อันตรายจากการใช้ "กล่องโฟม" รู้แล้วแทบช็อก ! ไม่อยากซื้อมาทานอีกเลย

อ่าน 11,857

ด้วยสภาพสังคมปัจจุบันที่ความสะดวกสบาย รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนถวิลหา ไม่เว้นกระทั่งเรื่องการกินที่จังหวะชีวิตของใครหลายคนทุกวันนี้ ไม่เปิดโอกาสให้มีทางเลือกมากนัก การจะหาของกินดีๆ ปลอดภัยไร้สาร เป็นเรื่องยาก เพราะเดี๋ยวนี้เน้น อิ่ม-เร็ว-ถูก ส่งผลให้อาหารจำพวก แกงถุง ข้าวกล่อง กลายเป็นพระเอกในชีวิตประจำวันที่ผู้คน ยุคสังคมก้มหน้า จำใจยอมรับ และชินอยู่กับมัน ทั้งๆที่บางคนก็รู้ว่าการแกล้งปิดตาข้างหนึ่งก่อนกลืนข้าวลงคอนำมาซึ่ง ภัยเงียบ

แง้มกล่องส่องภัยจากโฟม

ข้อมูลจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบายถึงพิษภัยจากกล่องโฟมไว้ว่า โฟมเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ผลิตจากพลาสติกประเภทโพลีสไตรีน(Polystyrene: PS) ถ้าถูกนำไปใช้บรรจุอาหารที่ร้อนจัด และอาหารทอดที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ จะเกิดปฏิกิริยาที่ทำให้สารอันตรายแตกตัวออกมาปนเปื้อนกับอาหาร ได้แก่ สารเบนซีน(Benzene) ที่หากดื่ม หรือกินอาหารที่มีสารเบนซีนปนเปื้อนสูงจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง เนื่องจากกระเพาะถูกกัดกร่อน เวียนศีรษะ คลื่นไส้ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

แต่ที่เป็นอันตรายที่สุด คือ สารสไตรีน(Styrene) ที่มีพิษทำลายไขกระดูก ตับ และไต ทำให้ความจำเสื่อม มีผลต่อการเต้นของหัวใจ และเป็นสารก่อ มะเร็ง โดยอาจก่อให้เกิดมะเร็งเส้นเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้

สำหรับ เส้นทางมะเร็ง จากสารสไตรีนในกล่องโฟมจะเข้าสู่ร่างกายได้จาก 5 ปัจจัย ได้แก่ 1.อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ทำให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้สูง 2.ถ้าปรุงอาหารโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชูแอลกอฮอล์ จะดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ 3.ถ้าชื้ออาหารใส่กล่องทิ้งไว้นานๆ ไม่ได้รับประทาน อาหารจะดูดสารสไตรีนได้มาก 4.ถ้านำอาหารที่บรรจุในกล่องโฟมเข้าไมโครเวฟ สไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก และ 5.ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมากๆ รวมถึงร้านใดที่ตัด ถุงพลาสติกใส รองอาหาร จะได้รับสารก่อมะเร็งถึง 2 เด้ง ทั้งสไตรีน และไดออกซิน จากถุงพลาสติก

หากรับประทานอาหารจากกล่องโฟม วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันนาน 10 ปี มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า ที่สำคัญกล่องโฟมทนความร้อนได้เพียง 70 องศาเซลเซียส แต่สิ่งที่เราทานกันเป็นประจำ เช่น ข้าวผัด หรือผัดกะเพรา เป็นต้น ล้วนมีความร้อนเกินมาตรฐานกำหนด ส่งผลให้สารอันตรายปนเปื้อนออกมากับอาหารในปริมาณสูง ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุ

ห้ามใช้?..รู้หรือไม่

เมื่ออันตรายทำไมเกือบทุกร้าน ไม่ว่าจะร้านข้างทาง หรือบางภัตตาคารใหญ่ จึงยังมีการใช้ กล่องโฟม ใส่อาหารกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจากข้อมูลของ กรมควบคุมมลพิษ พบว่า ตั้งแต่ปี 2552-2556 มีขยะประเภทโฟมเพิ่มขึ้นจาก 34 ล้านชิ้น เป็น 61 ล้านชิ้น ดังนั้นเฉลี่ยแล้วคนไทยใช้ภาชนะจากโฟมอย่างน้อย 1 ชิ้นต่อคนต่อวัน

คำถาม ต่อมา คือ แล้วทำไมภาครัฐไม่จัดการ

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย ให้ คำตอบ ถึงคำถามข้างต้น ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข มาเป็นเวลา 10 ปี แล้วว่า ห้ามใช้ กล่องโฟมที่ไม่ได้มาตรฐานมาใส่อาหารร้อน และอาหารมัน เพราะกระทบต่อสุขภาพ แต่ไม่ค่อยได้ผลนัก ปัจจุบันจึงยังพบเห็นได้เสมอตามท้องตลาด ที่ผ่านมาทางกรมอนามัยจึงใช้วิธีรณรงค์ให้ร้านค้าเปลี่ยนภาชนะบรรจุอาหารจากกล่องโฟม เป็นภาชนะที่ผลิตจากธรรมชาติ หรือ ไบโอโฟม แทน แต่การปรับเปลี่ยนให้ผู้บริโภคหันมาใช้ไบโอโฟมเป็นไปได้ยาก เพราะราคาสูงกว่าโฟม 2-4 เท่า

กล่องโฟมเมื่อโดนความร้อน หรือของมัน จะละลายสารสไตรีนที่เร่งให้เกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง และมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายออกมา แต่ผู้ประกอบการก็เอาง่าย เอาถูกเข้าว่า เชื่อหรือไม่ที่มันกระจายได้เร็วเพราะถูกมาก อัดใส่ข้าวกล่องหนึ่งต้นทุนไม่ถึง 1 บาท แต่หารู้ไม่ว่ามันเพิ่มค่าใช้จ่ายมากมายถ้าป่วยเป็นมะเร็ง ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเลิกใช้กันอย่างจริงจัง หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงการเอาภาชนะที่ปลอดภัยไปใส่อาหารเองจะดีที่สุด อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ไบโอโฟมตัวช่วยที่ถูกเมิน

ไล่เรียงตรวจสอบไปที่บรรดาพ่อค้าแม่ขาย พบว่า หลายๆแห่งรู้ถึงพิษภัยของ กล่องโฟม แต่ในมุมมองของผู้ลงทุนก็ต้องเลือกใช้ เพราะมัน ถูก

ป้าเตือนใจ แม่ค้าอาหารตามสั่งในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี กล่าวว่า ทราบพิษภัยของกล่องโฟมอยู่บ้าง ก็พยายามบอกนักศึกษาที่มาซื้ออาหารว่าคราวหน้าให้เอากล่องที่ใส่ข้าว หรือจานมาด้วย กลายเป็นว่านักศึกษาบางคนไม่เข้าใจ คิดว่าเรา งก กลัวเปลืองกล่องโฟมอีก อีกวิธีที่จะช่วยลดอันตรายจากกล่องโฟมได้ คือ เราจะพักอาหารให้เย็นลงหน่อยก่อนที่จะใส่ลงกล่องโฟม

ขณะที่ ป้าไสว แม่ค้าอาหารตามสั่งอีกแห่ง บอกว่า ไม่รู้เรื่องที่กฎหมาย ห้ามใช้ แต่พอรู้ถึงเรื่องอันตรายบ้าง แต่จะให้ทำอย่างไร เพราะกล่องโฟมมีราคาถูก และใช้สะดวก ถ้าไม่ใช้กล่องโฟมก็ไม่รู้จะใช้อะไร จะให้ใช้พวกกล่องโฟมจากธรรมชาติที่เรียกว่า ไบโอโฟม ก็ไม่ไหว เพราะมันแพงกว่า อีกอย่างลูกค้าก็เต็มใจที่จะให้ใส่กล่องโฟมเพราะสะดวก ไม่เสียเวลาต้องล้างจานด้วย

กล่าวสำหรับ ไบโอโฟม ถูกยกให้เป็น ตัวช่วย ในเรื่องนี้ เพราะผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ชานอ้อย เยื่อไผ่ มันสำปะหลัง เป็นต้น ทนทานต่อความร้อน ใช้กับอาหารมีไขมันได้ เข้ากับไมโครเวฟได้ การย่อยสลายดีมาก คือ ถ้าทิ้งไว้ 45 วันก็ย่อยสลายหมดแล้ว เพราะทำจากธรรมชาติ แตกต่างจากโฟมที่ต้องใช้เวลา 450-1,000 ปีขึ้นไปกว่าจะย่อยสลายหมด

อย่างไรก็ดีแม้ บรรจุภัณฑ์สะอาด อย่างไบโอโฟมจะเป็นมิตรกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านเรามากนัก เพราะราคาที่สูงกว่าโฟม ซึ่งคนทั่วไปจะมองว่าทำไมต้องซื้อแพงกว่าในเมื่อมีของราคาถูกกว่าให้ใช้ และประเทศไทยยังไม่มีการ รณรงค์ ที่ชัดเจน จริงจัง ทั้งมาตรการสนับสนุนราคาวัสดุทดแทนโฟมให้ถูกลง การรณรงค์ส่งเสริมให้ใช้วัสดุย่อยสลายได้

เหนือสิ่งอื่นใด.ต้องอาศัย พลังผู้บริโภค ที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันงดใช้ กล่องโฟม ไม่เช่นนั้นก็คงต้องรับประทานเมนู ข้าวคลุกสไตรีน กันต่อไป ทั้งๆที่รู้ว่า ความตาย กำลังคืบคลานเข้ามาพร้อมๆกับความอร่อยที่วางอยู่ตรงหน้า!!!

cr. : หนังสือพิมพ์แนวหน้า



บทความแนะนำ


อุดมโน้สข่าวบันเทิงซากสัตว์ประหลาดน้องชูใจการศึกษาเอเลี่ยนตัวประหลาดทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก