ความรักที่ฉันรู้?. เมื่อกำลังจะอายุ 25

อ่าน 11,654

ตอนกำลังจะอายุ 25.. หลายคนเจอการเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิต ร้ายแรงบ้าง

เศร้าเจียนตายบ้าง แต่สำหรับฉัน เรื่องแบบนั้นมันยังไม่เกิด

(และขอให้ไม่เกิด สาธุ) แต่ที่เกิดแล้วแน่ๆ และมันแปลกมาก

คือมุมมองความรักของฉัน ที่มีต่อโลกและคนรัก.. มันเปลี่ยนไป

แบบไม่เหมือนเดิมเลยซักนิด

ตั้งแต่เด็ก

ฉันเป็นคนจริงจังกับความรักมาก และเป็นฝายที่รักมากกว่าเสมอ

เมื่อมีความรักมาสะกิด ฉันก็ทุ่มใจให้เขาไปหมด โดยไม่คิดจะเผื่อ

ไม่คิดจะเซฟตัวเอง และไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเขารักฉัน

ขั้นที่ฉันควรมอบใจให้ขนาดนี้รึยัง

ความรักของฉัน

เป็นแบบดิ่งและ deep เธอเป็นของฉัน ฉันเป็นของเธอ

เราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ไม่มีตรงกลาง

ฉันไม่เคยใช้เหตุผลอะไรในความรัก ทุกอย่างล้วนมาจากอารมณ์ทั้งสิ้น ขี้หึง

งี่เง่า เอาแต่ใจ จนความรักมันพัง มันจบลงกี่ครั้งๆ แล้ว

เมื่อ

มีรักครั้งใหม่ ฉันก็ยังทำตัวแบบเดิม โดยหวังว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนเข้าใจ

มาเติมเต็มให้ฉัน ช่วยแก้ปัญหาชีวิตและอดทนกับอารมณ์ของฉัน

เขา

คนนี้ คือเพื่อนสนิทฉัน และเป็นคนที่ฉันรักที่สุด

เพราะเขารู้ทุกความลับในชีวิตฉัน เขารู้ปมในจิตใจฉัน

เขาคือคนที่ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นคนที่สดใสโลกสวยขึ้น

เพราะเขาคอยแก้ปมในใจฉันทีละนิดๆ

ฉันเลยได้ใจ

คิดว่าเขาจะอดทนอยู่กับฉันไปได้ตลอด ทุกครั้งที่เขาจะไปจากฉัน

ฉันจะเป็นคนที่ยื้อ โดยไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น ทั้งๆที่รู้ว่า

เป็นเพื่อนกันน่าจะสบายใจกว่า ห่างกันอีกนิดแล้วทั้งคู่จะมีความสุขมากขึ้น

เราทะเลาะกันครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นปีๆ จนมันทับถมๆ เปรี้ยงทีเดียว

รู้เรื่อง! เขาพูดเลยว่า นิสัยของฉันเป็นแบบนี้ น่าจะแก้อะไรไม่ได้แล้ว

และเขาก็จากไป แบบไม่ให้โอกาสฉันได้แก้ตัวอีก

?มัน

ไม่มีหรอก ?การรักมากเกินไป? มันมีแต่ ?รักที่ผิดวิธี?

และขอโทษที่ฉันผิดเอง เพราะฉันกอดความรักนี้แน่นเกินไป

แน่นจนความรักของฉันหายใจไม่ออก?

วินาทีนั้น

รู้สึกเลยว่าอยู่ไม่ได้ จะตาย อยากกินยาระงับประสาท ชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว

ส่วนหนึ่งของฉันมันหาย คิดเลยว่ายอมทำทุกอย่างในโลกนี้

ขอแค่ให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาอยากคุยกับแฟนเก่าบ้างก็ไม่เป็นไร

ไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนดึกๆดื่นๆ ก็ไปได้ไม่ว่า แต่ขอเถอะ

ขอให้เรามีกันและกันเหมือนเดิมได้มั้ย และนี่ยังเป็นช่วงเวลาที่

เพื่อนสาวคนสนิทที่สุดในโลกของฉันก็ไม่อยู่

เมื่อก่อนคงขับรถไปบ้านเธอแล้วค้างคืนเป็นอาทิตย์ๆ ไปแล้ว มันโหวงมาก

ทุกอย่างเหมือนพังไปหมด ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง (บอกแล้ว เมื่อก่อน

ฉันเป็นบ้ากับความรักจริงๆ)

ใช้เวลาซักพักใหญ่ ก็คิดได้ว่า โอเค หรือมันจะไม่ใช่ หรือมันต้องยอมรับว่า สถานะเปลี่ยนได้ แต่ความรักไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน

วันหนึ่ง เมื่ออารมณ์คงที่ ชีวิตเขาไม่วุ่นวาย เราจะกลับมาเจอกันใหม่

เขาก็ยังจะอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม เติมเต็มให้ฉันได้เหมือนเดิม

แม้ไม่ได้เป็นคนรักกันแล้ว

หลังจากที่สร้างกำแพงปิดตัวเองจาก

ทุกคน ฉันเริ่มเปิดใจ ลองคุยกับคนใหม่ จะได้เอาใจไปติดที่คนใหม่

ให้มันมั่นคงพอจะไม่กลับมาหาคนเก่า แล้วให้รักมันพังอีก

(ตอนนั้นฉันคิดแค่นั้นจริงๆ)

ความสัมพันธ์นี้ เริ่มจากการเป็นคนแปลกหน้า ทั้งๆที่

ฉันก็ไม่เคยคบใครที่ไม่ได้มาจากคนรู้จักมาก่อน

เขาคนนี้ผิดหวังในความรักมามาก

และอยากจะเริ่มใหม่อย่างจริงจังกับใครซักคนอีกซักครั้ง กลายเป็นว่า

นี่คือคนสองคน ที่เฮิร์ธหนัก มาเจอกัน ฟังแล้ว

เหมือนจะเป็นอะไรที่ลงตัวใช่มั้ย? แต่จริงๆ แล้ว ไม่เลย

คนแปลกหน้าคนนี้ นิสัยเหมือนฉันเมื่อก่อนทุกอย่าง ทุกการกระทำ ทุกความคิด ฉันเข้าใจแล้วว่าคนรักเก่าของฉันรู้สึกยังไง

?ความสัมพันธ์ที่ไม่เท่ากัน มักต้องมีใครคนหนึ่งที่ทรมานเสมอ?

เมื่อฉันเจอคนที่ทุ่มเทให้ฉันมากๆ คาดหวังกับฉันมากๆ พร้อมฝากอนาคตไว้ที่ฉัน ทั้งๆ ที่ในหัวฉันมีแต่คนรักเก่า ยังไม่พร้อมก้าวเดินต่อ

เริ่มเข้าใจแล้วว่าในความสัมพันธ์ อย่าเรียกร้อง อย่าทวงสิทธิ์

?อย่าบังคับจิตใจใครด้วยการโยน ความดี เข้าใส่คนที่เขาไม่ได้อยากรับ?

ทั้งๆ

ที่คนใหม่คนนี้ คือคนรักในอุดมคติ ที่ฉันอยากได้มาตลอด

คือคนที่ในหัวตลอดเวลาของเขามีแต่ฉัน ทำอะไรก็นึกถึงฉัน เป็นห่วงฉัน

อยากดูแลฉันทุกเวลา

กลายเป็นฉันรู้สึกว่า หรือนี่ไม่ใช่ความรักที่ฉันต้องการ? หรือเขาคือคนที่ใช่ในเวลาที่ผิด?

แต่

กว่าฉันจะตอบตัวเองได้ คนแปลกหน้าคนนี้ ถามฉันว่าจะเลือกใคร

ระหว่างตัวเขาเองกับแฟนเก่า ฉันพูดออกมาทันทีโดยไม่ได้คิด

ว่ายังไงฉันก็เลือกเธอ ยังไงก็ไม่กลับไปหาคนเก่าแล้ว

วินาทีนั้น ฉันอยากตบหน้าตัวเองแรงๆ

แต่มันเอาคำพูดพล่อยๆนั้นกลับมาไม่ได้แล้ว

ฉันเทความหวังที่เหมือนแสงสว่างจ้าไปให้เขาเต็มๆ โดยคิดแค่ว่า

ไม่อยากให้เขาเสียใจ แต่จริงๆ แล้ว นี่ล่ะ คือการฆ่าเขาทั้งเป็น

อ่าว

เห้ย มันยังไม่ลืมอ่ะ มันยังมีภาพคนรักเก่าขึ้นมาตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร

อยู่ที่ไหน แต่ถ้าให้กลับไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นตอนนี้ ฉันเลยสะกดจิตตัวเอง

บอกว่าคนนี้แหละ ที่จะทำให้ฉันมีความสุขได้ นานเข้า มันก็ทนไม่ไหว

ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้จริงๆ ฉันยังไม่ลืมคนรักเก่า ยังเลือกที่จะมีความสุขอยู่กับความทรงจำจางๆ แต่มันก็เข้มข้นอยู่ในความรู้สึกเหลือเกิน

คิดวกไปวนมากับชีวิต คิดๆๆๆๆ จนตัดภาพมาที่ตอนนี้

งาน

นักเขียนของฉัน มันคือความท้าทายและเครียดมากขึ้นทุกวัน (เชื่อสิ

วงการนิตยสารตอนนี้มันหนักมากเลยนะ)

แล้วยังมีงานอดิเรกที่ฉันเอนจอยกับมันเหลือเกิน โดยมันไม่เหลือเวลา

ที่จะมานั่งดราม่าให้กับความรักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความคิดถึง

ความหึงหวงที่ฉันจะส่งไปให้ใครแรงๆเหมือนเมื่อก่อน

แต่ฉันก็ไม่พร้อมรับความคิดถึง ความหึงหวงจากใคร

ไม่พร้อมจะรับอารมณ์สวีทหวานซึ้งจากใครเหมือนกัน

เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในชีวิตฉัน แต่กลายเป็นตอนนี้ อยากขออะไรที่เบาๆ สบายๆ ไม่หนัก ไม่อินเท้นส์ได้มั้ย

คำถามสุดคลาสสิค ที่มนุษย์ผู้ตกอยู่ในภวังค์กลวงๆ ของความรักชอบถามกันว่า ?คนที่รักเรา หรือคนที่เรารัก เลือกอย่างไหนดีกว่า??

ฉันบอกได้แค่ว่า

เมื่อฉันเจอทั้งสองอย่างแล้ว

ฉันก็ไม่รู้ว่า ประกายตาแห่งความตื่นเต้นลึกซึ้งจากฉัน เมื่อไปเจอกับแววตาที่ว่างเปล่าของเขา

หรือ

การที่ฉันมองเข้าไปในประกายตาวิบวับของคนๆหนึ่ง ที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความหวัง แต่มากระทบกับจิตใจของฉันที่อ้างว้างและแห้งเหือด

แบบไหนมันเจ็บกว่ากัน?

การมอบทั้งหมดใจให้คนที่ไม่ได้รัก หรือการทำร้ายคนที่รักตัวเองหมดใจโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

มันเจ็บอย่างไม่มีความพอดีทั้งสองแบบนั่นแหละ

และแล้ว โมเม้นต์ที่มานั่งครุ่นคิดหนักๆ ว่า ฉันจะเลือกรักแบบไหนดี

ฉันก็กลายเป็นความรักซะเอง..

วินาทีที่ฉันตระหนักได้ว่า this life is amazing?

ชีวิตคนเรา มันเลือกมองได้แค่นี้แหละ จะเลือกมองว่าทุกอย่างโคตรแย่ เซ็ง

ไม่มีอะไรดีซักอย่าง หรือทุกอย่างน่ารัก ดีจัง เออ เจ๋งดีเนอะ

และถ้าเราเลือกจะมองแบบไหน สิ่งที่เราเลือก มันก็เกิดกับเรา

ปะทะกับมุมมองเรา และส่งออกเพื่อดึงดูดสิ่งไม่ดี หรือสิ่งดีๆ

ที่เราเลือกกลับมาอีกเรื่อยๆ

จากเมื่อก่อน ที่ต้องดิ้นรน

ให้ใครยอมรับ ให้ใครรัก หาที่พึ่งทางใจจากคนอื่นมาตลอด แต่ตอนนี้

กลายเป็นช่างมัน! ไม่เคยสบายและมีความสุขอย่างแท้จริงกับความโสดขนาดนี้

ไม่เคยมีความสุขกับการทำอะไรของตัวเอง โฟกัสกับแพชชั่นดีๆที่มี

สนุกที่จะอยู่กับเพื่อน ไปทำอะไรเฮฮาด้วยกันแบบไม่ต้องกังวลอะไร

ไม่เคยสบายกับการเป็นโสดขนาดนี้ ไม่คิดจะกลับไป ไม่คิดจะวิ่งตาม ไม่พร้อมจะผูกมัดกับใคร เลือกที่จะอยู่เฉยๆ

ฉัน

เขียนเรื่องนี้ ในคาเฟ่ นั่งอยู่ตรงข้ามเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เป็นผู้ชาย

ฉันกับเขา เรา friend zone กันสนิทใจ

และมันคือความรู้สึกที่ปลอดภัยและมีความสุขสุดๆ

ถามว่าตอนนี้ ฉันคิดถึงคนเก่าของฉันมั้ย

โอ้โห สุดหัวใจเลยล่ะ

แต่

ถ้ามันยังไม่ถึงเวลา ฉันก็เลือกที่จะอยู่กับความจริงในปัจจุบัน

แค่มีใครให้นึกถึงก็พอ อะไรจะเกิดก็เกิด ยอมรับและพุ่งชนมัน

ชีวิตจะละครกันได้ซักแค่ไหนเชียว!

คนเราก้าวเข้าไปในความ

สัมพันธ์ ไม่มีใครอยากผ่านประสบการณ์อกหักเจียนตายหรอก

มันคือความพิเศษในชีวิตขนาดไหน

ที่ได้ลองอะไรที่คนเขาพยายามจะวิ่งหนีขนาดนี้

ฉันลองให้รู้เพื่อมาเล่าให้ทุกคนฟังได้ไง (อื้ม)

?สิ่งสำคัญและมีค่าที่คนซักคนควรได้รับรู้ในชีวิต

คือ การได้รักใครซักคน

และการถูกรักจากใครซักคน?

ถ้า

โชคดี ทั้งสองสิ่ง จะเกิดขึ้นกับคนๆ เดียวกัน แต่ถ้าโชคยังไม่ดีเท่า

มันก็ทำให้เราได้บริหารกล้ามเนื้อหัวใจน้อยๆ ที่ยิ่งใหญ่ และช่วยเป็นแรงใจ

เพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง ในวันที่เราไม่เหลือใคร ว่าอย่างน้อย

ก็เคยมีคนที่หลงรักความเป็นตัวตนของเราได้มากขนาดนี้

ที่บอกว่า ตอนนี้ ฉันกลายเป็นความรัก

ไม่ได้เป็น เพื่อพยายามจะดึงดูดความรักมากมายเข้ามา ยังไม่คิดอะไรขั้นนั้น

แต่เป็นความรัก ที่พุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจ

ออกมาจากร่างกาย สะท้อนเป็นไออุ่น ให้ความรักลอยฟุ้ง เหมือนก้อนเมฆ อวลๆ

ปกคลุมอยู่รอบตัวเรา ทุกอย่างเบา เลือกดึงดูดแต่สิ่งดีๆ มอบสิ่งดีๆ

ที่ไม่ดีพ ไม่ดิ่งอะไรให้ใคร

ฉันก็ไม่รู้ว่า ความรู้สึกใหม่ตอนจะอายุ 25 นี้ จะอยู่กับฉันได้นานขนาดไหน

ถึง

ลึกๆ ก็ยังเชื่อว่าจิตวิญญาณความดี้พนั้น ก็ยังอยู่ในตัวฉันแหละ

แค่อย่าทุ่มแบบนี้ไปหมดให้ใคร เพราะมันจะไม่ไหว

นี่คือการดีท้อกซ์ความเครียดในจิตใจ

รอนะ.. ว่าเขาจะกลับมา

หรือมีใครซักคนที่ในใจฉันลึกๆ ตะโกนออกมาเลยว่า ใช่

แล้วค่อยทุ่มใหม่ ตอนนี้พักเถ๊อะ



บทความแนะนำ


แท็กซี่เรื่องของใจเซ็กส์ไฟแห่งราคะโรคภูมิแพ้ความเครียดต่อมลูกหมากแท็กซี่เซอร์ชาร์จแท็กซี่สนามบินเซอร์ชาร์จแท็กซี่สนามบินทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก