ปัญหาชีวิตคู่กับเรื่องเงิน ขอความคิดเห็นด้วยคะ

อ่าน 1,751

เราแต่งงานแล้ว กำลังจะคลอดลูกคนนึงคะ เรามีฐานะปานกลาง แฟนมีฐานะรวยคะ ตอนที่ตัดสินใจแต่งงานกันเราเพิ่งจบการศึกษาใหม่ๆ เราเรียนจบเร็วกว่าคนอื่นเพราะว่าเราอยากหาเงินให้เร็วที่สุดด้วยตัวเอง เราต้องการความมั่นคงในชีวิต เราเลยแพลนและเตรียมตัวมานานแล้วที่จะสมัครงานที่นึงตั้งแต่เราเรียนอยู่ แล้วสุดท้ายได้รับการเรียกไปสัมภาษณ์(ถือว่าก้าวเข้าไปครึ่งตัวแล้ว)ก่อนการเรียนจบแค่แปปเดียว รายได้ขั้นต่ำอาชีพนี้คือ80,000บาท(ถ้าไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย) แต่สุดท้ายเราก็ปฎิเสธไป เพราะว่าถ้าจะแต่งงานกับสามีในปัจจุบันเรา คงทำอาชีพนี้ไม่ได้ เลยเลิกล้มความคิดไป เหตุผลที่เลือกแต่งงานคือสามีเรารวย มีมั่นคง แล้วทัศนคติแนวความคิดคือไปในทางที่เข้ากันได้ แล้วเค้าไม่ใช่คนที่นิสัยแย่อะไร ในปีแรกที่แต่งงานสามีเรากำลังเรียนอยู่และเรียนจบในปีนั้น ปีที่สองเราเลยแพลนมีลูกกัน

ในปีแรกแฟนเราจะซื้อของใช้ต่างๆให้เราซึ่งมันแพงมาก เราปฎิเสธแต่เอาของที่มีราคาถูกลงมาแต่ที่ใช้แล้วไม่น่าเกลียดแล้วแบบคลาสสิคไม่ต้องขายใช้ได้ตลอด แล้วเค้าก็พาเราเที่ยวแบบหรูเลย เค้าบอกว่าลองสักครั้งในชีวิต ไม่ได้ทำบ่อยๆจ่ายเยอะไม่เป็นไร จนที่บ้านเราบอกว่าเอาแต่เที่ยวไม่หางานทำหรอ เดี๋ยวแก่ไปแล้วจะลำบากนะ อย่าหวังแต่พึ่งคนสามี ต้องพึ่งตัวเองด้วย ต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง เลยทำให้เราฉุกคิดว่ามันจริง เราหลงระเลิงเที่ยวมากไป เราเลยบอกแฟนว่าเราจะทำงาน ตอนนั้นคิดทั้งงานบริษัท งานราชการ หรือการทำธุรกิจ สุดท้ายเลยแฟนเราแนะนำว่าทำธุรกิจเล็กๆลองเรียนรู้ดู และเพื่อจะได้มีเวลาให้เค้า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำและลงเอยที่ว่าพยายามมีลูกกันแทน เค้าบอกว่าเรื่องเงินอนาคตไม่ต้องห่วง เค้าจะดูแลเรา ไม่ทิ้งเรา รับผิดชอบเรากับลูก

