พรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบ 10 ปีแล้วครับที่ผมกับสามีชาวเบลเยี่ยมได้แต่งงานกันตามกฎหมาย แต่

อ่าน 10,624

ผมตั้งกะทู้นี้เป็นกะทู้แรก ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วย

ขอเล่าหน่อยว่าผมรู้จักกับสามีมา 2 ปีก่อนที่จะย้ายไปอยู่ฮอลแลนด์(สามีทำงานบริษัทข้ามชาติอยู่ที่นั่น) เมื่ออยู่ด้วยกันครบ 3 ปี เขาก็ขอผมแต่งงาน

ซึ่งวันที่สามีขอ(จริง ๆ คือคุยกันดี ๆ /ไม่ได้คุกเข่าขอแต่งกันแบบที่เห็น ๆ ตามโลกโซเชียลสมัยนี้) จำได้ว่าผมถามเขากลับไปว่าทำไมต้องแต่งด้วย อยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดีแล้ว คือผมไม่เคยคิดว่ามันสำคัญยังไง ก็คิดว่าแค่รักกันก็อยู่กันไป ก็แค่นั้น หากวันไหนเกิดเบื่อหน้ากันผมก็แค่หอบผ้าหอบผ่อนหนีกลับไปอยู่เมืองไทย แค่นั้นเอง

แต่นับตั้งแต่แต่งงานกัน โพรไฟล์ของสามีเปลี่ยนเป็นสมรสกับผม ทำให้ผมได้สวัสดิการคุ้มครองและสิทธิต่างๆ ทั้งจากที่ทำงานของสามีและจากทางรัฐฮอลแลนด์และเบลเยี่ยม เช่น ได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ของที่ทำงานสามีในกรณีที่เขาเชิญคู่สมรส(อันนี้ชอบมากเพราะได้กินฟรี 5555) มีประกันสุขภาพและสวัสดิการสังคมครอบคลุมผมในฐานะสมาชิกของครอบครัวของเขา มีความสะดวกในการขอวีซ่า คือได้เรสสิเด้นท์เปอร์มิท หรือหากย้ายไปอยู่ประเทศอื่นก็แค่เดินเข้าไปสถานฑูตของเบลเยี่ยมพร้อมกับทะเบียนสมรสก็ได้วีซ่ามาง่าย ๆ ผมได้เครดิตทางการเงินร่วมกับสามี มีแผนออมเงินร่วมกัน แม้ตอนนี้เราสองคนยังไม่มีแผนจะซื้อบ้านในยุโรป แต่ถ้าเราทำ มันจะเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งสองคน สามารถกู้ร่วมได้และจะเป็นกรรมสิทธิ์ของทั้งคู่

แต่สิ่งเหล่านั้นมีเฉพาะในยุโรป เพราะเมื่อปีก่อนตอนเราทุบกระปุกซื้อบ้านที่ไทย กลายกลับเป็นว่าผมยังเป็นโสดตามกฎหมายไทย มีปัญหาว่าใครจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่เอาเงินเก็บร่วมกันมาซื้อ แถมเวลาเรากลับไปเที่ยวเมืองไทยแต่ละครั้งสามีก็ได้แค่วีซ่านักท่องเที่ยว ไม่มีศักดิ์หรือสิทธิ์อะไรในฐานะคู่สมรสของคนไทยคนหนึ่ง ในขณะที่เมื่อผมไปบ้านเมืองเขา กลับได้สิทธิ์ทุกอย่างของความเป็นความคู่สมรส มันเหมือนกับกฎหมายมันทำให้ผมมีแต่"ได้"กับ"ได้"

ผมอยากให้การแต่งงานของคนเพศเดียวกันเป็นเรื่องถูกกฎหมายในบ้านเราซะทีครับ ไม่ใช่แค่จะมีผลในเรื่องความเสมอภาคของการแต่งงานกับคนที่มาจากประเทศแถบยุโรปเท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้คู่รักร่วมเพศในบ้านเราเองได้ร่วมกันสร้างชีวิตคู่ร่วมกันเสมอภาคมากขึ้น คือต่างคนก็ต่างจะมาร่วมกันสร้าง จะกู้ร่วม จะช่วยกันผ่อนบ้านผ่อนรถก็ว่ากันไป ไม่ใช่ว่า"อยู่ด้วยกันไปวัน ๆ อย่างนี้แหละ เพราะเดี๋ยวเลิกกันไปฉันก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี" นอกจากนี้จะลดการแต่งงานบังหน้า ทำให้คู่รักเพศไหน ๆ ก็สร้างครอบครัวร่วมกันได้ ทั้งจะลดมายาคติที่ว่าคู่แต่งงานต้องเป็นชาย-หญิงเท่านั้น ซึ่งอาจเบี่ยงเบนเพศสภาพของเกย์คนหนึ่งให้กลายเป็นกะเทยแต่งหญิง ซึ่งจะขัดแย้งกับเพศสภาพจริง เพราะจริง ๆ แล้วเพศสภาพของคนเราเบี่ยงเบนได้หลายระดับ การยึดติดกับภาพที่ว่าคู่แต่งงานต้องเป็นแค่เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวมันตัวเร่งระดับความเบี่ยงเบนทางเพศ เผลอ ๆ หลอกหมอขอแปลงเพศไปแล้วแต่มาพบตัวเองทีหลังว่าเราไม่ได้เบี่ยงเบนถึงระดับนั้น ที่สุดแล้วอาจกลายเป็นความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้

อย่างทุกวันนี้ผมย้ายตามสามีมาอยู่เซี่ยงไฮ้ การแต่งงานของเราไม่มีผลตามกฎหมายจีน ทำให้หมดโอกาสได้วีซ่าคู่สมรส โชคดีที่ผมหางานทำได้เองเลยได้วีซ่าทำงาน คิดดูว่าหากผมหางานทำไม่ได้ จะประคองชีวิตคู่กันไปในสภาพไหน

คนสองคนรักกันมันก็มีปัญหาอยู่แล้ว และไม่มีกฎหมายรองรับนี่แหละสร้างปัญหาขึ้นมาอีกมากมาย ผมพบว่าบางคู่รักกันแต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ หรือแม้แต่ปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ ที่เข้ามาเป็นอุปสรรค "นี่ของฉัน-นั่นของเธอ" แทนที่จะเป็น"ของเราสองคน" ซึ่งจะทำให้ชีวิตคู่มีความยั่งยืนมากกว่า

คนสองคนรักกันเป็นเรื่องดีแน่ๆ อยู่แล้วป่ะครับ แต่เลิกจำกัดว่ามันจะต้องเกิดจากความรักต่างเพศกันได้ไหม ความรักมันจะได้สวยงามตามที่มันควรจะเป็นน่ะครับ

นี่ผมขอมากเกินไปหรือเปล่าครับ



บทความแนะนำ


เทรนด์แฟชั่นกรุงเทพนาวินต้าร์โมโนโครมแฟชั่นพากินแนะนำร้านเด็ดร้านสามสีทะเลเผาที่เที่ยวข่าวบันเทิงที่กินท่องเที่ยวภาคกลางคิทตี้แฟนนาวินต้าร์monochormอาหารทะเลทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก