จะรู้ได้ยังไงว่าเราควรให้โอกาสตัวเองไปเดทกับคนๆ นี้อีกครั้ง
เราถูกใจคนๆ
นึงที่รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างแรก
แต่พอได้ใช้เวลาด้วยกันในเดทแรกแล้วก็เริ่มได้รู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้น
บางทีเราก็สับสนกับการหลงใหลในรูปร่างหน้าตาหรือว่าชอบนิสัยเขาจริงๆ
ไม่เป็นไรนะ ใจเย็นๆ
ลองสำรวจความรู้สึกไปด้วยกันดีกว่าว่าพอได้เจอกันแล้วเรารู้สึกยังไงตอนที่อยู่ด้วยกันไม่ได้คิดอยากจะคุยกับใครนอกจากเขา
ปกติเวลาเราอยู่กับเพื่อนก็จะหยิบมือถือขึ้นมาแชทกับคนนั้นคนนี้อยู่เป็นประจำ
ซึ่งไม่ใช่นิสัยที่ดีซักเท่าไหร่ แต่คนที่อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ก็ให้อภัยได้
พอเราลืมไปเลยว่าอยากจะแชทกับพ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อนสนิท หรือหนุ่มอื่นๆ
ที่คุยอยู่ ตอนอยู่ด้วยกันมันเป็นอะไรที่น่ารักดีนะ
เป็นสัญญาณแรกที่ดีมากเลยล่ะและไม่มีใครหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเลยตอนอยู่ด้วยกัน
มันเป็นจริงๆ
นะยิ่งโดยเฉพาะในยุคนี้ที่คนเรานั่งด้วยกันอยู่ดีๆ
ก็หยิบโทรศัพท์เล่นทำนู่นนี่
สไลด์อินสตาแกรม/เฟสบุ๊คกันอย่างเมามันความจริงถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนก็ควรรอไปก่อนเพราะนี่เป็นความประทับใจแรก
ใครจะอยากพูดอยู่คนเดียวขณะที่อีกคนนั่งจ้องจอมือถือเล็กๆ
แทนหน้าเรากันล่ะไม่มี ?แฟนเก่า? ผุดขึ้นมากลางวงสนทนา
วงสนทนาที่ว่านี้มีแค่เราสองคนนั่นแหละและแม้ว่าจะเป็นการพูดถึงเฉยๆ
หรือยกตัวอย่าง นึกดูสิว่าไม่มีใครอยากได้ยินหรอกว่าความสัมพันธ์เก่าๆ
ของเธอหรือเราเป็นแบบไหนในครั้งแรกที่เจอกัน
เรื่องแบบนี้น่าจะรอให้เรียนรู้กันไปซักพัก
เพิ่งเจอกันเมื่อกี้ของเรื่องที่เบาสมอง เบาหัวใจดีกว่านะจ๊ะมีความสุภาพกับพนักงานในร้านอาหารหรือคนทั่วไป
แม้ว่าต้องใช้เวลารอนาน
แต่ก็เขาก็ไม่ได้ดูใจร้อนจะต้องต่อว่าอะไรเดี๋ยวนั้น
ซึ่งบางคนนี่ไม่ได้เลยนะต้องโวยไว้ก่อนดูมีอำนาจและเราก็พร้อมจะมองข้ามไปเพราะเขามีนิสัยดีอื่นๆ
ที่ทดแทนกันได้ พอมาเจอคนที่ใจเย็น สุภาพ ทวงถามด้วยคำพูดดีๆ
ก็เซอร์ไพรซ์ไง ไม่ใช่นะ คนไนซ์ก็ควรจะไนซ์กับทุกคนเขาเล่าเรื่องครอบครัว
ไม่ใช่ปัญหาครอบครัวนะที่เราโฟกัส
แต่เป็นเรื่องคุณพ่อ คุณแม่ กิจกรรมที่ทำด้วยกัน
แสดงถึงความอบอุ่นอะไรอย่างนั้น
เราจะดูรู้ว่าเขาเฟคหรือว่าเขามีความรู้สึกดีๆ กับครอบครัวจริงๆ
มันสัมผัสได้ผ่านโทนเสียง คำพูด การเล่าเรื่องและการตอบคำถาม
เรื่องนี้ต้องใช้เซนส์เยอะๆเขาตั้งคำถามที่ตั้งใจฟังคำตอบ
นี่เป็นสัญญาณของคนที่อยากรู้จักกันจริงๆ
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาสนใจฟัง เขาจะถามต่อไง
ต่อยอดจากคำตอบที่ได้ไปและจะไม่ย้อนถามคำถามที่ถามไปแล้วซ้ำๆ ซากๆ
แม้จะในหนึ่งเดทนั่นแหละบทสนทนาเป็นไปเรื่อยๆ ไม่มีสะดุด
แทบจะไม่มีช่วงไหนเลยที่เราอึดอัดใส่กันยกเว้นตอนแรก
เรียกว่าต่างคนต่างสามารถทำลายกำแพงน้ำแข็งกันและกันได้อย่างไร้ร่องรอยหลงเหลือใด
ทุกอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติจนนึกว่ารู้จักกันมานานแล้วผีเสื้อบินวนในท้อง
มันมีอยู่จริง คนที่เคยรู้สึกเท่านั้นจะรู้ว่ามันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
อยากจะเล่าให้เพื่อนฟังทันทีที่แยกกัน
จริงๆ
แล้วอันนี้จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี อะไรพีคๆ
ก็อยากจะเล่าให้เพื่อนฟังทั้งนั้นแหละ
เอาเป็นว่าเรารู้ก็แล้วกันว่าถ้ามันไม่แย่มาก
มันก็จะต้องดีมากไปเลยถึงอยากจะเล่า
เป็นความรู้สึกตื่นเต้นที่เล่าอะไรไปก็ไม่รู้เรื่อง เรื่องประทับใจเล็กๆ
น้อยๆ เต็มไปหมด ?เขาหัวเราะตอนฉันเล่นมุกด้วยล่ะแกกก? อะไรแบบเนี่ย!
นึกออกมั๊ยเราแอบรอข้อความของเขาในเช้าวันถัดไป
คือเขาส่งมามั๊ยไม่รู้นะ แต่เราแคร์ด้านความรู้สึกของเราก่อนเลย ถ้าเรารอแปลว่าเราใส่ใจเขานั่นแหละ
หยุดยิ้มไม่ได้
ไม่ได้ยิ้มอ่อนด้วยนะ
ยิ้มกว้างเป็นคนบ้า
แค่นึกถึงหน้าเขากับตอนที่ใช้เวลาด้วยกันมันทำให้เรายิ้มอยู่คนเดียวได้เป็นอาทิตย์
อาการหนักละรู้สึกแค่ครึ่งเดียวก็ว่าได้แล้วนะ ถ้าครบทั้งหมดนี้ ไฟเขียว ผ่านค่ะ คุณและเขาได้ไปต่อ!!!