พอมาปีที่สองซึ่งก็คือตอนนี้ที่กำลังจะคลอดลูก ทางบ้านเค้าและตัวเค้าแพลนว่าถ้าคลอดลูก ตัวเราและลูกจะต้องย้ายไปประเทศเค้า ด้วยเหตุผลที่ว่าจะต้องกลับไปทำธุรกิจกับทางบ้าน ซึ่งได้เงินเยอะมากกว่า คือตอนอยู่ที่ไทย ไม่ได้มีรายได้อะไรเลย คืออันนี้เราเข้าใจ เพื่อครอบครัวและอนาคตลูกเรา เรื่องมีอยู่ว่าวันนึงเราทะเลาะกันหนักคะ หนักกว่าทุกครั้งคือปกติทุกครั้งทะเลาะจะเป็นเรื่องข้อความคุยกับเพื่อนหญิงหรือการปฎิบัติตัว การเว้นช่องว่างกับเพื่อนหญิงให้เหมาะสมและให้เกียรติเรา หรือการเสิชหาข้อมูลที่มีแนวโน้มว่าจะนอกใจ คือความสัมพันธ์เรื่องความรักและความซื่อสัตย์สำหรับเราต้องโปร่งใสมากๆคะ คือเราก็โปร่งใสเหมือนกัน เลยอยากให้แฟร์กันในจุดนี้ กลับมาในตอนที่เราทะเลาะกันหนักกว่าทุกครั้ง คือ ครั้งนี้เราไม่ไหว เราอยากกลับบ้านไปหาพ่อแม่เรามากซึ่งสุดท้ายเราก็กลับไป สิ่งที่เค้าห่วงที่สุดในตอนนั้นคือ เค้าบอกว่าจะกลับก็ได้แต่เอาของๆเค้าคืนมาให้หมดก่อนที่จะไปแล้วเค้าก็ถามหาของๆเค้าว่าทั้งหมดอยู่ตรงนี้ใช่มั้ยคือเค้าบางทีชอบฝากของไว้กับเราคะ คือเราอึ้งว่าแบบห่วงแต่ทรัพย์สินของตัวเองแค่นั้น มันเลยทำให้เราคิดว่าถ้าวันนึงเค้าทิ้งเรามา เราไม่เหลืออะไรเลยตอนนั้นในเอทีเอ็มเรามีแค่หมื่นเดียวกับลูกในท้องคือเราเคยเชื่อเค้าว่าเค้าจะให้ความมั่นคง จะดูแลเรากับลูก (คือตอนแต่งเราไม่ได้เรียกร้องสินสอดหรือทรัพย์สินอะไร) คือสองปี เราเป็นหม่าย เราไม่มีงานทำ เราไม่มีเงินบ้านเราก็ไม่ได้รวย มีภาระกันหมด เรายังเอาตัวเองไม่รอดแล้วมีลูกมาอีก1คน คือค่าใช้จ่ายเยอะคะ แต่เราไม่เคยคิดเสียใจที่มีลูกนะคะ แต่เราสงสารลูกกว่าเรากลัวให้สิ่งที่ดีที่สุดไม่ได้เพราะเราเงินไม่ถึง เราเลยคิดว่าตลอดมาคือเรากำลังหลงในคำพูดของเค้า เราเลยรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเค้าหรือคำพูดเค้าอะไรที่ผ่านมาเลย เราคิดตอนนี้คือเราต้องยืนให้ได้ด้วยตัวของเราเอง เพื่อความมั่นคงของเรา เราเลยคุยกับเค้าว่าเราจะไม่กลับไปประเทศเค้า เพราะเราพูดภาษาเค้าไม่ได้ แล้วหางานทำยากมาก เค้าก็บอกว่าไม่ต้องห่วงไม่ต้องทำงาน เค้าจะเลี้ยงเรากับลูก คือในความคิดเรา ถ้าเราโดนเท แล้วอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เราจะทำยังไง คือเค้าไม่เคยให้หรือให้เรามีส่วนร่วมอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเราไม่มีเค้า เราก็พอที่จะเริ่มชีวิตใหม่ได้คือไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งเค้าหรืออะไร มันคือความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย เราไม่อยากเป็นเบี้ยล่างเค้า แบบไร้ทางเลือก ไปตลอด คือเราเห็นจากคนที่เรารู้จักมาเยอะคือครอบครัวร่ำรวย สามีเลี้ยงเด็กไว้หลายคน ภรรยาทำอะไรไม่ได้ ไม่มีทรัพย์สินส่วนตัวอะไร คือเอาง่ายๆว่าถ้าภรรยาไม่พอใจก็เลิกกับสามีไม่ได้เพราะไม่มีสินทรัพย์หรือหารายได้ ได้ด้วยตนเอง ได้แต่ก้มหน้ายอมรับให้สามีมีคนอื่นแล้วตัวเองเลี้ยงลูก ซื้อของแบรนเนม ใช้ชีวิตไปวันๆ แล้วคือเค้าอายุเยอะแล้วด้วย แต่เราไม่อยากเป็นแบบนั้นคือเรารู้สึกว่าสามีไม่อยากให้เรายืนด้วยตัวเองได้ คือเรายังพอกลับตัวทัน เรายังไม่แก่ ยังหางานทำมีทางเลือกอยู่เยอะ เราไม่อยากถล่ำลึกเกินจะสายไป เราเลยคิดว่า

1.)ถ้าเราย้ายกลับไปอยู่กับเค้าที่ประเทศเค้า เราจะขอให้เค้าเปิดบัญชีร่วม แล้วใส่เงินที่เค้ามีอยู่ที่ไทยเข้าไป คือ เหมือนเค้าเอาไปไม่ได้ เราก็เอาไปไม่ได้ ค่อนข้างแฟร์ คือ เรารู้สึกเซฟบ้างแบบรู้สึกมีทรัพย์สินบ้าง แล้วเค้าก็เซฟในจุดที่ว่าเราไม่สามารถเอาเงินไปใช่ได้โดยที่เค้าไม่ทราบ2.)เราหางานทำที่ไทย ลูกอยู่กับเรา ต่างคนต่างทำงานถ้าเค้าคิดถึงก็มาหาลูก หรือบางทีว่างๆเราก็จะกลับไปประเทศเค้าบ้าง 1-2ครั้งต่อปี ตัวเลือกนี้ถ้าสุดท้ายนำไปสู่การเลิก เราก็ไม่เสียใจ เพราะว่าถ้าเราเลิกกับเค้า เค้าเคยบอกว่าก็ไม่เอาลูกเหมือนกัน

หรือเพื่อนๆคิดว่ายังไง? เราควรทนเพื่อลูกเรา แล้วยอมเค้า?

แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าอยู่ๆไปจะให้ทรัพย์สิน ความมั่นคงนะคะ เพราะที่บ้านเค้า คนรอบตัว สังคม ผู้ใหญ่ที่เค้ารู้จักคือจากที่เค้าเล่า แก่จนใกล้จะตาย เลยโอนทรัพย์สินให้ลูกและภรรยา.



บทความแนะนำ


เครื่องสำอางถูกและดีผู้หญิงความสวยความงามร้านอาหารที่กินเรื่องลาว(ReungLao)ใบหน้าเครื่องสำอางทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก