การเสพติดความรัก และคุณอาจจะเคยเป็นหนึ่งในนั้น
คุณค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองกำลังมีความรัก ว่าแต่คุณรู้ได้อย่างไร?
ก็..เมื่อคุณอยู่กับเขาคุณจะหยุดยิ้มไม่ได้เลยราวกับว่าเป็นคนบ้า
และถ้าไม่ได้อยู่กับเขาคุณก็จะหมกมุ่นเอาแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่ามีข้อความหรือสายเรียกเข้าจากเขาหรือเปล่า
จากนั้นเมื่อคุณไม่เห็นข้อความหรือสายเรียกเข้าจากเขาก็จะรู้สึกโหวงเหวงในท้องพิกล
ทว่าในที่สุดเมื่อมีข้อความหรือสายเรียกเข้าจากเขาเข้ามาจริงๆคุณก็จะกลับมายิ้มได้อีกครั้งไม่ต่างจากตัวตลกคุณรู้ว่านี่แหละคือการตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
แล้วเป็นความรู้สึกเดียวกันกับอาการติดสารเสพติดหรือไม่?
เมื่อคุณเรียกร้องความสนใจจากเขาได้ก็จะรู้สึกอิ่มเอมเปรมปรีดิ์
แต่ถ้าไม่ได้..ก็จะรู้สึกซึมเศร้าลง
การศึกษาที่ผ่านมาพบว่าความคล้ายคลึงกันทางประสาทวิทยาระหว่างการตกอยู่ในห้วงแห่งความรักกับอาการติดสารเสพติด
แต่กลุ่มนักวิจัยจาก Center for Neuroethics
แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดตัดสินใจที่จะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสพติดความรักที่เชื่อมโยงกับสมองของคนเรา
Anders Sandberg
นักวิจัยรายหนึ่งอธิบายว่ามีเส้นบางๆกั้นอยู่เมื่อความรักเปลี่ยนแปลงไปจนมีลักษณะใกล้เคียงกับอาการเสพติด
และน่าจะเป็นตอนที่คุณรู้ว่าไม่อยากรักแล้วแต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จนกลายเป็นการกระทำที่ไม่ดีตามมา
เช่น การทำร้ายร่างกาย ซึ่งเราก้าวข้ามไปสู่อาการเสพติดในการทดลองนี้กลุ่มนักวิจัยได้วิเคราะห์การศึกษาเกี่ยวกับความรักและอาการเสพติดซึ่งถูกตีพิมพ์ตั้งแต่ปี
1956-2016 และพบว่ามีความรู้สึก "คล้ายกับอาการเสพติด"
สองประเภทที่เกี่ยวกับความรักได้แก่ "แคบ" และ "กว้าง" มุมมอง "แคบ"จะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเสพติดในแง่ลบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบความรักหรือพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรักซึ่งเป็นอันตราย
ในทางกลับกันมุมมอง "กว้าง" จะเกี่ยวข้องกับความรัก "ปกติ" ซึ่งคุณสามารถควบคุมความต้องการและอาการเสพติดได้
แม้ว่านักวิทยาศาสตร์รายอื่นๆจะไม่พิจารณารูปแบบการตกหลุมรักแบบ "กว้าง"
ไปจนถึงพฤติกรรมการเสพติดแต่ก็มีการโต้แย้งว่าความรักรูปแบบนี้ก็สามารถกลายเป็นการเสพติดได้เมื่อความปรารถนาเริ่มเข้าครอบครองความสนใจอื่นๆของเรา
อย่างไรก็ตามหากคุณคิดว่าไม่มีสิ่งใดทำให้คุณมีความสุขได้มากเท่ากับการอยู่กับคนรักอีกแล้ว..ก็อาจเป็นไปได้ว่าคุณมีอาการเสพติดเข้าแล้ว