ยืดอายุแบตฯอุปกรณ์ ที่รันด้วย iOS 9

อ่าน 12,129

เชื่อว่าหลังจากที่ Apple ปล่อย iOS 9 ออกมาอย่างเป็นทางการ เหล่าสาวก Apple ที่ทราบถึงฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด เป็นใครก็อยากรีบอัพเดตอุปกรณ์ของตนเองกันทั้งนั้น

แต่ทุกครั้งที่มีการอัพเดตระบบปฏิบัติการใหม่ บ่อยครั้งที่ OS ใหม่มักสูบแบตเตอรี่เสมอ เพราะฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้การแสดงผลดูสวยงามบนหน้าจอความละเอียดสูง หรือกราฟฟิกที่ดูลื่นไหลมากขึ้นกว่าเดิม แต่อย่าลืมว่า อุปกรณ์ที่แม้จะมีสเปค หรือฟีเจอร์ดีขนาดไหน แต่ถ้าแบตหมดไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ทับกระดาษ หรือของชิ้นหนึ่งที่ไม่มีประโยชน์อะไร

ดังนั้นเรื่องของแบตเตอรี่ของอุปกรณ์พกพาเป็นเรื่องสำคัญเสมอ คราวนี้เราลองมาดูวิธีการปรับแต่ง iOS 9 ให้อุปกรณ์ของคุณประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นที่คุณอาจจะยังไม่รู้มาก่อน

1. ตรวจสอบแอพที่สูบแบต

บน iOS 8 เวอร์ชั่นก่อน Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ Battery Usage ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คอยตรวจสอบ และจัดการการใช้พลังงาน และบนเวอร์ชั่น iOS 9 ฟีเจอร์นี้ได้ถูกอัพเกรดให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยในตัว Battery Usage (ไปที่เมนู Settings > General > Battery) นอกจากจะแจ้งเราว่าแอพไหนที่เราใช้เยอะเป็นเปอร์เซ็นแล้ว เมื่อแตะไอคอนรูปนาฬิกาด้านบน ระบบจะแจ้งเวลาการใช้แอพของเราเป็นนาทีด้วย

ทีนี้เราก็จะทราบได้ว่าแอพไหนที่กินพลังงานมาก เวลาที่แบตของเราใกล้หมด เราจะได้เลี่ยงการใช้แอพนั้น เพื่อไม่ให้แบตหมดไวนั่นเอง

2. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน

Image: Screenshot: Raymond Wong/Mashable

Apple บอกว่าไอโฟน (ไม่รวม iPhone 6s และ 6S Plus) หากอัพเดต iOS 9 เมื่อไหร่ แบตเตอรี่จะสามารถใช้ได้นานขึ้น 1 ชั่วโมง และถ้าหากอยากให้แบตอึดมากกว่าเดิม คุณสามารถเปิดโหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode) เพื่อยืดอายุแบตได้อีก 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว

โหมดนี้ที่ช่วยให้แบตอึดขึ้น แต่การทำงานบางอย่างจะถูกลดลง หรือปิดไป เช่น การดึงอีเมลใหม่, การรีเฟรชข้อมูลเบื้องหลัง, การดาวน์โหลดอัตโนมัติ, และเอฟเฟคบางอย่าง เป็นต้น ซึ่งหากต้องการเปิดโหมดประหยัดพลังงานนี้ ให้ไปที่เมนู Setting > General > Battery > Lower Power Mode ซึ่งเมื่อแบตเตอรี่ของคุณเหลือ 20% หรือน้อยกว่า ระบบจะมีการแจ้งเตือนคุณให้เปิดโหมดนี้ใช้

3. จัดการระบบการระบุตำแหน่ง

แอพทั้งหลายที่ต้องการระบบระบุตำแหน่งของคุณ แอพเหล่านั้นเป็นจอมดูดแบตอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งถ้าอยากรู้ว่ามีแอพไหนบ้าง ก็ให้คุณไปที่ Settings > Privacy > Location Services รายชื่อแอพที่ต้องการรู้ตำแหน่งของคุณจะแสดงขึ้นมาทั้งหมด จากนั้นก็จัดการปิดแอพที่ไม่จำเป็นต้องรู้ตำแหน่งของคุณทิ้งซะ อย่างเช่น Dictionary หรือแอพแปลภาษา แอพแบบนี้จะรู้ตำแหน่งของเราไปทำไม เปลืองแบตเปล่าๆ

4. ปิดการเชื่อมต่อบลูทูธ

บลูทูธ เป็นระบบการเชื่อมต่อที่มีประโยชน์มากในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น อย่างเข่น ลำโพงไร้สาย, หูฟังไร้สาย, หรือ AirDropping สำหรับส่งไฟล์ไปยัง Apple devices อื่นๆ ซึ่งโดยหลัการแล้ว การเชื่อมต่อบลูทูธเป็นการเชื่อมต่อที่กินพลังงานน้อยมาก แต่การเปิดบลูทูธไว้โดยที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆ เลย จะทำให้ระบบทำการค้นหาอุปกรณ์เพื่อเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากไม่ใช้ ก็ปิดซะดีกว่า

คุณสามารถปิดบลูทูธได้ง่ายๆ โดยการไปที่ Settings > Bluetooth หรือใช้วิธีปัดหน้าจอขึ้นจากด้านล่าง จากนั้นก็ปิดซะ ถ้าไม่ใช้

5. เลือกใช้ Widget เฉพาะที่จำเป็น

ตั้งแต่ iOS 8 แล้วที่ Apple เพิ่ม Widget ให้ผู้ใช้ได้ใช้งาน แต่ก็มีบาง Widget เหมือนกันที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้เลย อย่างเช่นแอพเกม Asphalt 8: Airborne ซึ่งเกมแบบนี้ไม่รู้จะมี Widget ไปทำไมเหมือนกัน ดังนั้นอะไรที่ไม่ได้ใช้บ่อย ก็จัดการลบทิ้งไปซะ

6. จัดการ Background App Refresh

Background App Refresh เป็นฟีเจอร์ที่ให้แอพพลิเคชั่นสามารถอัพเดตข้อมูลได้ แม้ว่าจะกำลังทำงานอยู่เบื้องหลังก็ตาม แม้ข้อมูลบนมือถือของคุณจะอัพเดตตลอดเวลา แต่ฟีเจอร์นี้ก็กินแบตเตอรี่พอสมควรเลยล่ะ

ดังนั้นเราขอแนะนำว่า ให้คุณไปจัดการการโหลดข้อมูลเบื้องหลังนี้ที่ Settings > General > Background App Refresh จากนั้นก็ปิดการโหลดข้อมูลของแอพที่ไม่สำคัญทิ้งไปซะ

7. แอนิเมชั่นสวยๆ ก็ปิดไปบ้าง

หากยังจำกันได้ ตั้งแต่ iOS 7 แล้วที่ Apple เพิ่มกราฟฟิก และแอนิเมชั่นสวยๆ มาให้คุณบนภาพพื้นหลัง (ไอคอนที่เมื่อขยับหน้าจอ แล้วภาพจะขยับตาม) รวมไปถึงยังมีการเพิ่มเอฟเฟคการซูมเข้าออก เวลาที่เราเปิดหรือปิดโฟลเดอร์ด้วย ซึ่งเอฟเฟคเหล่านี้ก็เป็นอีกต้นเหตุของแบตเตอรี่หมดไว

หากต้องการปิดแอนิเมชั่นที่ว่า ก็ให้ไปปิดได้ที่ Settings > General > Accessibility > Reduce Motion

8. ใช้งานระบบการเข้าถึง Accessibility

ในโหมด Accessibility หรือเมนูการเข้าถึงนั้น เราสามารถเข้าไปตั้งค่าการใช้งานบางอย่างเพื่อประหยัดการใช้พลังงานของเราได้ เหมาะกับการเปิดใช้เวลาที่แบตใกล้หมด ซึ่งแม้จะมีบางฟังค์ชั่นถูกตัดไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าให้มือถือของเราปิดไปแบบแบตหมดเกลี้ยง

สิ่งที่คุณสามารถปรับตั้งค่าได้มีดังนี้

เปลี่ยนหน้าจอเป็นขาวดำ (Settings > General > Accessibility > Grayscale)

ลดสีขาวบนหน้าจอ (Settings > General > Accessibility > Increase Contrast)

ลดความโปร่งใส (Settings > General > Accessibility > Increase > Reduce Transparency)

นอกจากนี้การปิดระบบการสั่นเวลาแจ้งเตือนก็สามารถลดการใช้พลังงานลงได้เช่นกัน (Settings > General > Accessibility > Vibration)

9. ปิดการอัพเดตแอพอัตโนมัติ

ตั้งแต่ iOS 7 จะมีระบบการอัพเดตแอพอัตโนมัติทันทีเมื่อมีอัพเดตใหม่มา ข้อดีก็คือแอพบนอุปกรณ์ของเราจะทันสมัยตลอดเวลา แต่ข้อเสียก็คือพลังงานทีเสียไประหว่างการอัพเดตนั่นเอง

คุณสามารถปิดการอัพเดตอัตโนมัติได้ที่ Settings > App and iTunes Stores > Automatic Downloads ซึ่งในเมนูนี้ คุณยังสามารถปิดการดาวน์โหลดเพลง หรือแอพอัตโนมัติได้ด้วยนะ

10. ลดความสว่างหน้าจอ

Image: Marco Piunti/Getty Images

ทิปข้อนี้อาจจะไม่ได้แปลกใหม่เท่าไหร่ แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ หากคุณเปิดความสว่างหน้าจอเป็น 100% นอกจากแบตเตอรี่ของคุณจะหมดไวแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสายตาของคุณด้วย ดังนั้นคุณสามารถลดความสว่างหน้าจอได้ที่ Control Center หรือไปที่ Settings > Display & Brightness ก็ได้

เอาจริงๆ ความสว่างแค่ 50% ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะ

11. อย่าใช้ Live Photos เป็นภาพพื้นหลัง

บน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus มีฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้ก็คือ Live Photos ซึ่ง Apple เรียกฟีเจอร์นี้ ?ความทรงจำที่มีชีวิต? ซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวที่่น่ารักและดูเมื่อไรก็สนุก แต่ฟีเจอร์แบบนี้เอง ที่กินพลังงานค่อนข้างมากทีเดียว

ดังนั้นหากอยากประหยัดพลังงาน ก็ใช้ภาพพื้นหลังเป็นภาพนิ่งจะดีกว่านะ

12. ปิดโหมด 3D Touch ซะ

แม้ว่าระบบ 3D Touch จะเป็นไม้เด็ดของ iPhone 6s และ 6s Plus ซึ่งคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่หากเราจะแนะนำให้คุณปิดระบบนี้ซะ แต่ถ้าหากคุณคิดว่าเรื่องพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากมือถือดับไป ระบบเจ๋งๆ อย่าง 3D Touch ก็คงไม่มีประโยชน์

คุณสามารถปิดโหมด 3D Touch ได้โดยการไปที่ Settings > General > Accessibility > 3D Touch

นี้ก็เป็นทิปเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับท่านที่อัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 9 ไปแล้ว หรือท่านที่ใช้ iPhone 6s และ 6s Plus รุ่นใหม่แล้ว ที่ท่านสามารถนำไปใช้ได้ในกรณีที่ต้องการใช้มือถือนานๆ โดยไม่มีที่ชาร์จ หรือแบตเตอรี่สำรองนั่นเอง

ถึงจะไม่เท่ แต่ก็ดีกว่าแบตหมดเกลี้ยง เชื่อผมเถอะ



บทความแนะนำ


น้ำต้มผักความรักความรู้สึกเลื่อมสลับลายละครเพลงหนึ่งคำสุดอบอุ่นวงศกรนิวฆ่าตัวตายผูกคอตายข่าวล่าสุดทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก