 4
ของคนอกหักที่เกิดอาการสิ้นหวังเดียวดายนี้มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
เจ้าระดับความสิ้นหวังหดหู่นี้ยังแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลอีกด้วย
มีงานวิจัยรายงานว่าผู้ชายเมื่อสิ้นหวังมักจะหันไปพึ่งแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด
ในขณะที่ผู้หญิงมีแน้วโน้มที่จะมีอาการร้องไห้ฟูมฟาย
คร่ำครวญหวลไห้ไม่หยุด หรือไม่ก็ตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลยจ้าวิธีรับมือกับอารมณ์ยามอกหัก :
- กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมาให้มากที่สุด
ด้วยการพาตัวเองไปอยู่กับบุคคลหรือเรื่องราวอะไรก็ได้ที่ทำให้เรายิ้มหรือหัวเราะออกมา
หาหนังตลก เดี่ยวไมโครโฟน หรือเปิดคลิปฮาๆ ตามแต่ความชอบส่วนตัว
บังคับให้ร่างกายได้ยิ้มได้หัวเราะวันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี
- อย่าจมอยู่กับห้องมืด
ๆ ทั้งวัน
ให้ออกไปรับแสงสว่างภายนอกด้วยจะช่วยกระตุ้นต่อมไพเนียลในสมองที่จะเป็นตัวหลั่งสารเซโรโทนินออกมาในตอนกลางวัน
ทำให้ร่างกายทำงานปกติ ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในตอนกลางวัน
ส่วนตอนกลางคืนก็จะได้รู้สึกง่วงตามปกติ
- ระบายมันออกมา
เช่น หาสมุดบันทึกสักเล่มมาเขียนเล่าความรู้สึก ดูอย่าง เทเลอร์ สวิฟท์ สิ
นางอกหักทีไรแต่งเพลงออกมาขายได้ขายดีทุกที (พลิกวิกฤติเป็นโอกาส!)
หรือคุยกับเพื่อนสนิทที่เราไว้ใจได้
การพูดหรือเขียนออกมาจะช่วยให้เราได้เรียบเรียงสติ มองเห็นจุดปัญหา
ซึ่งนำไปสู่การค่อย ๆ ยอมรับมัน ดีกว่ามโนฟุ้งซ่านอยู่ในความคิดคนเดียว
(เดี๋ยวเพื่อนอกหักเราก็สลับมาเป็นผู้ฟังบ้างเนอะ)
- ปรนเปรอตัวเอง
ด้วยการทำสิ่งที่เรามีความสุข เพื่อให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา
เช่น กินอาหารอร่อยๆ ไปนวดหน้านวดตัว ทำให้ตัวเองรู้สึกดี
แม้สักนิดสักหน่อย ถึงใครเขาจะไม่รักเราแต่เราต้องรักตัวเองค่ะซิส!
- ไปสมัครเรียนทำอะไรสักอย่างที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เช่น เรียนทำขนมปัง ขี่ม้า เล่นดนตรี เรียนแต่งหน้า
อะไรก็ว่าไป ถึงจะเรียนไปเศร้าไปก็เถอะ
แต่เราจะไม่จมอยู่กับความเศร้าตลอดเวลา และการได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ
จะช่วยเพิ่มความรู้สึกนับถือตัวเอง เมื่อเรารู้สึกว่าตัวเองมีค่า
เราก็จะค่อย ๆ ลืมคนที่เค้าไม่เห็นคุณค่าของเราไปเอง!
ไม่เร็วก็ช้า ร่างกายจะค่อย ๆ
ปรับสมดุลตัวเองได้ในที่สุด
เมื่อถึงเวลานั้นอาการเฮิร์ททั้งหลายก็จะค่อยๆหายไป
จนไปถึงจุดที่เราทำใจยอมรับความเป็นจริงได้ในที่สุด
แม้อาจจะมีร่องรอยเหลือไว้ให้เจ็บจี๊ดเวลาไปสะกิดแผลอยู่บ้างก็เถอะ
Credit: everydayfeminism.com