อย่าเพิ่งเครียดไป!! 3 สิ่งที่คุณควรทำ เมื่อแฟนบอกว่า ขอห่างกันซักพัก

พิมรู้ค่ะสาวๆ ว่าเมื่อไหร่ที่แฟนเราเอ่ยประโยคนี้หลุดออกมาจากปาก เราก็กลัวไปสารพัด เพราะมันเกิดความรู้สึกไม่มั่นคงขึ้นในความสัมพันธ์ บ้างก็กลัวว่าเขามีคนอื่น บ้างก็กลัวว่าเขาจะเลิก แฟนคุณอาจจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่เขาอาจบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาต้องโฟกัสที่งานก่อน หรือแม้แต่อยู่ดีๆ ก็บอกให้คุณโฟกัสกับตัวเอง! และสิ่งที่แย่กว่านั้นคือเขาทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คุณรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่มันกำลังจะทำให้คุณคลั่งตาย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้าเขาทำให้คุณรู้สึกว่าเขาอยากอยู่ห่างๆ คุณเมื่อไหร่ ย่อมทำให้คุณรู้สึกตื่นตระหนกและกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งนั้น

ผู้หญิงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เริ่มที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาอยากห่างและเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว จนบางครั้งก็ทำให้เราใช้พื้นที่สมองหมดไปกับเรื่องที่เราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ความผิดหวังเริ่มมาเยือนก่อนเวลาอันควร และคุณเองก็เริ่มสับสนว่าคุณต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ถ้าดีหน่อยก็ยอมให้พื้นที่ส่วนตัวเขาไป แต่หลายคนอาจทำพลาดโดยการต้องการที่จะแก้ไขให้ความสัมพันธ์มันกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม สิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจคือผู้ชายไม่เหมือนกับผู้หญิง ผู้ชายไม่ได้เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยการหาแนวร่วมสนับสนุนจากเพื่อนๆ เหมือนผู้หญิง ดังนั้นชายหนุ่มจึงมักที่จะขอหลบไปอยู่ในถ้ำให้สบายใจ แล้วค่อยกลับออกมาเมื่อเริ่มคิดหาทางแก้ไขได้ค่ะ

และบางครั้งการที่เขาส่งสัญญาณว่าต้องการพื้นที่ส่วนตัว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขามีปัญหากับคุณ ผู้ชายหลายต่อหลายคน เครียดเรื่องงานและต้องการใช้เวลาคิดหาทางออกด้วยตัวเอง โดยเขาอยากอยู่เงียบๆ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักคุณ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จะให้สาวๆ อย่างเราไม่ตกใจกลัวเลยก็คงจะยาก วันนี้พิมเลยอยากมาแชร์วิธีการรับมือเมื่อ คนรักของคุณจู่ๆ ก็มาบอกว่าต้องการพื้นที่ส่วนตัวค่ะ

เพราะเขามีความเครียด

ปัญหาทั่วไปเวลาผู้ชายเริ่มเงียบๆ หายๆ ไปจากเราคือเมื่อเวลาที่เขาเครียด อาจจะเป็นเรื่องงานหรือแม้แต่เขารู้สึกถึงความ ตึงเครียดในความสัมพันธ์ที่คิดว่ากำลังถูกกดดันหรือจ้องจับผิดอยู่ก็ได้ ผู้ชายจะไม่ค่อยพูดถึงปัญหาเพราะเขาอาจมองว่า มันเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนแอ ชายหนุ่มมักที่จะมอง ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางและไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจเมื่อเขาเริ่มเครียด ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำอย่างที่สุดคือ ?อย่าบังคับ? ให้เขาพูดถึงปัญหา และแย่กว่านั้นคือการที่คุณพยายามจะแก้ปัญหาแทนเขา แม้ว่าคุณจะมีเจตนาที่ดี แต่มันอาจทำให้เขารู้สึกขาดความเป็นแมนและแสดงถึงความไม่ไว้วางใจในตัวเขา คุณต้องปล่อยให้เขาแก้ปัญหาเองและรับฟังเมื่อเขาต้องการที่จะระบาย เพื่อที่จะทำให้เขารู้สึกภูมิใจที่สามารถจัดการชีวิตตัวเองได้ ถ้าเขาเอ่ยปากขอพื้นที่ส่วนตัว ให้พยายามคิดว่ามันอาจจะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับคุณก็ได้ ถ้าคุณไปโกรธเขาอีก เขาจะรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าคุณเองก็ เป็นอีกปัญหาหนึ่งในชีวิตของเขาซึ่งจะทำให้ตึงเครียดไปใหญ่

เพราะเขารู้สึกว่าเราไม่เห็นคุณค่าในตัวของเขา

อีกสาเหตุหนึ่งที่หนุ่มๆ อยากอยู่ห่างๆ จากเรา คือเมื่อเขารู้สึกว่าเขาทำอะไรไปก็ไม่พอสำหรับเรา เขารู้สึกว่าคุณไม่เห็นคุณค่าในตัวเขาหรือสิ่งที่เขาทำให้ ซึ่งคุณต้องคอยสังเกตคนรักของคุณว่าอะไรทำให้เขารู้สึกเป็นที่รักและชื่นใจ ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องดูด้วยว่าอะไรทำให้เขาห่างเหินจากคุณ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดโดยบังเอิญที่คุณอาจหลุดออกไป เพราะหนุ่มๆ คงไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างเช่นสาวๆ อย่างเรา เพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ดังนั้นเมื่อคุณ เริ่มสังเกตสิ่งที่เขาชอบและไม่ชอบแล้ว คุณลองถามเขาดูว่ามันพอจะทำอะไรให้เขารู้สึกดีขึ้นได้อีกมั้ย ลองฟังเขาดีๆ คุณอาจจะแปลกใจกับสิ่งที่เขาต้องการก็เป็นได้! อย่าลืมว่าเมื่อคุณต้องการที่จะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง หนุ่มๆ เขาก็จะเปิดใจรับฟังคุณมากกว่าการด่าทอหรือการพูดประชดค่ะ

ให้เวลาเขาบ้างค่ะ

ปล่อยให้เขาได้ใช้เวลาและความเป็นส่วนตัวไป โดยที่เราไม่ไปตามเขาทุกย่างก้าว เติมเต็มคุณค่าในตัวคุณ ด้วยการปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเพราะนี่คือโอกาสที่คุณจะได้ใช้เวลาดูแลตัวเองเช่นกัน พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่าคุณเป็นผู้หญิงที่สามารถเป็นที่รักของคนทั่วไปได้ บางครั้งเราไม่ปล่อยเขาไปเพราะเรากลัวว่าความรักครั้งนี้อาจจะล้มเหลวเหมือนความรักครั้งที่แล้วในอดีต เรากลัวว่าเราจะควบคุมความสัมพันธ์ให้ไปในทางที่เราคาดหวังไม่ได้ จนลืมนึกถึงความรู้สึกของตัวเองไปเลยว่ามันอาจทำร้ายเรามากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก การให้เวลาหนุ่มๆ เขาไปชาร์จแบตเติมพลังอาจทำให้ความสัมพันธ์ของคุณดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ จนทำให้คุณและเขารู้สึกเติมเต็มมากขึ้นก็ได้นะ กลัวได้แต่อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป ในขณะนี้ ถ้าคุณต้องการที่จะสื่อสารกับเขาก็ต้องทำด้วยความนิ่มนวล อย่าไปเผลอโจมตีให้เขาหนีหาย เพราะนี่คือโอกาสที่คุณจะให้เขาได้เป็นผู้ชายในแบบที่ดีที่สุดที่เขาอยากจะเป็น

เกี่ยวกับ Pim Ujjin นักเขียนรับเชิญคนเก่งของ Lisa Guru

คนชอบสบประมาทว่าเราสวย เรื่องความรักไม่น่ามีปัญหา แต่เอาจริงๆ ความสวยมันเกี่ยวอะไรกับการรักษาความรักไว้ให้อยู่นานๆ ใช่อยู่คนหน้าตาดีก็มีทุนที่ดีคือมีตัวเลือกมาก แต่ลองคิดดีๆ การมีตัวเลือกมาก ก็ไม่ได้การันตีว่าจะมีความรักที่ดีนะคะ และการจะมีรักแท้นี่มันอยู่ที่ใจ ไม่งั้นคนสวยจะโสดกันเยอะขนาดนี้เหรอ จริงมั้ย?พิมจบตรีด้านการจัดการการสื่อสารภาคภาษาอังกฤษ คณะนิเทศศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไปเรียนต่อด้าน Luxury Brand Management ที่ Europeans Business School London ประเทศอังกฤษค่ะ จนพิมเริ่มสังเกตตัวเองว่าเป็นคนที่มีเพื่อนๆ มาปรึกษาเรื่องความรัก ความสัมพันธ์เยอะมาก และรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เยียวยาและช่วยเหลือผู้อื่น

พิมคิดว่าคนปัจจุบันดูไม่แคร์โลกและคนรอบข้างเกินไป อะไรไม่ได้ดั่งใจก็ละเลิกความพยายาม พิมเลยคิดว่าพิมอยากเผยแพร่ความเข้าใจของพิมในแง่มุมความรักให้คนอื่นๆ ได้ลองเอาไปคิดต่อดู จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่พิมคิดว่าความรักบางครั้งมันก็ซับซ้อนและไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด แบบว่าถ้าเธอไม่เป็นอย่างที่ฉันหวังก็เลิก เอาจริงๆ มันไม่มีคนที่สมบูรณ์แบบแม้แต่ตัวเราเองก็เถอะ ความรักก็เหมือนงาน ต้องการคนดูแลเอาใจใส่และการวางแผน คนเราถ้ากำลังใจมันเต็มเปี่ยม รู้ว่ามีอีกคนคอยรักเรา จะให้เดินขึ้นภูเขา ฝ่าทะเลอะไรก็ไม่กลัวหรอก อีกอย่างพิมอยากให้หลายๆ คนเริ่มมีความรักแบบมีสติ ไม่เอาแต่ใจตัวเองด้วยค่ะ อยากให้ทุกคนมีความรักที่ดีว่าง่ายๆ

ปรัชญาของพิมคือ เวลาเป็นของขวัญล้ำค่า คุณให้เวลากับใครเปรียบได้เหมือนคุณแบ่งส่วนนึงของชีวิตที่คุณขอคืนกลับมาไม่ได้แก่คนๆ นั้น ดังนั้นอย่ารอที่จะแสดงความรัก ความไม่แน่นอนนั้นแน่นอนที่สุด เวลาของคนผ่านไปเร็วมากๆ อยากทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำซะ ตราบใดที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น และเมื่อเจอปัญหาก็ให้คิดว่านี่คือหนทางที่จะทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น ดังนั้นเลือกปฏิบัติกับตัวเองดีๆ เมื่อเจอเรื่องร้ายเราจะเห็นเลยว่าทางเลือกของเรามันจะทำให้เราเป็นคนดีหรือเลว แต่มันอยู่ที่เราเพราะชีวิตมีทางเลือกเสมอ