โอ๊ยอยากรู้!! โสดแต่ "ไม่ซิง" จริงมั้ย? ถ้าไม่มีเยื่อพรหมจรรย์!!!

สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com คราวก่อนพี่หมอพูดถึง ครั้งแรกของผู้ชาย ใครว่าไม่เจ็บ!!! กันไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึงคิวสาวๆ กับเรื่องที่ถามกันมาเยอะเหลือเกินคือเรื่อง ซิง-ไม่ซิง กับ เยื่อพรหมจรรย์ เนี่ยแหละครับ เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียตัวให้ใคร นี่เอามาจากไหนไม่รู้ ฮ่าๆ แต่ที่แน่ๆ น้องผู้หญิงหลายๆ คนจะต้องกลัวครั้งแรกกันแน่ๆ และยังปกป้องเยื่อพรหมจรรย์ตัวเองสุดชีวิต ทั้งๆ ที่เรียกไม่ถูกด้วยว่า เออ มันคืออะไรนะ มันคือส่วนตรงไหนของร่างกายเราเหรอ มันเป็นเหมือนฝาขวดนม ที่รอเวลาจะเอาหลอดมาเจาะหรือยังไงกันนะ ถามจริงๆ ใครรู้บ้างว่า เยื่อพรหมจรรย์มันคืออะไรและอยู่ตรงไหน? เยื่อพรหมจรรย์ หรือเยื่อพรหมจารี ในภาษาอังกฤษก็คือ Hymen จริงๆ แล้วเคยมีรูปร่างเป็นท่อสองอันมาก่อนครับ อันนี้อธิบายค่อนข้างยาก ไปเปิดหาคลิปวิดีโอดูกันไปก่อนละกันนะ ว่าแต่เปิดให้ถูกคลิปล่ะ... เอาเป็นว่าพี่หมอจะพยายามอธิบายเห็นภาพก่อนนะครับ เตือนนิดนึงว่า ตรงนี้เนื้อหาอาจจะเข้าใจยาก ใครงงข้ามไปอ่านท่อนล่างได้ ฮ่าๆ เอ้ามาว่ากันต่อ... รู้มั้ยว่า ก่อนที่จะมาเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ของน้องทั้งผู้ชายและผู้หญิงนั้น จะมีท่อสองอันเรียกว่า M?llerian ducts ซึ่งจะมาเชื่อมต่อกันในลักษณะของหลอดสองอันชนกันข้างๆ ครับ แล้วตรงกลางป่องออกเป็น Uterus (มดลูก) ส่วนปลายด้านบนจะแยกออกเป็นท่อนำไข่สองอัน ส่วนด้านล่างเนี่ยล่ะครับ จะไปเปิดเป็นปากมดลูก (Cervix) ซึ่งถ้าโครโมโซม (Chromosome) ของเราเป็น XY หรือเป็นเพศชาย จะมีสารอย่างหนึ่งเรียกว่า Anti-Mullerian ที่ทำให้สิ่งเหล่านี้สลายไป เราจึงไม่มีมดลูก ไม่มีท่อนำไข่ครับ

ทีนี้ย้อนกลับมาที่หลอดสองอัน ยังจำกันได้ไหม หลังจากที่หลอดทั้งสองเชื่อมกันแล้วนะครับ ส่วนด้านล่างเนี่ย ปลายมันจะตัน (ลองนึกถึงปากมดลูกที่ยังเปิดไม่ออก) บางคนเนี่ย การเจริญผิดปกติครับ ทำให้มันตันจนกระทั่งเกิดมาเลย ทำให้ประจำเดือนไม่มาสักที แบบนี้เรียกว่า Primary Amenorrhea จาก Imperforated Hymen คือ ส่วนที่ควรจะเปิดก็ไม่เปิดนั่นเอง นั่นล่ะครับ น้องๆ น่าจะเริ่มเข้าใจกระบวนการของการเกิดเยื่อพรหมจารีกันแล้ว ฮ่าๆ ถ้ายังงงอยู่ก็มาเรียนหมอกันครับ ล้อเล่น ลองเปิดยูทูบดูก็น่าจะพอมีอธิบายไว้ให้เห็นภาพสามมิติกันเลยทีเดียว กลับมาในคนปกติ เยื่อพรหมจารีนั้นเกิดจากการถักทอพรมของจามรี (ผิด มุกกากอีกละ ได้แค่นี้จริงๆ ไม่งั้นเป็นตลกไปละครับ) คือ ส่วนตรงปลายหลอดที่เอามาต่อกันตอนเกิดเนี่ย จะสลายไปครับ กลายเป็นปากช่องคลอดที่ไม่มีผนังกั้น เพื่อเอาไว้ให้ประจำเดือนออกมา และสามารถเกิดการสืบพันธุ์เข้าไปได้ ที่นี้ อ้าว พี่คะ ในเมื่อมันขาดอยู่แล้ว เป็นรูอยู่แล้ว ก่อนหนูจะเสียถ้ำของหนูให้กับใคร เยื่อนี้ก็ขาดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ คำตอบคือ ใช่ครับ มันเป็นรูอยู่แล้วล่ะ (ไม่งั้นน้องจะมีประจำเดือนได้ยังไง) เพียงแต่ว่ารูนี้มัน tight มากหรือแน่นมากนั่นเอง เหมือนหนังยางรัดแกงที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง ยังมีความตึงเปรี๊ยะ และเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก (ซึ่งมักจะรุนแรงเพราะเป็นประสบการณ์ใหม่) อาจจะเกิดการฉีกขาดได้ ทำให้มีเลือดออก และมีรอยว่าถูกกระทำชำเรา แต่บางครั้งเยื่อพรหมจารีอันแสนบอบบางนี้มันก็ไม่ได้ฉีดขาดเพราะแรงกระทำจากไส้กรอกเนื้อแดงเท่านั้น บางคนก็ทำร้ายตัวเองด้วยนิ้ว ด้วยอุปกรณ์นำเข้าจากญี่ปุ่น หรือผักจากตลาดสดแถวบ้าน นั่นก็ทำให้เกิดการเสียเยื่อไผ่อันนี้ได้เช่นกันครับ เท่านั้นยังไม่พอ... ในกีฬาบางประเภทก็ทำให้เกิดการเสียพรหมจรรย์กันได้ เพราะบางคนก็เล่นบัลเล่ต์ฉีกขาซะแบบเป็นผีเดอะริง (เกิดทันมะ) มันก็มีเลือดออกมาได้ และเสียทรงกลมของเยื่อพรหมจารีไปโดยปริยาย แบบนี้ถือว่าไม่ซิง หนูก็ขายไม่ออกน่ะสิคะ! อย่างที่บอกไปครับน้อง การฉีกขาดดังกล่าวนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นเยื่อพรหมจารีอาจจะไม่ได้บอกอะไรมากมายไปกว่า ผ่านการใช้งานที่หนักหน่วง ถ้าอยากจะเป็นครั้งแรกของผู้ชายตลอดไปหนูก็ไปบอกเค้าว่า พี่คะ หนูไม่เคย แต่หนูเล่นบัลเล่ต์ เตะบอล มันเลยฉีกค่ะ เค้าอาจจะเชื่อนะ!!! ส่วนใครที่อยากจะมีประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกที่ดี ที่น่าประทับใจ ไม่เสียใจไปตลอด คงต้องคิดดีๆ แล้วล่ะค่ะว่า จะทำยังไงให้ความสดใสซิงยังอยู่กับเราในวัยที่เหมาะสม จุดนี้ก็ต้องดูแลตัวเองนะครัชชชช พี่หมอคงช่วยได้เท่านี้ อิอิ สรุปอีกครั้ง เยื่อพรหมจรรย์ไม่ได้วัดความซิงเสมอไป แต่ก็พอจะบอกสภาพการใช้งานได้ในระดับหนึ่ง ผู้ชายที่มีประสบการณ์จะรู้ได้โดยสัญชาตญาณเองว่าผู้หญิงคนไหนเคยผ่านอะไรมาบ้าง แน่นอนว่าสิ่งที่บ่งบอกประสบการณ์ทางเพศก็ไม่ใช่แค่เยื่อพรหมจรรย์แน่นอน ดังนั้น ถ้าอยากซิงก็แค่เก็บความซิงพาสเจอร์ไรซ์ไว้ แล้วเปิดใช้ในเวลาที่เหมาะสมครับ ไม่เห็นจะยาก ^^